สุวะ (Suwa, 諏訪市) เป็นเมืองขนาดกลางที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนากาโน่ แม้ว่าจะไม่ได้มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์มากนัก แต่สุวะเป็นเมืองวิวสวยที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งด้วยกันครับ
ในบทความนี้ผมจะแนะนำให้คุณได้รู้จักกับตัวเมืองคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
ความเป็นมาของเมืองสุวะ (Suwa)
ทะเลสาบสุวะ (Lake Suwa) เป็นอู่อารยธรรมของภูมิภาคมาตั้งแต่ช่วงยุคหินใหม่แล้ว ในช่วงหลายพันปีก่อนคริสตกาลได้มีชุมชนอาศัยที่นี่อยู่หลายกลุ่มด้วยกัน และได้พัฒนาเป็นเมืองในเวลาต่อมาครับ
เมืองสุวะและบริเวณโดยรอบได้ถูกปกครองโดยตระกูลสุวะ (Suwa) มาตั้งแต่ช่วงยุคนารา (ศตวรรษที่ 8) ยาวนานมาจนถึงช่วงยุคศตวรรษที่ 16 ในช่วงเซ็นโกกุที่ไดเมียวตระกูลสุวะได้พ่ายแพ้ต่อทาเคดะ ชินเก็น ทำให้การปกครองเมืองของตระกูลนี้ที่ยาวนานกว่า 800 ปีได้สิ้นสุดลง
หลังจากนั้นสุวะและพื้นที่โดยรอบได้ถูกยกให้กับฮิเนโนะ ทาคาโยชิ ผู้มีคำสั่งให้สร้างปราสาททาคาชิมะ (Takashima Castle)
อย่างไรก็ดีตระกูลฮิเนโนะได้ปกครองสุวะได้ไม่นานนัก เพราะตระกูลนี้ได้สนับสนุนฝั่งตรงข้ามกับตระกูลโตกุกาวะในสงครามกลางเมือง ทำให้เมื่อตระกูลโตกุกาวะได้สถาปนารัฐบาลโชกุนขึ้นได้ริบพื้นที่บริเวณกลับไป และมอบให้กับตระกูลสุวะ เจ้าของเดิมที่อยู่ฝั่งเดียวกันแทน
ตระกูลสุวะจึงได้กลับมาปกครองเมืองสุวะอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งรัฐบาลเมจิได้ยกเลิกระบอบไดเมียว เมืองสุวะจึงได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดนากาโน่มานับตั้งแต่บัดนั้นครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองสุวะ (Suwa) ทำอย่างไร?
วิธีการเดินทางไปยังเมืองสุวะจัดว่าง่ายดาย โดยคุณมีตัวเลือกต่อไปนี้
จากโตเกียว
- รถไฟ – คุณสามารถนั่งรถไฟ JR Chuo Line ( Limited Express สาย Azusa) ไปลงสถานี Kamisuwa Station ได้โดยตรง การเดินทางจะใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมงครับ
- Alpico Bus – รถบัสของ Alpico Bus มีบริการจากสถานีชินจูกุในโตเกียวไปยังสุวะโดยตรง เวลาที่ใช้อยู่ที่ 3-4 ชั่วโมง แต่ราคาจะประหยัดกว่ารถไฟครับ
จากนาโกย่า
- รถไฟ – วิธีการจะคล้ายกับไปจากโตเกียว แต่จะซับซ้อนกว่าเล็กน้อย กล่าวคือคุณจะต้องนั่ง JR Chuo Line (Limited Express สาย Shinano) ไปลงสถานี Shiojiri Station แล้วก็เปลี่ยนรถไฟเพื่อเข้าสถานี Kamisuwa Station ครับ
นอกจากวิธีการเหล่านี้แล้ว การเช่ารถขับจัดว่าน่าสนใจมาก เพราะเมืองสุวะอยู่ใกล้กับหุบเขาคิโซะ (Kiso Valley) ที่มีเมืองที่พักนักเดินทางเก่าแก่หลายแห่ง และยอดเขาออนตาเกะที่คุณสามารถขับไปเที่ยวชมได้ครับ นอกจากนี้เมืองมัตสึโมโตะ และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นอย่างเช่น ฮาคุบะ และคามิโคจิก็อยู่ไม่ไกลอีกด้วย
ส่วนระยะทางจากโตเกียวก็อยู่ที่ 180 กิโลเมตร ซึ่งขับได้สบายๆ เลยครับ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจาก Suwa Kanko (เว็บไซต์ท่องเที่ยวทางการของเมืองสุวะ) ก่อนออกเดินทาง ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่ลิงค์ต้นทางอีกครั้ง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ครับ
1. ทะเลสาบสุวะ
ทะเลสาบสุวะ (Lake Suwa) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนากาโน่ ตัวทะเลสาบแห่งนี้มีปรากฏการณ์ธรรมชาติชื่อโอมิวะตาริ (Omiwatari) กล่าวคือใต้ทะเลสาบนั้นมีน้ำพุร้อนอยู่ด้วย ซึ่งในช่วงฤดูหนาวนั้น น้ำจากน้ำพุร้อนจะไม่แข็งตัว ก่อให้เกิดความดันที่ทำให้น้ำแข็งบนพื้นผิวเปลี่ยนรูปครับ
ส่วนช่วงฤดูใบไม้ผลินั้น ที่นี่เป็นจุดชมวิวซากุระยอดนิยม เพราะริมฝั่งทะเลสาบได้ปลูกต้นซากุระไว้มากมาย ทำให้ทัศนียภาพสวยงดงามมากเลยทีเดียว
สำหรับวิธีการชมทะเลสาบที่ดีที่สุดนั้น นักท่องเที่ยวส่วนมากจะเลือกล่องเรือหรือไม่ก็ขี่จักรยานครับ
2. ชมเทศกาลดอกไม้ไฟ
ในช่วงเดือนสิงหาคม (โดยเฉพาะวันที่ 15 สิงหาคมซึ่งเป็นช่วงงานหลัก) เมืองสุวะจะมีการจัดเทศกาลดอกไม้ไฟครั้งใหญ่เหนือทะเลสาบสุวะ ซึ่งเป็นเทศกาลแบบนี้ที่อลังการที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่าห้าแสนคนเดินทางมาที่นี่ครับ
เรื่องการแสดงนั้นก็จะจัดเต็มไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ไฟที่สวยงามตระการตา ไปจนถึงการแสดงแสงสีเสียงเหนือผืนน้ำสุดอลังการ ดังนั้นถ้าคุณมีโอกาสไปเที่ยวสุวะในช่วงนี้ เทศกาลนี้จัดว่าห้ามพลาดเลยครับ
3. ศาลเจ้าสุวะไทฉะ
ศาลเจ้าสุวะไทฉะ (Suwa Taisha) เป็นศาลเจ้าหลักที่ควบคุมดูแลศาลเจ้าสุวะทั้งประเทศ ศาลเจ้าที่ว่านี้คือศาลเจ้าชินโตที่อุทิศให้เทพเจ้าสุวะโนะคามิ หรือเทพเจ้าแห่งความกล้าหาญและความรับผิดชอบ ซึ่งมีสาขาไปทั่วประเทศญี่ปุ่นรวมแล้วนับหมื่นแห่งครับ
ตัวศาลเจ้าหลักแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาย้อนไปได้ถึงช่วงศตวรรษที่ 7 และปรากฏในตำนานอย่าง Nihon Shoki อีกด้วย เพราะฉะนั้นศาลเจ้าสุวะไทฉะจึงจัดว่าเป็นศาลเจ้าชินโตที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งเลยครับ
เพราะเป็นศูนย์กลางทางศาสนามาตั้งแต่อดีต ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่นี่จะใหญ่โตมาก โดยแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วนด้วยกันได้แก่
ฮอนมิยะ (Honmiya) – ส่วนหลักของศาลเจ้าปัจจุบันซึ่งสร้างด้วยสไตล์สุวะที่ไม่เหมือนใคร และถือว่าใหญ่ที่สุดใน 4 ส่วน ตัวอาคารที่คุณเห็นในปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นในสมัยเอโดะ และมีความสวยงามมาก โดยเฉพาะประตูที่บริจาคให้โดยโตกุกาวะ อิเอยาสึครับ
มาเอะมิยะ (Maemiya) – ศาลเจ้าเดิมที่เก่าแก่ที่สุด และเคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีต่างๆ ในอดีตกาล เชื่อกันว่าเทพเจ้ามิชากุจิ หรือเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์เคยถูกสักการะที่นี่ครับ
ฮารุมิยะ (Harumiya) – ส่วนของศาลเจ้าที่ใช้สถานที่ประกอบพิธีโบราณเสี่ยงทายว่าผลผลิตปีนี้จะดีหรือไม่ดี (คล้ายกับเสี่ยงทายพระโคของไทยครับ)
อากิมิยะ (Akimiya) – ส่วนของศาลเจ้าที่เชื่อกันว่าน่าจะใช้บูชาเทพารักษ์ประจำภูเขาและแม่น้ำโดยรอบ ใกล้กับศาลเจ้ามีต้นซีดาร์อายุกว่า 800 ปีตั้งอยู่ครับ
ในทุกๆ 6 ปี ศาลเจ้าสุวะไทฉะจะมีจัดเทศกาลใหญ่ชื่อ ออนบะไดระ (Onbadaira) โดยชาวเมืองจะตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ (หนักกว่า 12 ตัน) มาทำพิธีในศาลเจ้าครับ
4. ปราสาททาคาชิมะ
ปราสาททาคาชิมะ (Takashima Castle) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยตระกูลฮิเนโนะที่ปกครองเมืองสุวะในช่วงสั้นๆ และเคยได้สมญาว่าปราสาทลอยได้ เพราะที่ตั้งของปราสาทนั้นเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่คาบสมุทรที่ยื่นเข้าไปในทะเลสาบสุวะ ทำให้คูของปราสาทลึกกว่าปราสาททั่วไป (เพราะเป็นตัวทะเลสาบเลยนั่นเอง)
ตัวปราสาทในอดีตโดนรื้อถอนโดยรัฐบาลเมจิในช่วงปี ค.ศ.1875 สิ่งที่คุณเห็นในปัจจุบันจึงเป็นของสร้างใหม่ในปี ค.ศ.1970 ครับ ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์และจุดชมวิวที่คุณสามารถชมทะเลสาบสุวะและตัวเมืองได้อย่างสวยงามครับ
อย่างไรก็ดีในปัจจุบันภายในสวนของปราสาทมีการปลูกต้นซากุระไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาชมซากุระกันที่นี่ครับ
5. ที่สูงคิริกามิเนะ
ที่สูงคิริกามิเนะ (Kirigamine Highlands) เป็นที่สูงที่มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ในช่วงฤดูร้อนนั้น ที่นี่เป็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่ก็เป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีอันยอดเยี่ยมครับ แถมยังมีวิวภูเขาหิมะ (Japan Alps) เป็นของแถมอีกด้วย
สำหรับในช่วงฤดูหนาว ที่นี่จะกลายเป็นลานสกีที่ตอบโจทย์นักสกีมือใหม่ไปจนถึงมืออาชีพครับ
6. ออนเซ็นและแช่เท้า
ภายในเมืองสุวะมีโรงอาบน้ำหลายแห่งด้วยกัน ซึ่งคุณสามารถไปแช่ออนเซ็นเพื่อผ่อนคลายได้ในราคาย่อมเยาครับ
แต่ถ้าอยากแช่แบบเบาๆ ภายในเมืองสุวะมีบ่อแช่เท้าฟรีอยู่หลายแห่ง บางแห่งอยู่ริมทะเลสาบสุวะ ซึ่งคุณสามารถแช่ไปชมวิวไปได้อีกด้วยครับ
References
- Suwa Kanko
- JNTO