ชิมาบาระ (Shimabara) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรชิมาบาระในจังหวัดนางาซากิบนเกาะคิวชูของญี่ปุ่น ตัวเมืองนั้นร่ำรวยไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยเอโดะ ทำให้เป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าสนใจมากสำหรับใครที่ชอบเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม เรื่องราวในอดีต ตลอดจนวิถีชีวิตของผู้คนครับ
ในบทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองชิมาบาระโดยคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองชิมาบาระ (Shimabara)
ชิมาบาระเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันรุนแรงโชกเลือด ซึ่งอาจจะถึงกับระดับที่ว่าเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น โดยประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นเริ่มต้นในช่วงศตวรรษที่ 14-15 พื้นที่ส่วนนี้ในเวลานั้นอยู่ในการปกครองของไดเมียวตระกูลอาริมะครับ
ช่วงที่ตระกูลอาริมะปกครองเป็นช่วงที่พื้นที่บริเวณนี้มีการติดต่อกับโปรตุเกสอย่างมากมาย ทั้งทางด้านการค้าและศาสนา มิชชันนารีคาทอลิกได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเผยแพร่ศาสนาที่นี่ ทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ารีตเป็นชาวคริสต์ ท้ายที่สุดแม้แต่ผู้ปกครองอย่างตระกูลอาริมะเองก็ได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 ฮิเดโยชิได้กรีธาทัพใหญ่ยกมาปราบปรามเหล่าไดเมียวที่คิวชู ตระกูลอาริมะเห็นว่าภัยมาถึงจึงรีบสวามิภักดิ์ ทำให้ยังคงครอบครองพื้นที่ในปกครองต่อไป
หลังจากที่รัฐบาลโชกุนโตกุกาวะถูกสถาปนาขึ้นก็ได้มีทีท่าไม่เป็นมิตรกับศาสนาคริสต์ จนท้ายที่สุดในปี ค.ศ.1614 รัฐบาลโชกุนได้ประกาศห้ามนับถือศาสนาคริสต์อย่างเป็นทางการ และปราบปรามชาวคริสต์ญี่ปุ่นอย่างรุนแรง (บางคนถึงกับถูกนำไปโยนใส่บ่อร้อนที่อุนเซ็นเป็นต้น) ไดเมียวตระกูลอาริมะเองก็ถูกอัปเปหิออกไปจากชิมาบาระ โดยเปลี่ยนไดเมียวที่ปกครองที่นี่เป็นมัตสุคุระ ชิเกะมาซะแทน
ไดเมียวคนใหม่นั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนาคริสต์ นอกจากเขาจะสั่งให้สังหารชาวคริสต์อย่างมากมายแล้ว เขายังขูดรีดประชาชนด้วยการเพิ่มภาษีเพื่อนำไปสร้างปราสาทชิมาบาระ ทำให้ความไม่พอใจต่อไดเมียวผู้นี้มากขึ้นตามลำดับ
การกดขี่ของตระกูลมัตสุคุระยาวนานถึงเกือบยี่สิบปี จนท้ายที่สุดในปี ค.ศ.1637 ชาวเมืองชิมาบาระและเหล่าโรนินก็ทนไม่ไหว พวกเขาจึงลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาล เกิดเป็นการกบฏใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ชื่อว่ากบฏชิมาบาระ (Shimabara Rebellion)
พวกกบฏนั้นต่อสู้อย่างแข็งแกร่ง แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เพราะรัฐบาลโชกุนให้ระดมกำลังเกือบทั้งเกาะคิวชูยกไปปราบกบฏ แถมเสบียงกรังก็หมดลงทุกที ทำให้ท้ายที่สุดพวกกบฏก็พ่ายแพ้ที่ปราสาทฮาระ (Hara Castle) ในปี ค.ศ.1638 แต่ก็ฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นหนึ่งในการกบฏที่สร้างความสั่นสะเทือนมากที่สุดครั้งหนึ่งของญี่ปุ่น
การกบฏได้สร้างผลกระทบอย่างมากมายต่อชิมาบาระ อย่างแรกตัวเมืองและเมืองอื่นๆได้รับความเสียหายอย่างมากมาย รัฐบาลโชกุนได้บังคับให้พลเมืองทุกคนต้องลงทะเบียนกับวัดที่สังกัด นอกจากนี้ยังสั่งให้ผู้คนจำนวนมากจากภูมิภาคอื่นๆ ให้ย้ายมาอยู่ที่นี่ ชิมาบาระจึงเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมหลากหลายมาก เพราะมีคนที่มีภูมิหลังเป็นคนจังหวัดอื่นมาอาศัยอย่างมากมาย
แต่ในแง่บวกแล้วนั้น ไดเมียวตระกูลมัตสุคุระได้ถูกรัฐบาลโชกุนประหารชีวิต เพราะกดขี่ประชาชนเกินไป การปกครองเปลี่ยนเป็นไดเมียวตระกูลมัตสึไดระแทนจวบจนสิ้นสุดสมัยเอโดะครับ แต่ในปี ค.ศ.1792 ได้เกิดภูเขาไฟระเบิดขึ้นเกิดเป็นคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ชายฝั่ง หายนะทางธรรมชาติครั้งนี้ได้ทำลายเมืองชิราฮามะจนแทบเหลือแต่ซาก ในเมืองมีผู้เสียชีวิตมากถึงเกือบ 15,000 คนเลยทีเดียว
หลังจากนั้นชิมาบาระก็ได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ และกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม อนึ่งเพราะมีเมืองออนเซ็นใกล้ๆ อยู่หลายแห่ง ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ไม่แพ้เบปปุหรือยูฟุอินสำหรับใครที่หลงรักการแช่ออนเซ็น เช่นเดียวกับวัฒนธรรมอันหลากหลายที่ให้คุณได้สัมผัสครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองชิมาบาระ (Shimabara) ทำอย่างไร?
คุณสามารถเดินทางไปชิมาบาระได้จากเมืองนางาซากิ ฟุกุโอกะ หรือคุมาโมโตะด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
จากนางาซากิ
รถไฟ – ขั้นแรกคุณจะนั่งรถไฟ Nishi Kyushu Shinkansen (Kamome) หรือว่า Local Train จาก Nagasaki Station ไปยัง Isahaya Station หลังจากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟของ Shimatetsu ไปยัง Shimabara Station ครับ
จากคุมาโมโตะ
รถบัส + เรือ + รถไฟ/รถบัส – วิธีการที่ง่ายที่สุดคือนั่งรถบัสจากตัวเมืองคุมาโมโตะไปยังท่าเรือคุมาโมโตะ (Kumamoto Port) หลังจากนั้นก็ขึ้นเรือเฟอร์รี่ไปลงที่ Shimabara Port หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟหรือรถบัส (Shimatetsu Bus) เข้าเมืองครับ
จากฟุกุโอกะ
รถบัส – วิธีการที่ง่ายที่สุดคือนั่งรถบัสไปจาก Hakata Bus Terminal ได้โดยตรง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3.5 ชั่วโมงครับ วิธีอื่นนั้นจะวุ่นวายมากกว่านี้มาก เพราะต้องเปลี่ยนหลายเที่ยวครับ
ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจาก Discover Nagasaki หรือเว็บไซต์ทางการของการท่องเที่ยวจังหวัดนางาซากิ โปรดตรวจสอบที่ต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ
1. ปราสาทชิมาบาระ
ปราสาทชิมาบาระ (Shimabara Castle) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งการกดขี่ประชาชนในการสร้างปราสาทแห่งนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่เหตุการณ์กบฏชิมาบาระ อย่างไรก็ดีปราสาทหลังนี้ได้สร้างจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และถือว่าอลังการงานสร้างเหนือกว่าปราสาทของไดเมียวทั่วไปอย่างมากมายครับ ที่นี่ได้ใช้เป็นสถานที่พำนักของไดเมียวที่ปกครองที่นี่ไปอีกมากกว่า 20 คนจนสิ้นสุดสมัยเอโดะครับ
อย่างไรก็ดีปราสาทหลังเดิมนั้นถูกรื้อไปแล้วในสมัยเมจิ ของที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นการสร้างใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 20 ด้วยการใช้คอนกรีต ตัวปราสาทนั้นมีลักษณะเป็นปราสาท 5 ชั้น ซึ่งปัจจุบันได้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงอาวุธโบราณ รวมไปถึงปูชนียวัตถุของชาวคริสต์ญี่ปุ่นหรือคิริชิตันที่ถูกปราบปรามอย่างหนักในสมัยเอโดะครับ
ค่าเข้าชม: 700 เยน
2. ย่านซามูไร
ในอดีตปราสาทชิมาบาระนั้นเคยมีย่านที่อยู่ของซามูไร (Samurai District) อยู่รายรอบเพื่อเป็นสถานที่พำนักของเหล่าซามูไรที่เป็นขุนทหารไปจนถึงองครักษ์ที่ปกป้องไดเมียวของตน
ปัจจุบันหนึ่งในโซนที่สภาพสมบูรณ์ที่สุดคือด้านตะวันตกของปราสาทหรือย่านชิตะโนะโจ (Shita-no-Cho) ซึ่งมีบ้านแบบดั้งเดิมตั้งอยู่หลายแห่ง เช่นเดียวกับคูคลองที่เป็นทางไหลของน้ำพุใต้ดิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองครับ
3. ชิเมอิโซ
ชิเมอิโซ (Shimeiso) เป็นบ้านแบบญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นติดกับสระขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งน้ำพุใต้ดิน ซึ่งในสระนั้นจะมีปลาคาร์พสีสวยให้ได้ชมอีกด้วย เช่นเดียวกับคลองในเขตนี้ทั้งหมดที่มีปลาคาร์พแหวกว่ายอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ชิราฮามะได้สมญาว่าเป็น “The City of Swimming Carp” เลยครับ
ทั้งนี้น้ำในสระและคลองในย่านนี้นั้นจะใสสะอาดมาก โดยน้ำในธรรมชาตินั้นได้ผ่านการกรองมาแล้วจากชั้นหินภูเขาไฟโดยรอบ ทำให้น้ำบริสุทธิ์จนปลาคาร์พหลายร้อยตัวสามารถดำรงชีพได้อย่างอิสระครับ
ในช่วงเดือนสิงหาคม ที่นี่จะมีเทศกาลน้ำชิมาบาระ (Shimabara Water Festival) ซึ่งจัดขึ้นเพื่อแสดงถึงความสำคัญของน้ำพุที่หล่อเลี้ยงตัวเมืองมาทุกยุคทุกสมัย ตลอดช่วงเทศกาลจะมีการประดับประดาดวงไฟตามคลองที่มีมากมายในตัวเมืองเก่าครับ
4. ซากปราสาทฮาระ
สำหรับใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ซากปราสาทฮาระ (Hara Castle Ruins) เป็นพยานหลักฐานที่แสดงถึงเหตุการณ์อันโหดร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนแถบนี้ไปมากกว่าสามหมื่นชีวิตในเหตุการณ์การกบฏชิมาฮาระครับ
ตัวปราสาทนี้ตั้งอยู่บนภูเขาริมทะเล โดยมีท้องทะเลล้อมไว้ถึงสามด้าน ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นที่ราบชุ่มน้ำ ทำให้เป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทว่าในช่วงที่เกิดการกบฏขึ้น ที่นี่ได้ถูกทิ้งร้างเอาไว้ พวกกบฏจึงเข้ามาใช้เป็นฐานที่มั่น และตั้งยันกองทัพรัฐบาลโชกุนที่มีมากกว่าอย่างน้อยห้าเท่าได้เป็นเวลาถึง 4 เดือน จนสุดท้ายพวกกบฏพลีชีพอย่างกล้าหาญทุกคนครับ
ปัจจุบันที่นี่ได้เหลือแต่ซากแห่งความทรงจำของความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ อย่างเช่นกำแพงหินบางส่วน ใกล้กับปราสาทแห่งนี้มี Arima Christian Heritage Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาวัตถุจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับปราสาทฮาระ ซึ่งส่วนมากเป็นปูชนียวัตถุอย่างเช่นไม้กางเขนเป็นต้นครับ
ปราสาทแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองชิมาบาระประมาณ 25 กิโลเมตร ซึ่งคุณจะต้องนั่งรถบัสออกไปครับ
5. โอบามะออนเซ็น
โอบามะออนเซ็น (Obama Onsen) เป็นเมืองออนเซ็นที่ห่างจากชิมาบาระไปประมาณ 35 กิโลเมตร ที่นี่มีชื่อเสียงเพราะเป็นเมืองออนเซ็นริมทะเลที่มีน้ำแร่อันร้อนจัด (สูงถึง 105 องศา แต่ที่ไม่เป็นไอหมด น่าจะเพราะว่ามีแร่ธาตุอื่นๆ) นักเดินทางจำนวนมากจึงนิยมมาแช่ออนเซ็นกันที่นี่ครับ
ทว่าไฮไลท์ของโอบามะออนเซ็นคือ Hot Foot 105 บ่อแช่เท้ายาว 105 เมตรซึ่งยาวเป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่น ทั้งนี้คุณแช่เท้าเพื่อผ่อนคลายได้ฟรีโดยปราศจากค่าใช้จ่ายครับ
ไม่ไกลจากโอบามะออนเซ็นมีสวนเมเปิ้ลชื่อมิโซจิเอ็น (Misojien) ซึ่งเป็นสวนส่วนบุคคลแต่เปิดให้เข้าชมได้ในราคา 600 เยน ซึ่งด้านในมีต้นเมเปิ้ลจำนวนมากเพราะเจ้าของสวนรักต้นไม้เป็นที่สุด ที่นี่เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชั้นยอดของคาบสมุทรชิมาบาระครับ
6. ชิมเมนูอาหารพื้นเมือง
เมืองชิมาบาระมีหลายเมนูที่น่ารับประทานทั้งของคาวและของหวาน อาทิเช่น
- กุโซะนิ (Guzoni) – เมนูนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีการกบฏชิมาบาระ ตัวเมนูเป็นเมนูกินง่ายเพราะใส่วัตถุดิบที่หาได้ง่ายไปต้มเป็นซุป อย่างเช่นแป้งโมจิ เต้าหู้ ผัก ซีฟู้ด ฯลฯ แต่ละร้านจะมีสูตรที่แตกต่างกันไปครับ
- ชิมาบาระโซเมน (Shimabara Somen) – เมนูเส้นเล็กที่ทำมาจากข้าวสาลี ตัวเส้นจะเหนียวหนึบและลื่นครับ
- คังซาราชิ (Kanzarashi) – เมนูของหวานยอดฮิตของชิมาบาระ โดยเป็นการนำโมจิลูกเล็กที่ทำจากข้าวมาตลุกเคล้าในน้ำเชื่อมใส ชาวเมืองมักจะเสิร์ฟเมนูนี้ให้แขกครับ
References
- Discover Nagasaki
- Shimabarajou