ไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu, 会津若松) เป็นเมืองขนาดกลางที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะในภูมิภาคโทโฮคุของประเทศญี่ปุ่น ตามหน้าประวัติศาสตร์แล้วนั้นเมืองแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของรัฐบาลโชกุนและเหล่าชนชั้นซามูไรที่สนับสนุนระบอบเก่า ทำให้ที่นี่เป็นเมืองที่มีธรรมเนียมและค่านิยมซามูไรแบบเข้มข้นครับ
ในบทความนี้ผมจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักเมืองนี้แบบคร่าวๆ และจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ เป็นลำดับต่อไปครับ
ความเป็นมาของเมืองไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu)
อาณาบริเวณเมืองไอสึวากามัตสึนั้นมีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มาอย่างต่ำสองพันปี เห็นได้จากการค้นพบสุสานขนาดใหญ่ (Kofun) ที่ประวัติย้อนไปอย่างน้อยถึงศตวรรษที่ 4 ครับ
ไอสึวากามัตสึได้กลายเป็นเมืองค้าขายในช่วงยุคคามาคุระ โดยโชกุนมินาโมโตะ โยริโตโมะได้มอบให้ไดเมียวไปปกครอง ซึ่งไดเมียวที่ได้ปกครองนานที่สุดคือตระกูลอาชินะ (Ashina Clan) ครับ
ต่อมาในยุคเซ็นโกกุ เมืองแห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนมือหลายต่อหลายครั้ง ตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงได้สลับกันเข้ามาครองเมืองนี้อย่างเช่นตระกูลดาเตะ (แห่งเซนได) และตระกูลอุเอสึกิ แต่สุดท้ายก็ได้ตกเป็นของไดเมียวตระกูลโฮชินะ (Hoshina Clan) หรืออีกชื่อหนึ่งอย่างตระกูลมัตสึไดระ (Matsudaira Clan) ครับ
ตระกูลมัตสึไดระได้ปกครองเมืองนี้อย่างดีตลอดเวลา 200 ปีหลังจากนั้น จนกระทั่งในปี ค.ศ.1868 พวกเขาได้สนับสนุนรัฐบาลโชกุนในสงครามโบชิน (Boshin War) ซึ่งเป็นสงครามกลางเมืองใหญ่ซึ่งชี้ชะตาของญี่ปุ่น
กองทัพพันธมิตรที่สนับสนุนการฟื้นฟูอำนาจให้กับจักรพรรดิจึงยกมาโจมตีเมือง เกิดเป็นยุทธการขนาดใหญ่ซึ่งมีชื่อว่ายุทธการไอสึ (Battle of Aizu)
แม้ว่าชาวเมืองไอสึจะมีชื่อเสียงเรื่องฝีมือในการสู้รบ แต่ด้วยจำนวนทหารที่ต่างกัน 3 เท่า ท้ายที่สุดตระกูลมัตสึไดระก็พ่ายแพ้ ตัวเมืองเองก็ได้รับความเสียหายไปไม่น้อยอีกด้วย
หลังจากนั้นรัฐบาลเมจิที่ขึ้นมาปกครองประเทศก็ได้ยุบระบอบไดเมียว และเปลี่ยนเมืองแห่งนี้ให้อยู่ใต้จังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งการปกครองระบอบนี้ก็ได้สืบต่อมาจนถึงปัจจุบันครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองไอสึวากามัตสึทำอย่างไร?
ไอสึวากามัตสึเชื่อมกับระบอบขนส่งมวลชนของญี่ปุ่น โดยมีวิธีการเดินทางจากโตเกียวดังต่อไปนี้ครับ
- รถบัส – ผู้ให้บริการเดินรถอย่าง JR Bus Kanto มีบริการรถบัสจากสถานีชินจูกุไปยังเมืองไอสึวากามัตสึโดยตรง ค่ารถจะอยู่ที่ 4,900 เยนสำหรับตั๋วเที่ยวเดียว วิธีนี้ถือว่าง่ายที่สุด และเร็วพอตัวด้วย (ใช้เวลา 4 ชั่วโมง 30 นาทีครับ)
- ชินคันเซน + รถไฟ – ขั้นแรกคุณจะต้องนั่ง Tohoku Shinkansen (ขบวน Yamabiko/Nasuno) ไปยัง Koriyama Station หลังจากนั้นก็ต่อ Ban-etsu West Line ไปยัง Aizu-Wakamatsu Station ครับ เวลาทั้งหมดจะใช้ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง (ไม่รวมแวะรอรถ) แต่ราคาจะแพงกว่ารถบัสเกือบเท่าหนึ่ง (9,500 เยน) อย่างไรก็ดีคุณสามารถใช้ Japan Rail Pass ได้ครับ
- เช่ารถขับ – การเช่ารถขับจากโตเกียวไปยังไอสึวากามัตสึถือว่าไม่ยากเลย เพราะตัวเมืองห่างไป 300 กิโลเมตร ถ้ามีเวลาหลายวัน คุณสามารถออกนอกเส้นทางไปแวะเที่ยวนิกโก้ก่อนได้ด้วยครับ
ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจาก Visit Aizu (เว็บไซต์ทางการของการท่องเที่ยวเมืองไอสึวากามัตสึ) ผมแนะนำให้ตรวจสอบจากต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ครับ
การเดินทางในเมืองทำอย่างไร
เนื่องจากเมืองไอสึวากามัตสึไม่ได้ใหญ่มากนัก ขนส่งสาธารณะจึงมีจำกัด โดยมากแล้วคุณจะต้องนั่ง Aizu Loop Bus เพื่อเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ครับ
1. ชมปราสาทสึรุกะโจ
ปราสาทสึรุกะโจ (Tsuruga-jo Castle) เป็นฐานที่พำนักของตระกูลมัตสึไดระที่ใช้ปกครองดินแดนแห่งนี้มานานกว่า 200 ปี ในช่วงสงครามโบชิน ที่นี่เป็นหนึ่งในฐานที่มั่นสุดท้ายของรัฐบาลโชกุน ทำให้เกิดการสู้รบอันดุเดือดยาวนานกว่าหนึ่งเดือนในยุทธการแห่งไอสึครับ
ตัวปราสาทเดิมถูกทำลายหลังจากช่วงสงคราม แต่ได้รับการสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ.1960 และมีการบูรณะหลังคาให้มีสีแดงเหมือนกับของเดิมจนเสร็จในปี ค.ศ.2011
ด้วยความที่หลังคาเป็นสีแดง ปราสาทสึรุกะโจจึงสวยงามไม่เหมือนกับปราสาทใดในญี่ปุ่นครับ
ปัจจุบันคุณสามารถเข้าไปชมด้านในได้ ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดแสดงโบราณวัตถุและเล่าสตอรี่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปราสาท นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่คุณสามารถชมวิวพาโนรามาของเมืองได้อีกด้วยครับ
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือโรงน้ำชารินกาคุ (Rinkaku Teahouse) ซึ่งในอดีต เหล่าไดเมียวเคยจัดพิธีชงชาที่นี่ ถ้าคุณสนใจ คุณสามารถลิ้มลองมัจฉะเลิศรสได้ด้วยครับ
ด้านในปราสาทมีสวนสวยๆ ที่ปลูกต้นซากุระมากมายเช่นเดียวกับปราสาทอื่นๆ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ชมดอกซากุระที่ดีที่สุดในเมืองครับ
ค่าเข้าชม: 410 เยน (ปราสาทอย่างเดียว) 520 เยน (ปราสาทและโรงน้ำชา)
2. ยลสวนโอยากุเอ็น
สวนโอยากุเอ็น (Oyaku-en) เป็นสวนที่ได้รับการจัดอันดับเป็นถึง National Scenic Site โดยรัฐบาลญี่ปุ่น ตัวสวนนั้นมีประวัติยาวนานหลายร้อยปี และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดของสวนญี่ปุ่นสมัยโตกุกาวะครับ
คำว่าโอยากุเอ็นนั้นแปลว่าสวนสมุนไพรสำหรับรักษาโรค ซึ่งชื่อของที่นี่มาจากสมัยเอโดะที่มีการรณรงค์ให้ปลูกสมุนไพรนานาชนิด ปัจจุบันภายในสวนก็ยังมีบางโซนที่ใช้ปลูกสมุนไพรต่างๆ ครับ
โครงสร้างของตัวสวนนั้นเหมือนกับสวนญี่ปุ่นทั่วไปนั่นคือมีสระน้ำที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาชนิดอย่างร่มรื่น นอกจากนี้ยังมีดอกไม้ให้ชมเช่นเดียวกัน ถ้าคุณเดินจนเหนื่อยแล้ว สามารถเข้าไปพักในโรงน้ำชาได้ครับ
ชาของที่นี่เองก็มีความพิเศษเพราะว่าเป็นชาสมุนไพร ซึ่งลองชิมได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้นครับ
ค่าเข้าชม 330 เยน
3. สัมผัสวิถีชีวิตซามูไรที่ไอสึบูเกยาชิกิ
ไอสึบูเกยาชิกิ (Aizu Bukeyashiki) เคยเป็นย่านที่เหล่าซามูไรเคยใช้เป็นสถานที่พำนัก (เหมือนกับคานาซาว่าและเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่นที่มีปราสาท เพราะซามูไรเหล่านี้เป็นคนของไดเมียว)
แต่ที่นี่จะแตกต่างออกไป เพราะเป็นย่านสำหรับซามูไรระดับสูงสุดอย่าง ทาโนโมะ ไซโกะ (Tanomo Saigo) ซึ่งรับใช้ตระกูลมัตสึไดระอย่างใกล้ชิดครับ
อย่างไรก็ดัวบ้านหลังเดิมถูกทำลายไปแล้วในช่วงสงครามโบชิน สิ่งที่คุณเห็นจึงเป็นการสร้างใหม่ในยุคหลัง ภายในบ้านหลักมีห้องกว่า 38 ห้อง เช่นเดียวกับสวน ลานยิงธนู โรงน้ำชา แต่ละส่วนจะมีหุ่นขี้ผึ้งจำลองวิถีชีวิตในอดีต ซึ่งคุณจะสัมผัสบรรยากาศแบบดั้งเดิมได้อย่างเต็มเปี่ยม
ค่าเข้าชม 850 เยน
4. เรียนรู้เรื่องราวของกลุ่มเบียโกไต
กลุ่มเบียโกไต (Byakkotai) หรือหน่วยเสือขาว เป็นกลุ่มซามูไรหนุ่มอายุ 16-17 ปีจำนวน 20 คนที่ตัดสินใจปลิดชีพตนเองที่ภูเขาอิโมริยามะ (Iimoriyama) หลังจากเห็นแสงไฟลุกไหม้ที่ปราสาทสึรุกะโจ และคิดว่าปราสาทแตกแล้ว
เรื่องโอละพ่อกลับเกิดขึ้น เพราะตัวปราสาทนั้นไฟไหม้เฉยๆ แต่จริงๆแล้วยังไม่แตก กลุ่มซามูไรหนุ่มเหล่านั้นจึงตายฟรีไป 19 คน เหลือคนสุดท้ายที่พยายามคว้านท้องตนเอง แต่มีชาวบ้านช่วยไว้จึงไม่ตาย เขาได้ใช้ชีวิตเป็นทหารและตำรวจต่อมาจนหมดอายุขัย
อย่างไรก็ดีสตอรี่นี้ประทับใจชาวญี่ปุ่นในเรื่องความกล้าหาญและความซื่อสัตย์จงรักภักดี ชาวบ้านจึงสร้างสุสานให้กับพวกเขาทั้ง 19 คนบนภูเขา ซึ่งคุณสามารถไปเดินชมได้ครับ
ใกล้กับบริเวณสุสานมีเจดีย์สวยๆ อย่างซาซาเอโดะ (Sazaedo Pagoda) ตั้งอยู่ด้วย ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าชมได้ครับ
5. ชมพิพิธภัณฑ์หรืออนุสรณ์ต่างๆ
เมืองไอสึวากามัตสึมีพิพิธภัณฑ์หรืออนุสรณ์ซึ่งอุทิศให้บุคคลในหน้าประวัติศาสตร์หลายแห่งที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ อย่างเช่น
Noguchi Hideyo Kinenkan – สถานที่ซึ่งอุทิศให้กับโนกุจิ ฮิเดโยะนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นผู้ปราดเปรื่องที่ปรากฏอยู่ในหน้าธนบัตร 1000 เยน
เขามีผลงานการค้นพบเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคซิฟิลิส และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาวัคซีนไข้เหลืองอีกด้วย ในอนุสรณ์ก็จะเล่าเรื่องราวในชีวิตของเขา และจัดแสดงสิ่งของซึ่งครั้งนี้เขาเคยใช้ครับ
พิพิธภัณฑ์จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima Prefectural Museum) – ตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทสึรุกะโจ และจัดแสดงโบราณวัตถุมากมายจากหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ค้นพบที่จังหวัดฟุกุชิมะครับ
สุสานตระกูลมัตสึไดระ (The Grave of the Matsudaira Family) – สุสานที่เก็บร่างตระกูลมัตสึไดระซึ่งครั้งหนึ่งเคยปกครองเมืองไอสึวากามัตสึครับ ด้านในมีต้นไม้มากมายซึ่งสวยงามร่มรื่น นักท่องเที่ยวมักจะมาชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ
Takizawa Honjin – ที่พักของตระกูลมัตสึไดระในช่วงสงครามโบชิน และใช้เป็นสถานที่บัญชาการการศึกตอนที่โดนประชิดเมืองครับ
6. ชมโรงเรียนสอนซามูไร
ไอสึ ฮันโกะ นิชชินคัน (Aizu Hanko Nisshinkan) เป็นสถาบันการศึกษาที่เปิดในปี ค.ศ.1803 เพื่อใช้ฝึกฝนซามูไรรุ่นใหม่ โดยเหล่าชนชั้นซามูไรจะส่งบุตรหลานเข้าเรียนตั้งแต่อายุ 10 ขวบครับ
การเรียนจะมีทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ซึ่งอย่างหลังจะรวมไปถึงการฝึกฝนจิตใจให้แข็งแกร่งด้วย น่าเสียดายที่ของเดิมถูกไฟไหม้เสียหายไปหมดแล้วครับ ตัวโรงเรียนที่เห็นในปัจจุบันเป็นของสร้างใหม่ แต่ก็สวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมเอโดะ
นอกจากชมบรรยากาศและชีวิตความเป็นอยู่ของนักเรียนซามูไรในสมัยนั้นแล้ว คุณสามารถเข้าร่วมการชงชา ขี่ม้า ยิงธนู วาดรูป และนั่งสมาธิ ตามแบบที่เหล่านักเรียนเคยต้องเรียนได้ด้วยครับ
ค่าเข้าชม 620 เยน
7. โอวจิจุกุ
โอวจิจุกุ (Ouchijuku) เป็นอดีตเมืองที่พักนักเดินทางซึ่งห่างจากตัวเมืองไอสึวากามัตสึไปประมาณ 20 กิโลเมตร ในสมัยเอโดะ ที่นี่ตั้งอยู่ติดถนนสายสำคัญที่เชื่อมระหว่างไอสึวากามัตสึกับนิกโก้ นักเดินทางจึงใช้ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนก่อนที่จะเดินทางต่อไปครับ
ตัวบ้านโบราณอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม ซึ่งการบูรณะทำให้เหมือนกับบ้านในสมัยเอโดะไม่มีผิดเพี้ยน และดูละม้ายคล้ายชิราคาวาโกะไม่น้อย (เพราะทรงหลังคาคล้ายๆ กัน เช่นเดียวกับวิธีการมุงหลังคา) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามองลงมาจากมุมที่เห็นตรงกลางเมืองอันมีถนนสายใหญ๋ครับ
ด้านในเมืองมีร้านอาหารมากมาย รวมไปถึงร้านขายสินค้าที่ระลึก ถ้าได้เดินทางมาที่นี่ก็อย่าลืมลองลิ้มรสอาหารพื้นเมือง (อย่างเช่นเนกิโซบะ) และซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือครับ
ที่นี่ถือว่าสวยทุกฤดู แต่จะสวยพิเศษในช่วงฤดูหนาวครับ เพราะหิมะจะปกคลุมเหนือบ้านเหล่านี้นั่นเอง
8. ชิมอาหารพื้นเมือง
ไอสึวากามัตสึเป็นเมืองที่มีอาหารอร่อยๆ มากมายในสไตล์ที่ไม่เหมือนเมืองใดในญี่ปุ่น เมนูที่น่าสนใจได้แก่
- Aizu Kozuyu – ซุปที่มีเบสเป็นหอยตากแห้ง โดยมีเครื่องเป็นมันฝรั่งซาโตอิโมะ แครอท เห็ดนานาชนิด ฯลฯ ชาวเมืองมักจะใช้รับประทานในงานเทศกาลครับ
- Katsudon – ข้าวหน้าหมูทอดที่รู้จักกันดี แต่เมืองนี้จะมีซอสพิเศษสไตล์สตูแบบฉ่ำๆที่ทำให้หมูทอดอร่อยมากขึ้นครับ
- ซาชิมิเนื้อม้า – เนื้อม้าดิบที่นักเดินทางชื่นชอบสั่งที่ที่พักนักเดินทาง ในปัจจุบันเวลากินจะกินคู่กับคารามิโซะ เพราะนักมวยปล้ำอย่างริกิโดซังเคยมาที่นี่แล้วสั่งเมนูนี้มากินกับคารามิโซะที่เขาเตรียมมาเองครับ
- ราเมงสไตล์ไอสึ (Aizu Ramen)
- ยากิโซบะราดแกงกะหรี่
9. แช่น้ำผ่อนคลายที่ฮิกาชิยามะออนเซ็น
ฮิกาชิยามะออนเซ็น (Higashiyama Onsen) เป็นออนเซ็นที่อยู่ใกล้กับเมืองไอสึวากามัตสึ (ขับรถไปสิบนาทีเท่านั้น)
ภายในหมู่บ้านที่มีประวัติ 1,300 ปีแห่งนี้มีทั้งโรงอาบน้ำ เรียวกัง และตลอดจนโรงแรมที่พักต่างๆ ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาแช่น้ำผ่อนคลาย หรือนอนพักผ่อน ซึ่งแน่นอนว่าคุณเลือกใช้บริการได้อย่างอิสระ
อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ ที่นี่มีการแสดงของเหล่าเกอิชาด้วยครับ ซึ่งเป็นการแสดงพื้นบ้านที่หาชมได้ไม่ง่ายเลย แม้กระทั่งในญี่ปุ่นเอง
ตัวอย่างแพลนทริปไอสึวากามัตสึ
สำหรับด้านล่างเป็น infographic ที่จะจะมีแพลนทริปที่ครอบคลุมไอสึวากามัตสึ ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้เป็นไอเดียในการแพลนทริปของคุณได้เลย แต่ควรจะตรวจสอบเรื่องวิธีการเดินทางอีกครั้งเพราะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดครับ
References
- Visit Aizu
- Fukushima Travel (เว็บไซต์ทางการของการท่องเที่ยวจังหวัดฟุกุชิมะ)
- Samurai City
- Tsuruga-jo
- JNTO