ชิงะโคเก็น (Shiga Kogen) หรือ ที่ราบสูงชิงะ (Shiga Highlands) เป็นที่ตั้งของสกีรีสอร์ทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยจำนวนสกีรีสอร์ทย่อย 18 แห่งและ Skilift กว่า 70 ตัว ขนาดของที่นี่จึงเรียกได้ว่ามหึมา ใครที่จะชอบกิจกรรมฤดูหนาวต่างๆ จะชอบชิงะโคเก็นอย่างแน่นอนครับ
ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำที่เที่ยวชิงะโคเก็นให้คุณรู้จักอย่างคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักชิงะโคเก็น (Shiga Kogen)
ชิงะโคเก็น (Shiga Kogen) ตั้งอยู่ในเขตเมืองยามาโนจิ (Yamanochi) ในจังหวัดนากาโน่ โดยเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติโจชิเนทสึ (Joshinetsu National Park) ด้วยเหตุนี้พื้นที่บริเวณนี้จึงอุดมไปด้วยภูเขาสูงมากมาย
อันที่จริงแล้วชิงะโคเก็นเป็นสกีรีสอร์ทที่สูงจากระดับน้ำทะเลเป็นอันดับ 2 ในญี่ปุ่น ด้วยความสูงกว่า 2,300 เมตร และความต่างในระดับความสูงจากด้านบนและด้านล่างของลานสกีอยู่ที่ 1,000 เมตรครับ
จุดแข็งอย่างหนึ่งของที่นี่มีที่ราบสูงชิงะจะมีหิมะแบบ powder snow เช่นเดียวกับสกีรีสอร์ทชื่อดังอย่างนิเซโกะแห่งเกาะฮอกไกโด ซึ่งเอื้อต่อการทำกิจกรรมฤดูหนาวทุกรูปแบบเลยครับ ขนาดโอลิมปิกฤดูหนาวในปี ค.ศ.1998 ยังจัดที่นี่มาแล้ว
ปัจจุบันชิงะโคเก็นถูกแบ่งออกเป็น 5 ส่วนด้วยกัน ประกอบด้วยดังต่อไปนี้
- Central Area – โซนตรงกลางเป็นที่ตั้งของสกีรีสอร์ทย่อยกว่า 13 แห่ง
- Yokoteyama-Shibutouge Area – ที่ตั้งของของสกีรีสอร์ทที่มีหิมะแบบ powder snow ที่ดีที่สุด และยังตั้งอยู่สูงที่สุดด้วย (2,300 เมตร) แถมเวลาเล่นคุณยังได้ชมวิวสวยๆ ของภูเขาคาซะดาเกะ (Mt.Kasadake) หรือแม้กระทั่งภูเขาไฟฟูจิ (ในวันที่ฟ้าเปิดเท่านั้น)
- Kumanoyu – ลานสกีรูปพัด ซึ่งเป็นมิตรกับมือใหม่เพิ่งหัดเล่นครับ
- Okushigakogen Area – มีลักษณะเป็น Free Line Park เหมาะกับการเล่นสกีและสโนว์บอร์ด
- Yakebitaiyama Area – ลานสกีที่ใช้เป็นสถานีแข่งขันโอลิมปิกมาแล้ว รวมไปถึงลานสกีที่ผ่านย่านป่าสูงครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปชิงะโคเก็นทำอย่างไร?
นักเดินทางส่วนมากเดินทางไปชิงะโคเก็นจากโตเกียว โดยขั้นตอนแรกคือคุณจะต้องนั่ง Hokuriku Shinkansen ไปยัง Nagano Station ซึ่งถ้าคุณไปเที่ยวเมืองอื่นที่ชินคันเซนสายนี้ผ่านอย่างเช่น คารุอิซาวะ, โทยามะ หรือแม้กระทั่งคานาซาว่าก็สามารถใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน
หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ ขั้นตอนที่ 2 ซึ่งมีตัวเลือกดังต่อไปนี้
- Nagaden Bus – ผู้ให้บริการรถบัส “Nagaden Bus” มีให้บริการ Shiga Kogen Express Bus จากสถานี Nagano Station ไปยังชิงะโคเก็นซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 70 นาทีครับ วิธีนี้ถือว่าง่ายที่สุด ซับซ้อนน้อยกว่าวิธีด้านล่าง
- รถไฟ + รถบัส – วิธีนี้คุณจะต้องขึ้น Nagano Electric Railway จากสถานี Nagaden Nagano Station ไปยัง Yudanaka Station แล้วต่อรถบัสเข้าชิงะโคเก็นครับ แต่รถบัสมีแค่ชั่วโมงละคัน ดังนั้นถ้าพลาดไปก็ต้องรอพอสมควร
อีกตัวเลือกหนึ่งคือการเช่ารถขับไปโดยตรงจากเมืองใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว หรือแม้กระทั่งนากาโน่ วิธีนี้คือตัดปัญหาเรื่องการเดินทางไปได้ทั้งหมด และยังช่วยให้คุณไปเที่ยวสถานที่อื่นๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นฮาคุบะ หรือ คามิโคจิครับ
แต่การขับรถต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถนนจะถูกปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็งตลอดช่วงฤดูหนาวครับ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของ Shiga Kogen Tourist Association แต่โปรดตรวจสอบที่ต้นทาง (ตามลิงค์) ด้วยตนเองอีกครั้งก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ
สำหรับใครที่อยากจะไปเล่นสกีที่นี่ ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักชิงะโคเก็นน่าจองของผมเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
1. เล่นสกีและกิจกรรมฤดูหนาว
ในฐานะสกีรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ชิงะโคเก็นมีสกีรีสอร์ทย่อยถึง 18 แห่งด้วยกัน และมีกิจกรรมฤดูหนาวทุกอย่างที่คุณนึกออก ไม่ว่าจะเป็นสกี สโนว์บอร์ด ไปจนถึง Snowshoe และอื่นๆ อีกมากมายครับ
แม้ว่าจะมีสกีรีสอร์ทมากขนาดนี้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายแยกครับ เพราะมีตั๋วเหมาขายในราคา 6,500 เยนต่อวัน พอซื้อแล้วก็สามารถเข้าเล่นได้หมดทุกแห่ง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ
โดยทั่วไปแล้ว Ski Season ของชิงะโคเก็นจะเริ่มต้นช่วงต้นเดือนธันวาคม และดำเนินต่อไปถึงช่วงพฤษภาคม หรือเป็นเวลากว่าครึ่งปีเลยครับ เพราะฉะนั้นในช่วงสงกรานต์แล้วยังอยากเล่นสกีที่ญี่ปุ่น คุณก็สามารถไปที่นี่ได้ครับ
2. ชมใบไม้เปลี่ยนสี
แม้ว่าชิงะโคเก็นจะมีชื่อเสียงเรื่องสกีรีสอร์ท แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าที่นี่มีดีเฉพาะในช่วงฤดูหนาว อันที่จริงแล้วที่นี่เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอันยอดเยี่ยม ไม่แพ้ที่ใดในนากาโน่ครับ โดยจุดที่น่าสนใจได้แก่
น้ำตกคันมัน (Kanman Waterfall) – น้ำตกขนาดใหญ่ที่สูงถึง 107 เมตร และล้อมไปด้วยหน้าผา ภูเขาหิน และป่าไม้อันงามตา ความสวยของใบไม้เปลี่ยนสีที่จุดนี้นั้นมิรู้ลืมจริงๆ ครับ
สระโอนุมะ (Onuma Pond) – ผืนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในชิงะโคเก็น และเกิดจากการที่แม่น้ำถูกมวลลาวาจากภูเขาไฟสกัดกั้นเอาไว้ เกิดเป็นสระและทะเลสาบขนาดเล็กขึ้นมา ตัวสระมีสีเขียวมรกต หรือสีน้ำเงิน (แล้วแต่แสง สภาพอากาศและปัจจัยทางธรรมชาติอื่นๆ)
สระบิวะ, มารุ และฮาสุ – สระทั้งสามตั้งอยู่ใกล้กันและล้อมไปด้วยผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจะเปลี่ยนสีอย่างงดงามมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ ช่วงที่ดีที่สุดจะอยู่ที่สัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม
สระคิโดะ (Kido Pond) – สระที่ล้อมไปด้วยป่าเบอร์ช (Birch) น้ำในสระใสมาก ดังนั้นในวันที่อากาศดี คุณจะเห็นผืนป่าสีแสบตาสะท้อนลงบนผืนน้ำครับ
โอคุชิกะโคเก็น (Okushiga Kogen) – ที่ราบสูงที่มีผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ และมีถนนตัดผ่าน ทำให้เป็นจุดที่นักเดินทางมักมาขับรถชมวิวกันครับ
ภูเขาโยโกเตะ (Mt.Yokote) – จุดแรกของปีที่ใบไม้เปลี่ยนสีเริ่มต้นในเขตอุทยาน การขึ้นไปชมถือว่าไม่ยาก เพราะมีกระเช้าให้บริการครับ
3. เดินเทรค
ในช่วง Green Season นั้น กิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของชิงะโคเก็นก็คือการเดินเทรคไปตามเส้นทางต่างๆ ที่ทางอุทยานได้จัดไว้แล้ว ซึ่งในปัจจุบันมีมากถึง 17 เส้นทางด้วยกัน
แต่ละเส้นทางจะใช้เวลาเดินตั้งแต่ 2-6 ชั่วโมง และความยากมีตั้งแต่เดินง่ายมากไปจนถึงยากระดับต้องปีนป่าย ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่เว็บนี้เพื่อที่จะได้เลือกเส้นทางที่เหมาะสมได้ครับ
4. ชมลิงหิมะแช่น้ำ
สวนลิงจิโกคุดานิ (Jigokudani Monkey Park) เป็นสวนที่ฝูงลิงหิมะจะลงมาแช่น้ำร้อนในช่วงฤดูหนาว บ่อน้ำร้อนตรงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เกิดจากการสร้างของมนุษย์ครับ โดยสร้างใกล้กับผืนป่าที่ลิงหิมะเหล่านี้อาศัยอยู่
ภายในสวนเดินไม่ยากอะไร เพราะมีทางเดินที่ดี ซึ่งคุณจะได้ชมลิงเหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิดมากเลยครับ แต่ปัญหาอาจจะอยู่ที่การเดินไปที่สวนมากกว่า เพราะต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 25-30 นาทีครับ
5. แช่ออนเซ็น
ใกล้กับชิงะโคเก็นมีออนเซ็นเก่าแก่อยู่สองแห่งด้วยกันได้แก่ยุดะนากะออนเซ็น (Yudanaka Onsen) และชิบุออนเซ็น (Shibu Onsen) ทั้งสองแห่งมีอายุหลายร้อยปีครับ
บรรยากาศในยุดะนากะออนเซ็นจะมีความทันสมัยกว่าชิบุออนเซ็น โดยมีโรงอาบน้ำให้คุณผ่อนคลายอยู่หลายแห่ง หลังจากแช่น้ำเสร็จแล้ว คุณสามารถไปสักการะรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมสูง 25 เมตรซึ่งทำจากสำริดที่วัดในหมู่บ้านได้ครับ
ส่วนชิบุออนเซ็นนั้นจะมีกลิ่นอายของยุคเอโดะมากกว่า เรียวกังอายุหลายร้อยปีจากสมัยดังกล่าวยังคงตั้งอยู่ครับ นักท่องเที่ยวจึงมักจะสวมใส่ชุดยูกาตะและเดินไปตามตรอกแคบๆ ของหมู่บ้านแห่งนี้
อย่างไรก็ดีโรงอาบน้ำส่วนใหญ่ที่นี่จะไม่เปิดให้กับนักท่องเที่ยวขาจร คุณจำเป็นต้องพักในเรียวกังที่นี่เท่านั้นครับ
6. ชมหิ่งห้อย
ที่ราบสูงชิงะมีสวนอิชิโนะยุ (Ishinoyu) ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ทางธรรมชาติของหิ่งห้อยที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางธรรมชาติของประเทศ
ทั้งนี้สายพันธุ์หิ่งห้อยของที่นี่จะเป็นสายพันธุ์เกนจิ โบตารุ (Genji Botaru) ที่พบในญี่ปุ่นเท่านั้น และมีจุดเด่นที่หิ่งห้อยจะใช้เวลาเป็นตัวอ่อนในน้ำครับ
คุณสามารถชมหิ่งห้อยเหล่านี้ได้ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี แต่ต้องปฏิบัติตามกฎของอุทยานอย่างเคร่งครัดครับ
7. ขับรถเที่ยวตามเส้นทาง Shiga-Kusatsu Kogen Route
สำหรับใครที่เช่ารถมาเที่ยวชิงะโคเก็นในช่วงที่ไม่มีหิมะ (พฤษภาคมถึงพฤศจิกายน) คุณสามารถขับรถท่องไปตามเส้นทาง Shiga-Kusatsu Kogen Route ได้ครับ ซึ่งเชื่อมระหว่าง Shibu Onsen และ Kusatsu Onsen ครับ
เส้นทางนี้จะผ่านชิงะโคเก็นและพื้นที่อุทยานแบบเต็มๆ คุณจะได้เห็นวิวสุดสวยไม่ว่าจะเป็นแนวกำแพงหิมะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือ ผืนป่าสีแดงสีส้มในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ
ตัวอย่างทริปชิงะโคเก็น
ด้านล่างจะเป็นตัวอย่างทริปชิงะโคเก็นที่ผมได้จัดทำขึ้นไว้แล้ว คุณสามารถนำใช้และปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตรวจสอบเรื่องวิธีการเดินทางอีกครั้ง เพราะอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามผู้ให้บริการครับ
References
- Shiba Kogen Tourist Association
- Shibu Onsen Official Site
- Jigokudani Monkey Park Official Site