ทูน (Thun) เป็นเมืองขนาดกลางที่ตั้งอยู่ในเขตการปกครอง Bern Canton ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตัวเมืองได้รับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งน้ำ เพราะว่ามีแหล่งน้ำโดยรอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ Aare หรือว่าทะเลสาบ Thun จนถึงกับมีคำเปรียบเปรยว่าคุณไม่มีทางห่างจากแหล่งน้ำเกินไปกว่าระยะโยนหินก้อนหนึ่งครับ
จากที่เคยได้เยี่ยมเยือนเมืองแห่งนี้มาแล้ว ผมมองว่าทูนเป็นตัวเลือกที่ดีมากถ้าคุณอยากไปเยือนเมืองสวยของสวิสเซอร์แลนด์ที่มีความเงียบสงบ แต่ไม่ได้เล็กเท่ากับบรรดาหมู่บ้านอย่างกรินเดลวัลด์ (Grindelwald) หรือเอนเกลเบิร์ก (Engelberg)
สำหรับผมแล้วสิ่งที่ชื่นชอบที่สุดตอนไปเยือนก็คือบรรยากาศครับ การได้เห็นทะเลสาบสวยๆ ที่มีภูเขาหิมะเป็นฉากหลังเป็นสิ่งที่ฟินสุดๆ อย่างยากที่จะหาที่ใดเปรียบ
รู้จักเมืองทูน (Thun)
สภาพภูมิศาสตร์ของเมืองทูนตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยอยู่ที่จุดที่แม่น้ำ Aare ไหลออกจากทะเลสาบ Thun ทำให้พื้นที่โดยรอบอุดมสมบูรณ์มาก โดยเฉพาะผืนป่าเมืองหนาวที่มีอย่างหนาแน่นครับ
ในเชิงประวัติศาสตร์ มนุษย์ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ตั้งแต่ยุคหินใหม่ และเริ่มกลายเป็นชุมชนหรือหมู่บ้านในช่วงยุคสำริดช่วงต้น โดยนักโบราณคดีได้ขุดค้นพบซากอารยธรรมของยุคนี้ใกล้กับตัวเมือง ซึ่งถือว่าสมบูรณ์อันดับต้นๆ ของยุโรปเลยครับ
จักรวรรดิโรมันได้เข้ามาปกครองทูนเป็นเวลานานเกือบ 500 ปีระหว่างช่วงศตวรรษที่ 1-5 ในช่วงนี้ทูนได้กลายเป็นเมืองที่ชาวโรมันได้ใช้ปกครองดินแดนโดยรอบ จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 5 ที่ชาวเบอร์กันดีได้ขับไล่ชาวโรมันออกไปครับ
ทูนกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในศตวรรษที่ 11 หลังจากที่องค์จักรพรรดิได้ทรงได้ครองตำแหน่งกษัตริย์แห่งเบอร์กันดีอีกตำแหน่งหนึ่ง โดยพระองค์ได้โปรดให้ตระกูล Zähringen แห่งเบิร์น (Bern) ดูแลปกครองที่นี่ ซึ่งตระกูลแห่งนี้เองคือผู้สร้างปราสาททูน (Thun Castle) ขึ้นมาป้องกันเมืองครับ
หลังจากนั้นตัวเมืองไม่ค่อยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุโรปมากนัก (เช่นเดียวกับประเทศสวิสเซอร์แลนด์โดยรวม) ทำให้ทูนยังหลงเหลืออาคารบ้านเรือนที่เก่าแก่จำนวนไม่น้อย
ทูนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสวิสเซอร์แลนด์ในช่วงศตวรรษที่ 19 และได้มีการสร้างโรงเรียนทหารชั้นนำขึ้นที่นี่ แต่ในปัจจุบันทูนเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ และดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้ไปเยี่ยมเยือนในแต่ละปีครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองทูน (Thun) ทำอย่างไร?
ทูนอยู่ไม่ไกลจากทั้งกรุงเบิร์น (Bern) และเมืองใหญ่ที่สุดของสวิสเซอร์แลนด์อย่างซูริค (Zurich) และยังอยู่ในเส้นทางการเดินทางไปสู่อินเตอร์ลาเก้น (Interlaken) อีกด้วย ดังนั้นคุณสามารถนั่งรถไฟไปจากทั้งสองเมือง โดยแวะเที่ยวทูนก่อนที่จะไปอินเตอร์ลาเก้นได้ครับ สำหรับการจองตั๋วและตรวจสอบรอบการเดินทาง ผมแนะนำให้ทำผ่าน Omio เพื่อความสะดวกสบายครับ
ไปเที่ยวเมืองทูนช่วงไหนดี?
ทูนเป็นอีกหนึ่งเมืองของสวิสเซอร์แลนด์ที่ไปเที่ยวได้ทุกฤดู ในช่วงฤดูร้อนนั้น ทูนได้รับสมญาว่าเป็นเมืองหลวงในช่วงฤดูร้อนของประเทศ ด้วยความที่มีทะเลสาบ แม่น้ำ และภูเขา ที่นี่จึงอุดมไปด้วยกิจกรรมและกีฬาให้เล่นได้มากมาย ส่วนในช่วงฤดูหนาวก็มีตลาดคริสตมาส ขณะที่ส่วนอื่นของปี อากาศก็ไม่เย็นไม่ร้อนจนเกินไป เหมาะต่อการเดินเล่นชมวิว และล่องเรือในทะเลสาบครับ
สำหรับใครที่ปรารถนาจะพักที่เมืองสวยริมทะเลสาบแห่งนี้ คุณสามารถอ่านบทความนี้เพื่อช่วยคุณเลือกที่พักที่เหมาะสมได้ครับ
1. ทะเลสาบทูน
ทะเลสาบทูน หรือ Thunersee เป็นทะเลสาบสีฟ้าขนาดใหญ่ที่อยู่ในอ้อมกอดของเทือกเขาแอลป์ นี่จึงเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์อย่างปราศจากข้อสงสัย ในอดีตทะเลสาบแห่งนี้เคยเป็นทะเลสาบแห่งเดียวกันกับ Lake Brienz แต่การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาในช่วงศตวรรษที่ 10 ได้แบ่งทะเลสาบออกเป็นสองส่วนอย่างที่ปรากฏให้เห็นทุกวันนี้ครับ
นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 นักท่องเที่ยวแทบทุกคนที่เดินทางไปเยี่ยมเยือนเมืองทูนจะต้องนั่งเรือกลไฟชมวิวรอบทะเลสาบ ปัจจุบันเรือกลไฟดังกล่าวก็ยังให้บริการอยู่ นั่นคือเรือสองชั้นชื่อ Blümlisalp และมีอายุเกือบ 120 ปี (เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1906) แต่เรืออื่นๆ ที่ทันสมัยกว่าก็มีให้บริการเช่นเดียวกันครับ
ทั้งนี้ตัวเรือสามารถไปส่งคุณที่อินเตอร์ลาเก้นได้เลย สำหรับค่าใช้จ่ายและรายละเอียดอื่นๆ อ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บทางการของผู้ให้บริการครับ
2. ทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ
สำหรับใครที่ชื่นชอบกีฬาและกิจกรรมต่างๆ เมืองทูนนั้นมีอะไรให้คุณทำได้ในทุกฤดู อย่างช่วงฤดูร้อนนั้น คุณจะมีกีฬาทางน้ำมากมายให้เล่น ไม่ว่าจะเป็นล่องแก่ง พายเรือแคนู หรือว่า Wakesurfing เช่นเดียวกับการเดิน hiking การขี่จักรยาน
ส่วนใครที่ชอบว่ายน้ำ คุณอาจจะไปที่ Schwäbis River Pool ส่วนของแม่น้ำ Aare ที่แทบจะไร้คลื่นลมและสะอาด เหมาะกับการว่ายน้ำครับ
แต่ถ้าคุณอยากไปให้สุด ที่นี่ก็มีกิจกรรมที่ท้าทายร่ายกายและจิตใจของคุณอย่าง การกระโดดบันจี้จัมพ์, Sky Dive หรือว่า Paragliding ทว่ากิจกรรมเหล่านี้นั้นต้องอาศัยสภาพร่างกายที่แข็งแรง ถ้าคุณไม่แน่ใจ ผมไม่แนะนำให้เสี่ยงครับ
ส่วนช่วงฤดูหนาวนั้น กิจกรรมส่วนมากจะเป็น winter hiking หรือ snowshoeing แต่เล่นสกีก็มีเช่นกัน โดยใกล้กับตัวเมืองมีสกีรีสอร์ทขนาดเล็ก 4 แห่ง อาทิเช่น Beatenberg-Niederhorn เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถเรียนเล่นสกีได้ด้วยครับ
3. ปราสาททูน
ปราสาททูน (Thun Castle) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 ตามความปรารถนาของดยุคตระกูล Zähringen ผู้ปกครองเมืองในเวลานั้น เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองตัวเมือง เช่นเดียวกับป้องกันเมืองไปในคราวเดียวกัน
ปัจจุบันตัวปราสาทยังอยู่ในสภาพดีเยี่ยม และยังหลงเหลือหออัศวิน (Knight’s Hall) จากยุคกลางที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ซึ่งเห็นได้ไม่บ่อยนัก ทุกวันนี้ชาวเมืองมักจะใช้หอนี้เป็นสถานที่จัดการแสดงดนตรีหรือคอนเสิร์ตครับ ขณะที่ส่วนอื่นของปราสาทนั้นได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุและนำเสนอประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของตัวเมือง
ค่าเข้าชม: 10 CHF
4. Schadau Castle
Schadau Castle เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 แต่ในทางปฏิบัติแล้วเป็นวังแห่งหนึ่งเสียมากกว่า โดยตัวปราสาทสร้างขึ้นเป็นบ้านพักของนายธนาคารผู้มั่งคั่งนามว่า Denis Alfred de Rougemont ทั้งนี้ดีไซน์ตัวปราสาทจะเป็นแบบ Gothic แต่สวนของปราสาทจะเป็น English Garden หรือสวนสไตล์อังกฤษครับ
ทำเลที่ตั้งของปราสาทแห่งนี้อยู่ในจุดที่ดีงามที่สุดในเมือง เพราะอยู่ตรงที่แม่น้ำ Aare ไหลออกจากทะเลสาบทูน แถมยังเห็นยอดเขาทั้งสามอย่าง Eiger, Jungfrau และ Monch ด้วยครับ ทำให้ตัวปราสาทสวยทั้งเรื่องทัศนียภาพ และศิลปกรรมครับ
ปัจจุบันตัวปราสาทได้รับการบูรณะให้เป็นโรงแรม และร้านอาหาร ซึ่งคุณสามารถไปใช้บริการได้ครับ
5. เดินเล่นย่านเมืองเก่า
หลังจากที่ล่องเรือริมทะเลสาบ เล่นกิจกรรมต่างๆ และชมสถานที่อื่นๆ ครบจบสิ้นแล้ว ในช่วงเย็น ผมแนะนำให้คุณไปเดินเล่นที่ย่านเมืองเก่า (Old Town) ซึ่งมีอาคารเก่าเรียบรายกันอย่างเป็นระเบียบ
ปัจจุบันอาคารเหล่านี้ได้เปลี่ยนเป็นร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ โดยเฉพาะที่ถนน ObereHauptgasse และ Untere Hauptgasse ที่เป็นย่านช้อปปิ้งหลักของเมืองครับ สินค้าที่ขายส่วนมากจะเป็นสินค้าพื้นเมืองที่คุณอาจจะหาไม่ได้ที่อื่นอีกแล้วในสวิสเซอร์แลนด์ ดังนั้นถ้าถูกใจก็ซื้อไปเลยครับ
หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของย่านเมืองเก่าคือสะพานไม้มีหลังคาชื่อ Untere Schleuse ซึ่งดูจากภายนอกแล้วเหมือนกับที่ลูเซิร์น (Lucerne) แต่มีขนาดเล็กกว่า ตัวสะพานจะพาดผ่านแม่น้ำ Aare และเชื่อมส่วนเมืองเก่าเข้ากับเกาะ Bälliz island ครับ
ในกรณีที่คุณหิวน้ำ ในย่านนี้จะมีน้ำพุอยู่หลายจุด ซึ่งคุณสามารถไปดื่มน้ำเย็นๆ ชื่นใจเพื่อคลายความเหนื่อยล้าได้ครับ
References
- Thunersee.ch
- My Switzerland (Thun Article)
- bls-schiff.ch