หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวยุโรป10 ที่เที่ยวซอร์เรนโต้ (Sorrento) และกิจกรรมน่าสนใจที่คุณไม่ควรพลาด

10 ที่เที่ยวซอร์เรนโต้ (Sorrento) และกิจกรรมน่าสนใจที่คุณไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

ซอร์เรนโต้ (Sorrento) เป็นเมืองขนาดเล็กในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอิตาลี ตัวเมืองเป็นประตูสู่เมืองและหมู่บ้านอันสวยงามตามชายฝั่งอมัลฟี (Amalfi Coast) อย่างอมัลฟี (Amalfi) หรือ โปซีตาโน (Positano) ครับ

อย่างไรก็ดีเมืองซอร์เรนโต้นั้นมีความสวยงามในตัวเอง ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาพักผ่อนที่นี่กันตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 แล้วครับ เราไปดูกันดีกว่าเมืองซอร์เรนโต้แห่งนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง

รู้จักเมืองซอร์เรนโต้ (Sorrento)

ซอร์เรนโต้ (Sorrento) หรือ Surriento (ตามภาษาท้องถื่น) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ติดทะเลบริเวณอ่าวเนเปิลส์ (Bay of Naples) ตัวเมืองนั้นมีความเก่าแก่มานานเกือบสามพันปี ตามตำนานเล่าว่าซอร์เรนโต้ได้ถูกสร้างโดยลิปารัส (Liparus) หลานปู่ของโอดิสซิอุส (Odysseus) วีรบุรุษในมหากาพย์โอดิสซีของโฮเมอร์กับนาง Circe

แต่ในหน้าประวัติศาสตร์นั้น ซอร์เรนโต้เริ่มปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ช่วง 800 ปีก่อนคริสตกาลครับ โดยในช่วงแรกนั้นซอร์เรนโต้อยู่ในการปกครองของชนเชื้อสายอิตาเลียนที่เป็นพันธมิตรของอาณาจักรโรมัน ก่อนที่จะถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐในช่วง 90 ปีก่อนคริสตกาลครับ

เมืองซอร์เรนโต้ (Sorrento)
by IgorZh/ShutterStock

ช่วงที่ชาวโรมันปกครองนั้น เมืองแห่งนี้มีชื่อว่า Surrentum ในภาษาละติน โดยตัวเมืองได้มีผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญได้แก่ ปลา และแจกันสีแดงสไตล์ campania และได้ส่งออกไปยังหลากหลายเมืองที่อยู่ในการปกครองของอาณาจักรโรมันครับ

หลังจากที่จักรวรรดิโรมันตะวันตกที่ล่มสลายในปี ค.ศ.476 เมืองหลวงอย่างราเวนนาเรียงรายมาจนถึงเมืองทางภาคใต้อย่างซอร์เรนโต้ได้ถูกปกครองโดยชาว Ostrogoths แต่ซอร์เรนโต้ได้ถูกส่งมอบให้กับจักรวรรดิไบแซนไทน์เมื่อจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 ทรงส่งกองทัพมาตีชิงดินแดนในอิตาลีกลับคืนครับ

เมืองซอร์เรนโต้ในปัจจุบัน
by BAHDANOVICH ALENA/ShutterStock

ชาวไบแซนไทน์ปกครองเมืองมาหลายศตวรรษ แต่สุดท้ายก็เสื่อมอำนาจลง ทำให้ซอร์เรนโต้กลายเป็นรัฐอิสระที่ปกครองตนเอง (เช่นเดียวกับปิซ่า, เซียน่า และเมืองอื่นๆ ของอิตาลี) ได้เกือบสองศตวรรษ

ทว่าด้วยความที่เป็นเมืองเล็ก ทำให้ยากต่อการป้องกันตนเองได้ ซอร์เรนโต้จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของหลายอาณาจักร จนกระทั่งถูกปกครองโดยอาณาจักรซิซิลี (Kingdom of Sicily) และสเปนที่ได้ปกครองซิซิลีในเวลาต่อมา

ชายหาดเมืองซอร์เรนโต้
by Anton_Ivanov/ShutterStock

ในช่วงศตวรรษที่ 16 จักรวรรดิสเปนได้ทำสงครามกับจักรวรรดิออตโตมัน ปรากฏว่ากองทัพออตโตมันได้มาขึ้นบกและได้ปล้นสะดมเมืองครั้งใหญ่ หลังจากนั้นตัวเมืองก็ถูกคุกคามโดยโจรสลัด (ว่าจ้างโดยสุลต่านออตโตมัน) ทำให้ซอร์เรนโต้ได้รับความเสียหายมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เศรษฐกิจของเมืองจึงซบเซานับตั้งแต่บัดนั้นไปจนถึงช่วงศตวรรษที่ 19 ที่มีการเปลี่ยนผ่านอีกครั้งหนึ่ง

ซอร์เรนโต้ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิตาลีที่ได้สถาปนาขึ้นมาใหม่ และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่าชนชั้นสูงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การปลูกส้มและมะนาวจำนวนมากยังให้ผลผลิตคุณภาพเยี่ยมที่ส่งออกไปทั่วทั้งยุโรป ซอร์เรนโต้จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวและเกษตรกรรมที่สำคัญของภูมิภาค campania มาจนถึงทุกวันนี้ครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปซอร์เรนโต้ (Sorrento) ทำอย่างไร

โดยมากแล้วนักท่องเที่ยวจะเดินทางไปยังซอร์เรนโต้จากเมืองนาโปลี (หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่าเนเปิลส์)

รถบัสจากสนามบิน – สนามบินที่ใกล้กับซอร์เรนโต้มากที่สุดคือสนามบินเนเปิลส์ (Naples International Airport) จากสนามบินนั้น คุณสามารถนั่งรถบัสของ Curreri Viaggi ไปยังซอร์เรนโต้ได้ครับ รถบัสจะมีค่าบริการเที่ยวละ 10 ยูโร อย่างไรก็ดีรถบัสจะไม่มีให้บริการในช่วงวันคริสต์มาสถึงปีใหม่ครับ

รถไฟท้องถิ่น – ตัวเลือกราคาประหยัดที่สุด โดยคุณสามารถนั่งรถไฟ Circumvesuviana จากเนเปิลส์ไปยังซอร์เรนโต้ได้ แต่ด้วยความที่ราคาถูก ทำให้ผู้ใช้บริการมีจำนวนมหาศาล แถมยังจอดบ่อยด้วย (ระยะทาง 47 กิโลเมตรแต่มี 36 สถานี เพราะฉะนั้นโดยเฉลี่ยแล้วจอดทุกๆ 1.3 กิโลเมตร) นอกจากนี้ยังไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไรนักโดยรวมแล้วเป็นตัวเลือกที่ไม่ค่อยดีเท่าไรครับ

เรือเฟอร์รี่ – เรือเฟอร์รี่ของผู้ให้บริการอย่าง Alilauro เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในช่วงฤดูร้อน/ต้นฤดูใบไม้ร่วง เพราะในราคา 14 ยูโร คุณจะเดินทางไปถึงซอร์เรนโต้ได้ภายในเวลา 45 นาทีเท่านั้น แถมยังได้ชมวิวสวยๆ ของท้องทะเลอีกด้วย แต่เรือจะมีให้บริการช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมเท่านั้น

แท็กซี่ – ทางเลือกราคาสูง แต่ให้ความสะดวกสบายมากกว่ารถบัส ค่าเดินทางโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100 ยูโรครับ

เช่ารถขับ – คุณสามารถเช่ารถส่วนบุคคลจากเนเปิลส์ หรือเมืองอื่นๆ ของอิตาลีแล้วขับไปซอร์เรนโต้ด้วยตัวเองครับ ซึ่งวิธีหลังเป็นวิธีที่สะดวกสบายที่สุดในการท่องเที่ยวเมืองซอร์เรนโต้และชายฝั่งอมัลฟีครับ

เดินทางไปซอร์เรนโต้ช่วงไหนดี

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของเมือง อากาศของที่นี่จะอบอุ่น อากาศจะดีมีแสงแดดตลอดวัน และเป็นช่วงที่ท้องทะเลสวยงามที่สุดครับ

1. Marina Grande/Marina Piccola

เศรษฐกิจของเมืองซอร์เรนโต้นั้นขึ้นอยู่กับการค้าขายทางทะเลมาตั้งแต่โบราณ ดังนั้นท่าเรือจึงเป็นสถานที่สำคัญที่สุดในเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย

ท่าเรือของเมืองซอร์เรนโต้นั้นมีอยู่สองแห่งหลักๆ นั่นคือ Marina Grande และ Marina Piccola ซึ่งทั้งสองแห่งเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับการสัมผัสวิถีชีวิตของชาวเมือง ซึ่งจะนำปลาที่จับได้จากท้องทะเลมาขึ้นฝั่งกันที่บริเวณนี้ในช่วงเช้าครับ

Marina Grande
by Nicola Pulham/ShutterStock

ในท่าเรือทั้งสองแห่งนั้นจะมีร้านอาหารแบบซีฟู้ดอยู่จำนวนมาก ดังนั้นถ้าคุณชอบรับประทานซีฟู้ด คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

2. City Walls of Sorrento

เมืองซอร์เรนโต้นั้นเป็นเมืองท่า เพราะฉะนั้นจึงเผชิญกับภัยคุกคามจากโจรสลัดมาตั้งแต่อดีตกาล ตัวกำแพงเดิมนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 400 BC ก่อนที่เมืองจะเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมันเสียอีก

เมื่อชาวโรมันได้ครอบครองซอร์เรนโต้ก็ได้ขยายกำแพงให้ใหญ่ขึ้น เช่นเดียวกับชาวสเปนที่ได้เสริมกำแพงเดิมให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะได้สกัดการปล้นสะดมของโจรสลัดออตโตมัน

ปัจจุบันกำแพงเมืองเหล่านี้ยังคงอยู่ และอยู่ในสภาพดีเยี่ยมเหมือนในอดีต ซึ่งคุณสามารถเดินชมได้ครับ

3. Bagni della Regina Giovanna

Bagni della Regina Giovanna เป็นส่วนหนึ่งของคาบสมุทรซอร์เรนโต้ที่ถูกปิดกั้นโดยแนวภูเขา จนเกิดเป็นสระน้ำสีสวยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่บริเวณนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของคฤหาสน์ของชนชั้นสูงโรมัน นอกจากนี้ราชินี Giovanna D’Angelo แห่งซิซิลีเองก็เคยใช้ที่นี่เป็นสถานที่พลอดรักกับชู้รักมากหน้าหลายตาครับ

Bagni della Regina Giovanna ที่เที่ยวสำคัญในซอร์เรนโต้
by dpVUE .images/ShutterStock

ปัจจุบันนักเดินทางนิยมมาว่ายน้ำผ่อนคลายกันที่บริเวณนี้ รวมไปถึงชมโบราณสถาน Villa Pollio Felice คฤหาสน์โรมันที่มีอายุกว่าสองพันปีครับ

4. Sorrento Cathedral

Sorrento Cathedral หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Cathedral of Saint Phillips and James เป็นมหาวิหารหลักของเมืองซอร์เรนโต้ ตัวมหาวิหารสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 11 เพื่ออุทิศให้กับนักบุญในคริสตจักรสองท่าน แต่ได้รับการสร้างใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 15 ในสไตล์ Romanesque ครับ

Sorrento Cathedral
by Andrey_Nikitin/ShutterStock

ใกล้กับตัวมหาวิหารนั้นมีหอระฆังตั้งอยู่แนบชิดติดกัน ฐานของหอดังกล่าวนั้นมีความเก่าแก่มาก โดยย้อนไปได้ถึงช่วงที่จักรวรรดิโรมันปกครองเมืองซอร์เรนโต้ครับ

5. Piazza Tasso

Piazza Tasso เป็นจัตุรัสอันเป็นศูนย์กลางของเมืองซอร์เรนโต้ และเป็นสถานที่ให้ชาวเมืองได้จัดเทศกาลรวมไปถึงนัดพบปะกักนมาตั้งแต่โบราณ บริเวณตรงกลางของจัตุรัสนั้นมีรูปปั้นของนักบุญ St. Antonio ตั้งอยู่ครับ

Piazza Tasso
by Kukharchuk Pasha/ShutterStock

ปัจจุบันที่นี่เป็นที่ตั้งของโรงแรมหรู ร้านอาหาร และคาเฟ่ต่างๆ ซึ่งเปิดโอกาสให้คุณได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นคุณภาพเยี่ยมที่ว่ากันว่าไม่แพ้เมืองใหญ่อย่างเนเปิลส์ครับ

ใกล้กับบริเวณจัตุรัสมีถนนขนาดเล็กชื่อ Via San Cesareo ที่เป็นที่ตั้งของร้านค้านานาชนิดมาตั้งแต่อดีตกาล ใครที่อยากหาซื้อของฝากสามารถหาได้จากที่นี่ครับ

6. Chiostro di San Francesco

Chiostro di San Francesco เป็นอารามในคริสตจักรที่ความเก่าแก่กว่า 1,200 ปี เพราะสร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 8 ครับ บางส่วนอาจจะเก่าแก่กว่านั้นเพราะน่าจะสร้างขึ้นทับศาสนสถานกรีก-โรมันเดิมครับ

by Marco Rubino/ShutterStock

ไฮไลท์ของที่นี่คือบริเวณทางเดิน (Cloister) ที่มีรากไม้ปกคลุมอย่างเป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันพื้นที่บริเวณนี้มักใช้เป็นสถานที่จัดการแสดงดนตรีบ่อยครั้งครับ

7. Basilica of Sant’Antonino

St. Antonino เป็นนักบุญผู้อุปถัมภ์ของเมืองซอร์เรนโต้แห่งนี้ ในช่วงศตวรรษที่ 11 ชาวเมืองจึงสร้างมหาวิหารสไตล์ Romanesque แห่งนี้ขึ้นเพื่ออุทิศให้กับท่าน โดยสร้างขึ้นโดยใช้โครงสร้างจากอาคารเดิมในสมัยโรมันครับ

ด้านในมหาวิหารมีภาพเขียนอันสวยงามอยู่หลายภาพ อย่างเช่นภาพเขียนสีเฟรสโกของ Camillo Gavasetti นอกจากนี้ยังมีกระดูกของวาฬขนาดยักษ์ประดิษฐานอยู่ด้วยครับ ว่ากันว่าวาฬตัวนี้เคยพยายามจะกินเด็กคนหนึ่งทั้งตัว แต่นักบุญ Antonino ได้ช่วยเหลือเอาไว้ได้ครับ

8. Villa Comunale

Villa Comunale เป็นสถานที่ซึ่งคู่รักหรือใครก็ตามที่หลงใหลในความโรแมนติกไม่ควรพลาดเลยครับ ที่นี่เป็นสวนสาธารณะอยู่ติดกับ Chiostro di San Francesco และอยู่ด้านบนของท่าเรือ Marina Grande พอดิบพอดี ทำให้คุณมองเห็นวิวท่าเรือพร้อมกับเรือสีสวยในบริเวณนั้นได้อย่างสวยงามมาก และถ้ามองไปไกลอีกสักหน่อย คุณจะเห็นภูเขาไฟวิซุเวียสด้วยครับ

Villa Comunale
by Gabriele Maltinti/ShutterStock

แต่สิ่งที่สวยที่สุดคือพระอาทิตย์ตกดินที่ลับขอบฟ้าที่คาบสมุทรซอร์เรนโต้ครับ ภาพดังกล่าวจะอยู่ในความทรงจำของคุณไปตลอดกาลเลยทีเดียว

9. ชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ

ในเมืองซอร์เรนโต้นั้นมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งด้วยกัน อาทิเช่น

  • Museo Archeologico – พิพิธภัณฑ์โบราณคดีของเมืองที่เก็บโบราณวัตถุมาตั้งแต่สมัยโรมัน ซึ่งหลายชิ้นนั้นจะแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนในช่วงนั้นได้เป็นอย่างดีครับ
  • Correale di Terranova Museum – พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานศิลปะช่วงยุคศตวรรษที่ 17-18 รวมไปถึงเครื่องปั้นดินเผาและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ครับ

10. ชิมอาหารพื้นเมือง

เมนูที่คุณที่ไม่ควรพลาดทุกประการเมื่อได้มาเหยียบเมืองซอร์เรนโต้ได้แก่

Gnocchi alla Sorrentina
Gnocchi alla Sorrentina by pierpaoloperri/ShutterStock
  • Scialatielli alle Vongole – พาสต้าเส้น Scialatielli ผัดกับหอยสดๆ จากท้องทะเล เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ควรลิ้มลองอย่างยิ่งครับ
  • Gnocchi alla Sorrentina – พาสต้ามันฝรั่งคลุกเคล้ากับซอสมะเขือเทศและชีส
  • พิซซ่า
  • Limoncello และผลิตภัณฑ์จากมะนาวต่างๆ
Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

Most Popular

error: Content is protected !!