โทคามาจิ (Tokamachi) เป็นเมืองขนาดเล็กอันเงียบสงบที่เร้นลับอยู่ในจังหวัดนีงาตะในภูมิภาคชุบุของญี่ปุ่น ถ้าคุณเบื่อหน่ายกับเมืองท่องเที่ยวแบบแมสๆ และอยากสัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ที่นี่ควรค่าต่อการเดินทางมาเป็นอย่างยิ่งเลยครับ
บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับโทคามาจิ และแนะนำสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักเมืองโทคามาจิ (Tokamachi)
เมืองโทคามาจิเป็นเมืองที่มีสภาพภูมิศาสตร์อันหลากหลาย โดยมีภูเขาสูงใหญ่ตั้งตระหง่าและผืนป่าอุดมสมบูรณ์ที่เป็นปราการให้กับตัวเมือง บริเวณเมืองมีแม่น้ำชินาโนะ (Shinano River) แม่น้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไหลผ่าน พื้นที่แห่งนี้จึงอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การทำการเกษตรครับ
โทคามาจิไม่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์เท่าใดนัก ที่นี่มีสถานะเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กตลอดมา และอยู่ในการปกครองของรัฐบาลโชกุนโดยตรงในช่วงยุคเอโดะ จนกระทั่งในช่วงยุคเมจิที่โทคามาจิได้กลายเป็นเมืองขึ้นมาครับ
อย่างไรก็ดีโทคามาจิเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่น เพราะที่นี่มีหิมะตกหนักมากในแทบทุกปี ทำให้ชาวบ้านต้องสร้างบ้านที่แตกต่างออกไปจากที่อื่น ยกตัวอย่างเช่นโครงเสาจะมีขนาดใหญ่เพื่อให้ทนทานต่อหิมะ พื้นที่อยู่อาศัยจะอยู่ที่ชั้น 2-3 เท่านั้น รวมไปถึงมีไม้ค้ำยันขนาดใหญ่เพื่อป้องกันตัวบ้านครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองโทคามาจิทำอย่างไร?
การไปโทคามาจิจากโตเกียวจัดว่าสะดวกสบาย โดยคุณมีตัวเลือกต่อไปนี้ครับ
ชินคันเซน + รถบัส – ขั้นตอนแรกคุณจะต้องขึ้น Joetsu Shinkansen จากโตเกียวไปลงที่สถานี Echigo-Yuzawa ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นรถไฟ Hokuhoku Line เข้าเมืองโทคามาจิ ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 30 นาทีครับ
เนื่องจากสถานี Echigo-Yuzawa เป็นปากทางสู่สกีรีสอร์ทชื่อดังของนีงาตะอย่างยูซาวะ คุณสามารถไปเล่นสกีหรือชมวิวไปได้พร้อมๆ กันครับ
เช่ารถขับ – อีกทางเลือกหนึ่งคือเช่ารถขับไปยังโทคามาจิโดยตรง ซึ่งตัวเมืองอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 235 กิโลเมตร ทำให้ขับไปโดยใช้เวลาไม่นานเท่าไรนัก แต่ถ้าขับไปในช่วงฤดูหนาว คุณจะต้องระวังมากขึ้น เพราะว่าหิมะตกหนักมากครับ
ข้อดีของการเช่ารถขับคือ คุณจะเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างง่ายมาก และไม่ต้องเดินไกลและเสียเวลาเหมือนกับขนส่งสาธารณะครับ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจาก My Trip Tokamachi (เว็บไซต์ทางการของเมือง) โปรดตรวจสอบที่ต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะว่าข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ไปเที่ยวโทคามาจิช่วงไหนดี?
การไปเที่ยวโทคามาจิทำได้ทุกฤดู แต่ช่วงที่ผมมองว่ามีเสน่ห์ที่สุดคือช่วงฤดูหนาว เพราะคุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศเมืองหิมะอันเป็นเอกลักษณ์ของโทคามาจิครับ แต่ช่วงนี้อากาศจะหนาวมาก ดังนั้นเครื่องแต่งกายจะต้องพร้อมครับ
1. โตรกคิโยสึ
โตรกคิโยสึ (Kiyotsu Gorge) เป็นหนึ่งในสามสุดยอดโตรกของญี่ปุ่น เคียงคู่กับโตรกคุโรเบะที่โทยามะ และหุบเขาโอสุกิดานิที่จังหวัดมิเอะครับ ตัวโตรกเกิดขึ้นจากการกัดเซาะของแม่น้ำต่อภูเขาหินที่เกิดจากการเย็นตัวลงของแมกมาครับ
จุดเด่นของตัวโตรกคือที่ชั้นหินจะมี columnar jointing หรือเสาหิน 4-6 ด้านที่มีรูปร่างเหมือนข้อต่อ สิ่งนี้เกิดขึ้นจากการแข็งตัวของแมกมาบนแผ่นหินหลังจากที่เย็นตัวลงครับ
ตัวโตรกให้ทัศนียภาพที่แตกต่างกันไปในทุกฤดู แต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวจะสวยที่สุด เพราะคุณจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี และหิมะปกคลุมนั่นเองครับ
ในปัจจุบันคุณสามารถเดินเข้าไปชมตัวโตรกได้โดยเดินผ่านอุโมงค์เข้าไป ซึ่งจุดชมวิวตรงนี้จะมี 3 แห่งด้วยกัน ซึ่งจุดชมวิวในสุดนั้นคุณจะได้เห็นตัวโตรกแบบพาโนรามาเลยครับ
แถมยังมีความพิเศษด้วยตรงที่มีบ่อน้ำในอุโมงค์ ซึ่งคุณจะได้เห็นภาพสะท้อนของทางออกอุโมงค์และตัวโตรกลงบนผิวน้ำ จุดชมวิวตรงนี้จึงได้ชื่อว่า Tunnel of Light ครับ
การเดินทางไปยังตัวโตรกค่อนข้างซับซ้อน ถ้าคุณไม่ได้ขับรถไปเอง คุณจะต้องไปขึ้นรถบัสที่มุ่งไปยัง Morimiyanohara ที่สถานี Echigo-Yuzawa Station โดยคุณจะลงที่ป้าย Kiyotsukyo Iriguchi Bus Stop ครับ และปิดท้ายด้วยการเดินเท้าไปที่ทางเข้าอีกประมาณ 2 กิโลเมตรครับ
ค่าเข้าชม: 1000 เยน
2. นาข้าวขั้นบันได
นาข้าวขั้นบันไดเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองโทคามาจิ ด้วยความที่มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งผลิตข้าวชั้นดีอย่างข้าวอุโอะนุมะ โคชิฮิคาริ ซึ่งได้รับการบยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุดของญี่ปุ่นครับ
ตัวนาข้าวนั้นจะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เพราะนาข้าวจะเปล่งประกายราวกับว่าสะท้อนแสงแดดได้ แต่ในช่วงฤดูร้อนนั้นนาข้าวจะเขียวชอุ่มไปทั่วอาณาบริเวณ ซึ่งจะสวยไปอีกแบบหนึ่งครับ
นาข้าวที่นิยมไปชมกันได้แก่
- Hoshitoge – นาข้าวสวยขวัญใจช่างถ่ายภาพจากทั่วทุกสารทิศ
- Gimyo – นาข้าวยอดนิยมช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะมีซากุระสะท้อนผืนน้ำให้ชม
- Kamo – นาข้าวที่คุณสามารถเห็นแนวภูเขาหิมะอันสวยงามเป็นฉากหลัง ถ้าสภาพอากาศเป็นใจ
ใครที่ชอบเดินเทรค คุณสามารถเดินเทรคไปตามเส้นทางที่จัดไว้อย่าง Tokamachi Rice Terrace Treks โดยคุณจะมีไกด์นำทางที่ช่วยเหลือคุณไปตามเส้นทางต่างๆ และเล่าถึงประวัติความเป็นมาของนาข้าวแต่ละแห่งครับ นอกจากนี้ยังได้ลิ้มรสอาหารพื้นเมืองที่สืบทอดกันมานับศตวรรษอีกด้วย
หลังจากจบเส้นทาง คุณจะได้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนอย่างแน่นอนครับ ถ้าสนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
3. ชมเทศกาลศิลปะร่วมสมัย
เมืองโทคามาจิเป็นสถานที่จัดเทศกาลศิลปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นั่นก็คือเทศกาลเอจิโกะ-สึมาริ (Echigo Tsumari Art Triennale) ครับ โดยจะจัดในพื้นที่ 6 จุดด้วยกันครับ
ภายในงานจะจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยมากมาย ตั้งแต่อาคารทั้งหลังอย่าง The House of Light ไปจนถึงรูปปั้นและงานศิลปกรรมหลากหลายรูปแบบ ซึ่งไม่ได้มาจากแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่มาจากทั่วทุกมุมโลกเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นใครที่อยากได้แรงบันดาลใจ ไม่ควรพลาดเข้าชมครับ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้มีจัดอะไรบ้าง คุณสามารถอ่านได้ที่เว็บไซต์ทางการของเทศกาลครับ
4. ป่าบิจินบายาชิ
ป่าบิจินบายาชิ (Bijinbayashi) เป็นป่าอันอุดมสมบูรณ์ที่มีต้นบีช (beech) เรียงรายกันไปหลายร้อยต้น ความสวยงามของต้นบีชเป็นที่มาของชื่อป่าซึ่งแปลว่าป่าไม้แห่งความงามครับ
ตัวป่านั้นมาเที่ยวได้ทุกฤดู ซึ่งแต่ละช่วงจะให้ความสวยที่ต่างกันออกไป แต่ช่วงที่น่าสนใจน่าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะต้นบีชจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง สีส้ม และเริ่มผลัดใบครับ
5. มัตสึโนะยามะออนเซ็น
มัตสึโนะยามะออนเซ็น (Matsunoyama Onsen) เป็นออนเซ็นอายุ 700 ปีที่ค้นพบโดยช่างตัดไม้ที่เห็นเหยี่ยวตัวนึงบินถลาเข้าไปสถานที่หนึ่งอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงเดินตามเข้าไปและค้นพบบ่อน้ำร้อนที่งดงามแห่งนี้ครับ
จุดเด่นของน้ำที่นี่คือในน้ำมีปริมาณเกลือที่สูงมาก ถึงขนาดที่จับตัวเป็นก้อนได้เลยทีเดียว สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะน้ำเหล่านี้เป็นน้ำทะเลในโบราณกาลที่ถูกกักไว้ในผืนดินถึง 10 ล้านปีด้วยกันครับ
อีกหนึ่งคือจุดเด่นคือ น้ำพุร้อนของที่นี่จะร้อนจัดถึง 90 องศา หรือเรียกว่าเกือบจะเดือดอยู่แล้ว ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าปราศจากเชื้อโรคได้แบบ 100% อย่างไรก็ดีโรงอาบน้ำแต่ละแห่งจะปรับอุณหภูมิให้ลดลงมาจนเหมาะสมต่อการอาบได้ครับ
สำหรับใครที่ไม่ชอบแช่ออนเซ็น คุณสามารถซื้อไข่และเนื้อหมูตากแดดแล้วมาต้มในน้ำออนเซ็น (ในจุดที่กำหนดไว้ให้) ได้เช่นกันครับ
6. เล่นกิจกรรมฤดูหนาวต่างๆ
ที่มัตสึโนะยามะออนเซ็นนั้นมีสกีรีสอร์ท (Matsunoyama Onsen Ski Resort) ซึ่งคุณสามารถเล่นกิจกรรมฤดูหนาวหลากหลายชนิดในหิมะที่อาจตกได้ถึง 5 เมตรในช่วงฤดูหนาว
กิจกรรมที่มีให้เลือกมีตั้งแต่เล่นสกี, สโนว์โมบิล, Snowshoe Trekking, Airboarding ไปจนถึงแบบ extreme สุดๆ เช่นขับรถกวาดหิมะขนาดใหญ๋ หรือล่องแพหิมะครับ
ช่วงฤดูหนาวที่นี่ก็จะมีการจัด Snow Festival ที่มีรูปปั้นหิมะให้ได้ชมกันอีกด้วย แต่ความยิ่งใหญ่จะไม่เท่ากับที่ซัปโปโรหรืออาซาฮิคาวะครับ
7. เทศกาลกิโมโน
ชุดกิโมโนเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจสูงสุดของเมืองโทคามาจิ โดยมีความเป็นมากว่าพันปี และได้รับความนิยมไปทั่วทั้งญี่ปุ่น ทำให้โทคามาจิมีชื่อเสียงในฐานะเมืองกิโมโนไปด้วยครับ
ในวันที่ 3 พฤษภาคมของทุกปี เมืองโทคามาจิจะจัดเทศกาลกิโมโน (Tokamachi Kimono Festival) ซึ่งชาวเมืองและนักท่องเที่ยวจะพากันสวมใส่ชุดกิโมโนอันงดงาม และเดินไปตามถนนที่ได้รับการตบแต่งอย่างสวยงามรับกับเทศกาลครับ
แต่ถ้าคุณไม่ได้ไปเที่ยวเมืองโทคามาจิในช่วงนั้น คุณสามารถจองทัวร์ทอกิโมโนได้ ซึ่งช่างทอกิโมโนจะแนะนำให้คุณรู้จักเทคนิคการทออย่างละเอียด พร้อมๆ กับให้คุณได้ลองทำเองด้วยครับ
8. ลิ้มรสอาหารพื้นเมืองรสเด็ด
โทคามาจิมีหลายเมนูที่คุณไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็น
- Hegisoba – เฮกิโซบะเป็นเส้นโซบะพิเศษที่ใส่สาหร่ายฟุโนริ ซึ่งทำให้ตัวเส้นแน่นแต่เรียบลื่น เวลานำมาเสิร์ฟนั้นก็จะมีรูปลักษณ์ต่างจากทั่วไป เพราะจะเรียงมาเป็นวงๆ เหมือนกับเส้นด้ายที่ใช้ในการทอผ้าครับ
- เมนูข้าว – เนื่องจากข้าวโคชิฮิคารินั้นถือเป็นข้าวอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น ถ้าคุณมาเที่ยวที่นี่ คุณไม่ควรพลาดลองเมนูข้าวสักครั้งครับ
- Tsumari Pork – เนื้อหมูสึมาริเป็นเนื้อหมูที่เลี้ยงโดยไม่ใช้ยา antibiotics ทำให้เนื้อหมูมีรสชาติที่กลมกล่อมครับ
- Shinkomochi – โมจิใส่ถั่วแดงที่ห่อมาในใบไผ่ รสชาติเหนียวนุ่มของโมจินี้ครองใจนักท่องเที่ยวมาทุกยุคทุกสมัยครับ
References
- My Trip Tokamachi
- Kiyotsu Gorge Tunnel Management Office
- Echigo Tsumari Art Field