ชิโรอิชิ (Shiroishi, 白石市) เป็นเมืองขนาดเล็กในจังหวัดมิยางิ แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก แต่ก็เป็นเมืองที่ร่ำรวยไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกหลายแห่งครับ
บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองชิโรอิชิโดยคร่าวๆ และแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองชิโรอิชิ (Shiroishi)
ชิโรอิชิได้เริ่มเป็นเมืองปราสาทในช่วงยุคคามาคุระ แต่ไม่ได้มีบทบาทและความสำคัญใดๆ มากนัก จนกระทั่งในช่วงยุคเอโดะ ตระกูลดาเตะได้ครอบครองพื้นที่เซนได ไดเมียวตระกูลดาเตะจึงได้มอบพื้นที่ส่วนนี้ให้ตระกูลคาตาคุระ ซึ่งเป็นผู้ติดตามไปปกครอง
เมืองชิโรอิชิอยู่ในความสงบมาตลอดจนกระทั่งถึงช่วงศตวรรษที่ 19 และได้กลายเป็นฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลโชกุน ทำให้เป็นสมรภูมิรบครั้งใหญ่ในช่วงสงครามโบชิน (Boshin War) ครับ
หลังจากสงครามสงบ รัฐบาลเมจิได้สถาปนาชิโรอิชิขึ้นเป็นเมืองตามระบบการปกครองส่วนท้องถิ่นระบบใหม่ ปัจจุบันเมืองได้กลายเป็นเมืองเกษตรกรรมผสมผสานกับอุตสาหกรรม ส่วนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็มีเข้ามาบ้าง แต่ไม่ได้มากเท่ากับเมืองชั้นนำของญี่ปุ่นครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปชิโรอิชิทำอย่างไร
ชินคันเซน – คุณสามารถนั่ง Tohoku Shinkansen ขบวน Yamabiko มาลงที่สถานี Shiroishi-Zao ได้ครับ แต่ไม่ใช่ทุกขบวนจะจอดที่สถานีนี้ เพราะฉะนั้นก่อนจองต้องตรวจสอบให้ดีก่อนครับ
ชินคันเซน + รถไฟ – อีกวิธีหนึ่งคือนั่ง Tohoku Shinkansen ไปลงเซนไดก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเป็น JR Tohoku Line ไปยังชิโรอิชิครับ
เช่ารถขับ – คุณสามารถใช้ Tohoku Shinkansen ไปที่เซนไดหรือฟุกุชิมะแล้วขับรถมายังชิโรอิชิได้ครับ โดยส่วนตัวผมมองว่าวิธีนี้ดีที่สุด เพราะสถานที่ท่องเที่ยวในและรายรอบเมืองนั้นอยู่ห่างจากกัน ทำให้การใช้ขนส่งสาธารณะไม่สะดวกสบายเท่าไรนักครับ
นอกจากนี้คุณยังสามารถขับรถไปเที่ยวจุดสวยอื่นๆ ที่อยู่ไม่ไกลนักในยามากาตะได้อย่าง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นซาโอะออนเซ็น หรือ กินซังออนเซ็นครับ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจาก Shiroishi.navi หรือเว็บไซต์ทางการของเมือง แต่ก่อนออกเดินทางโปรดตรวจสอบอีกครั้ง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ
1. ปราสาทชิโรอิชิ
ปราสาทชิโรอิชิ (Shiroishi Castle) หรือปราสาทมาซุโอกะเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนที่เนินเขาใจกลางเมืองชิโรอิชิ ตัวปราสาทมีประวัติความเป็นมาหลายร้อยปี แต่ถูกทำลายหลังที่ระบอบโชกุนล่มสลาย อย่างไรก็ดีรัฐบาลญี่ปุ่นได้สร้างตัวปราสาทและหอคอยขึ้นมาใหม่ครับ
ด้านในปราสาทแห่งนี้มีพิพิธภัณฑ์ Shiroishi Castle Museum ที่เล่าประวัติความเป็นมาอย่างละเอียด โดยเฉพาะช่วงยุคศตวรรษที่ 19 ที่ตัวปราสาทเป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งกำหนดชะตาของประเทศว่าจะเดินต่อไปในทางใดครับ
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ Samurai Residence หรือบ้านที่พำนักของซามูไรที่รับใช้ตระกูลคาตาคุระ ตัวบ้านยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดี เพราะฉะนั้นใครที่ชอบวัฒนธรรมซามูไรควรเข้าไปชมสักครั้งครับ
2. หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ
หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ (Zao Fox Village) อยู่ห่างจากเมืองชิโรอิชิประมาณ 13 กิโลเมตร ที่นี่เป็นสถานที่อนุบาลสุนัขจิ้งจอกนับร้อยตัวเลยครับ
หลังจากที่ได้การอบรมเบื้องต้นแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปสัมผัสสุนัขจิ้งจอกได้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นลูบไล้หรือว่าให้อาหาร ซึ่งทุกอย่างจะอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ทำให้คุณวางใจได้ว่าจะไม่อันตรายอย่างแน่นอน (ถ้าไม่ได้ละเมิดกฎเสียเองครับ)
ช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม เพราะช่วงนี้จะเป็นช่วงที่แม่สุนัขจิ้งจอกคลอดลูก ทำให้คุณจะได้เห็นหรือแม้กระทั่งโอบกอดลูกสุนัขจิ้งจอกได้ด้วยครับ
3. สวนหินซาอิโมคุอิวะ
สวนหินซาอิโคคุอิวะ (Zaimokuiwa Park) เป็นสวนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกของประเทศ ไฮไลท์ของที่นี่อยู่ที่หินขนาดยักษ์ที่สูง 65 เมตร และกว้างถึง 100 เมตร ด้านในสวนมีแม่น้ำไหลผ่าน และมีป่าอันเขียวชอุ่มล้อมรอบ ทำให้เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีทีเดียวครับ
อีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจคือ น้ำพุขนาดใหญ่รูปหินที่มีน้ำหลั่งไหลลงมา น้ำพุแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของตัวสวนหินแห่งนี้ครับ
4. คามาซากิออนเซ็น
คามาซากิออนเซ็น (Kamasaki Onsen) เป็นออนเซ็นอายุกว่า 600 ปีซึ่งอยู่ห่างจากชิโรอิชิไปประมาณ 6 กิโลเมตร ที่นี่มีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องสรรพคุณการรักษาบาดแผลต่างๆ เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีบาดแผลเรื้อรังที่ทำอย่างไรก็ไม่หายเสียที การลงแช่น้ำที่นี่สักครั้งอาจจะช่วยได้ครับ
ภายในหมู่บ้านออนเซ็นมีโรงอาบน้ำและบ้านเรือนเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมยุคไทโช (ต้นศตวรรษที่ 20) ซึ่งจะให้บรรยากาศแบบ vintage ที่แสนจะอบอุ่นครับ
หนึ่งในที่พักที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ ยูนุชิ อิชิโจ (Yunuchi Ichijoh) ซึ่งเป็นเรียวกังโบราณที่มีประวัติความเป็นมาเกือบ 600 ปี ตัวอาคารที่เห็นอยู่นั้นในปัจจุบันอายุประมาณร้อยกว่าปี และสร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทโชที่สวยงามมาก
ดังนั้นถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศแบบโบราณของญี่ปุ่น ที่นี่คือสถานที่น่าจองเป็นอย่างยิ่งเลยครับ
5. ชมวัดรอบเมือง
ชิโรอิชิเป็นเมืองที่มีวัดสวยๆ อยู่ทั้งหมด 7 แห่งได้แก่
- Enmeiji Temple
- Sennenji Temple
- Myokenji Temple
- Toushinji Temple
- Kessanji Temple – วัดอายุ 400 ปีที่เป็นสถานที่ฝังร่างของตระกูลคาตาคุระที่ปกครองเมืองนี้ในอดีต
- Seirinji Temple
- Jorinji Temple
จุดเด่นของที่นี่คือ นิกายของแต่ละวัดนั้นแทบจะไม่เหมือนกันเลย อย่างวัด Kessanji นั้นจะเป็นวัดของนิกายรินไซ (Rinzai) ส่วนวัด Sennenji จะเป็นวัดของนิกายโจโดชินชู ขณะที่วัด Myokenji จะเป็นของนิกายนิชิเร็นเป็นต้น
วัดเหล่านี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับวัดที่อยู่ในเมืองนารา หรือ เกียวโต แต่ก็แสดงถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวเมือง รวมไปถึงความหลากหลายของศาสนาพุทธในญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีครับ
6. ชมซากุระที่เมืองชิบาตะ
เมืองชิบาตะเป็นเมืองที่ห่างจากชิโรอิชิไปประมาณ 18 กิโลเมตร แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปไกลพอสมควร แต่ที่นี่น่าไปอย่างมาก เพราะมีจุดชมซากุระที่สวยมากหลายแห่งด้วยกัน
สวนของปราสาทฟุนาโอกะ (Funaoka Castle Park) เป็นสวนที่อยู่ในเมืองชิบาตะ โดยเป็นสวนที่อยู่ในพื้นที่ของปราสาทฟุนาโอกะเดิม ภายในสวนมีต้นซากุระเรียงรายกันไปมากกว่า 1,000 ต้น และยังมีภูเขาซาโอะเป็นฉากหลังให้อีกด้วย ทำให้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สวนนี้สวยสุดจะพรรณนาเลยครับ
คุณสามารถเดินชมได้ตามปกติ แต่นักท่องเที่ยวจำนวนนิยมนั่งรถโมโนเรลชมครับ รถโมโนเรลจะค่อยๆ วิ่งผ่านต้นซากุระนับพัน ความสวยตรงหน้าจะให้ประสบการณ์ที่คุณลืมไม่ลงเลยครับ
ส่วนอีกหนึ่งจุดนั้นจะอยู่ใกล้กัน ชื่อ Shiroishi River Sen-ou Park และ Niragamizeki Weir คุณสามารถชมต้นซากุระเรียงรายไปตามแม่น้ำชิโรอิชิในทั้งสองจุด ความสวยงามของที่นี่ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาถึง 300,000 คนในแต่ละปีครับ และได้รับการยกย่องว่างามเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาคโทโฮคุเลยทีเดียว
ถ้าสนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Hitome Senbonzakura ครับ
7. ลิ้มลองชิโรอิชิอุเมน
ชิโรอิชิ อุเมน (Shiroishi Umen) เป็นเมนูเส้นอายุกว่า 400 ปีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมอาหารที่เมืองแห่งนี้ ตัวเส้นจะหนาและไม่ยาวมากนัก จุดเด่นของเมนูนี้คือจะไม่มีการใช้น้ำมันเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะต้นกำเนิดของเมนูนี้เกิดจากการที่ชายผู้หนึ่งต้องการทำอาหารให้บิดาของเขาที่มีปัญหากับกระเพาะครับ
ตัวเส้นจะกินแบบแห้งจิ้มซอสก็ได้ หรือว่าจะใส่น้ำซุปได้เช่นกัน คุณสามารถหาเมนูนี้รับประทานได้แทบทุกแห่งในเมืองชิโรอิชิครับ
References
- Shiroishi Navi
- Zao Fox Village
- Shiroishi Castle Official Site
- Hitome Senbonzakura Official Site