ถ้าจะเอ่ยถึงเมืองที่จัดว่าเป็น unseen ของจังหวัดนากาโน่แล้วนั้น เมืองจิคุมะ (Chikuma) น่าจะเป็นที่น่าสนใจของนักเดินทางหลายคนครับ
ในบทความนี้ผมจึงมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับเมืองแห่งนี้คร่าวๆ ก่อนที่จะว่าถึงสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
ความเป็นมาของเมืองจิคุมะ
ดินแดนที่เป็นเมืองจิคุมะในอดีตนั้นมีผู้อยู่อาศัยมาตั้งแต่บรรพกาล พิสูจน์ได้จากการค้นพบหลุมฝังศพโบราณหลายแห่งที่มีอายุกว่าสองพันปีครับ
หลังจากที่ศาสนาพุทธได้เผยแผ่เข้ามาในญี่ปุ่น และวัดที่มีผู้เคารพนับถือมากอย่างวัดเซ็นโคจิ (Zenko-ji) ได้ถูกสร้างขึ้น บริเวณนี้ได้กลายเป็นหมู่บ้านที่ผู้แสวงบุญจากทั่วญี่ปุ่นใช้พักผ่อน ก่อนที่จะเดินทางไปยังวัดดังกล่าวต่อไปครับ
ในช่วงปี ค.ศ.2003 รัฐบาลญี่ปุ่นได้รวมเมืองเล็กๆ 3 แห่งที่อยู่ใกล้กันอย่างเมือง คามิยามาดะ โทกุระ และโกโชกุขึ้นเป็นเมืองใหม่นามว่าจิคุมะ (Chikuma) ครับ
ปัจจุบันเมืองจิคุมะเป็นเมืองผลไม้ที่มีชื่อเสียง และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับรองของจังหวัดนากาโน่ครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปยังเมืองจิคุมะ (Chikuma) ทำอย่างไร?
1. Hokuriku Shinkansen + รถไฟ – วิธีนี้ถือว่าง่ายและสะดวกสบายที่สุดสำหรับนักเดินทางทั่วไป ขั้นแรกคุณจะต้องขึ้น Hokuriku Shinkansen ไปลงสถานี Ueda Station (เมืองอุเอดะ)
หลังจากนั้นก็ต่อ Shinano Railway ไปลง Togura, Chikuma หรือ Yashiro Station (มืองนี้มีสถานีถึง 4 แห่งด้วยกันครับ แต่จากคู่มือท่องเที่ยวแบบทางการจะแนะนำให้ลงที่ Togura หรือ Yashiro Station เพราะที่ Togura นั้นเป็นที่ตั้งของย่านออนเซ็น ส่วน Yashiro นั้นอยู่ใกล้กับหมู่บ้านแอปริคอตครับ
2. เช่ารถขับ – จิคุมะห่างจากโตเกียวประมาณ 210 กิโลเมตร ซึ่งคุณสามารถเช่ารถแล้วขับมาเที่ยวที่นี่ไปพร้อมๆ กับสถานที่อื่นๆ ในจังหวัด อย่างเช่น คามิโคจิ, มัตสึโมโตะ, ฮาคุบะ, โนซาวะออนเซ็น ฯลฯ
ไปเที่ยวเมืองจิคุมะช่วงไหนดี?
สำหรับใครที่จะไปชมดอกแอปริคอตนั้น ตอกไม้จะบานในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ (ปลายมีนาถึงต้นเมษา) แต่ถ้าอยากจะไปเก็บผลแอปริคอตอันเลื่องชื่อจะต้องเป็นช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคมครับ
แต่ถ้าอยากไปเก็บผลไม้จริงๆ จิคุมะมีให้เก็บตลอดทั้งปี อย่างช่วงฤดูหนาวเองก็มีสตรอเบอรี่ให้เก็บครับ
1. ชมหมู่บ้านแอปริคอต
สวนอันสึ โนะ ซาโตะ (Anzu no Sato) หรืออีกชื่อหนึ่งหมู่บ้านแอปริคอต (Apricot Village) เป็นไฮไลท์อันดับ 1 ของเมืองจิคุมะอย่างไม่ต้องสงสัย ที่นี่มีต้นแอปริคอตจำนวนมากกว่า 100,000 ต้น และให้ผลผลิตแอปริคอตเป็นอันดับ 1 ของประเทศ
ช่วงปลายมีนาถึงต้นเมษา ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมดอกแอปริคอตที่มักจะบานสะพรั่งก่อนซากุระครับ
เมื่อมาถึงแล้วคุณจะเห็นดอกแอปริคอตเรียงรายกันไปแบบสวยงาม และมีฉากหลังสวยๆ เป็นภูเขาหิมะอีกด้วย อดีตจักรพรรดิอากิฮิโตะและอดีตจักรพรรดินีมิจิโกะก็เคยเสด็จมาชมทัศนียภาพที่นี่ด้วยครับ
ตามตำนานเหล่าว่าที่นี่มีต้นแอปริคอตมากมาย เพราะว่าโทโยฮิเมะ บุตรสาวไดเมียวแห่งแคว้นอุวะจิมะได้แต่งงานมาที่นี่ในช่วงศตวรรษที่ 17 และได้นำเมล็ดผลแอปริคอตติดมาปลูกที่นี่ด้วย นัยว่าเพื่อไม่ให้ลืมบ้านเกิดครับ
ในช่วงกลายเดือนมิถุนายน ในสวนจะจัดกิจกรรมเก็บแอปริคอตครับ แต่ช่วงอื่นก็มีผลไม้ชนิดอื่นให้เก็บด้วย ไม่ว่าจะเป็นสตรอเบอรี่ ส้ม องุ่น แอปเปิ้ล ฯลฯ
2. นาข้าวโอบาสึเตะ
เมืองจิคุมะมีแม่น้ำจิคุมะ (Chikuma River) แม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดนากาโน่และประเทศญี่ปุ่นไหลผ่าน ที่นี่จึงมีความอุดมสมบูรณ์มาก และเอื้อต่อการปลูกข้าวชั้นดีครับ
นาข้าวของที่นี่ที่มีชื่อเสียงคือนาข้าวโอบาสึเตะ (Obasute) ซึ่งเรียงรายไปตามสันเขาอย่างสวยงามครับ
หนึ่งกิจกรรมที่สืบเนื่องมาตั้งแต่โบราณและน่าสนใจมากก็คือการชมจันทร์สะท้อนบนนาข้าวที่มีน้ำเต็มผืน ซึ่งจะชมได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้นครับ
3. แช่ออนเซ็น
โทกุระ คามิยามาดะออนเซ็น (Togura Kamiyamada Onsen) เป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่มีชื่อเสียงเรื่องคุณภาพน้ำมานานหลายร้อยปี ในอดีตผู้แสวงบุญมักจะมาแวะแช่น้ำที่นี่หลังจากไปเยี่ยมเยือนวัดเซ็นโคจิมาแล้วเรียบร้อย
น้ำของที่นี่เลื่องลือในการบำรุงผิว และรักษาโรคต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับผิวหนังครับ ดังนั้นใครอยากผิวดีก็สามารถไปแช่กันได้
ภายในหมู่บ้านมีทั้งออนเซ็นแบบในร่มและกลางแจ้ง (rotenburo) รวมแล้วกว่า 50 แห่ง และยังมีบ่อแช่เท้าให้ใช้บริการได้ด้วยครับ
หลังจากแช่น้ำเสร็จแล้ว ถ้าใครอยากชมการแสดงเต้นรำพื้นเมือง หรือดนตรีพื้นบ้าน ที่นี่มี เกอิชา (Geisha) ที่จะแสดงให้คุณชมเช่นเดียวกันครับ
4. ทำกิจกรรมกลางแจ้งที่แม่น้ำจิคุมะ
สองฝากฝั่งของแม่น้ำจิคุมะนั้นเป็นสถานที่ที่ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากมักจะทำกิจกรรมกลางแจ้งกัน อย่างเช่นการขี่จักรยานชมวิวริมแม่น้ำ การตกปลา (ช่วงเดือนมิถุนายน) และการวิ่ง Half Marathon (ช่วงเดือนพฤศจิกายน)
นอกจากนี้ถ้าคุณมาที่นี่ในช่วงวันที่ 7 สิงหาคม (วันเวลาอาจเปลี่ยนหรือยกเลิกได้) ที่นี่จะมีการจุดพลุเหนือแม่น้ำให้ชมกันอย่างสวยงามช่วงกลางคืนด้วยครับ
5. ชมวัดและพิพิธภัณฑ์
ใกล้กับเมืองจิคุมะมีวัดและพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่น่าสนใจอาทิเช่น
- Houkonin Chorakuji Temple – วัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงเรื่องจุดชมจันทร์มาตั้งแต่ยุคเอโดะ
- Chishikiji Temple – วัดที่ปลูกดอก Hydrangea เอาไว้มากมาย ซึ่งคุณสามารถมาชมได้ในช่วงฤดูร้อน
- Shuzo Collection – พิพิธภัณฑ์ที่เล่าสตอรี่ของการทำสาเก
6. ชมดอกซากุระ
แม้ว่าดอกแอปริคอตจะเป็นพระเอกของเมืองจิคุมะ แต่ที่นี่ก็มีซากุระให้ชมในช่วงฤดูใบไม้ผลิเช่นเดียวกันครับ จุดที่น่าสนใจได้แก่
- Togurajuku Kitty Park – สวนสาธารณะที่มีต้นซากุระประมาณ 600 ต้น และมีรูปปั้นตัวเทนกุ (Tengu) ที่ใหญ่ที่สุดตัวหนึ่งของญี่ปุ่น จากจุดนี้คุณจะเห็นวิวสวยๆ ของหมู่บ้านออนเซ็นและแม่น้ำจิคุมะได้ด้วยครับ
- Haruta Park
7. ลิ้มรสเมนูอร่อย
คุณไม่สามารถพูดได้ว่ามาถึงเมืองจิคุมะ ถ้ายังไม่ได้ลิ้มลองเมนูเหล่านี้ครับ
- โอชิโบริอุด้ง (Oshibori Udon) – เมนูเด็ดของย่านนี้ โดยคุณจะนำเส้นอุด้งมาจิ้มกับซอสพิเศษเนซูมิ ไดคอนที่ทำมาจากหัวไชเท้าและมีรสเผ็ดสุดๆ ครับ
- ซาราชินะโซบะ (Sarashina Soba)
- เนื้อชินชู (Shinshu Beef) – เนื้อวากิวคุณภาพเยี่ยมที่สายเนื้อไม่ควรพลาด เคล็ดลับของการที่เนื้อชิ้นนี้รสชาติดีก็เพราะวัวทุกตัวถูกเลี้ยงด้วยแอปเปิ้ลครับ
- เกี๊ยวทอดโอยากิ (Oyaki Dumplings) – เกี๊ยวทอดไส้ผลไม้และผัก หนึ่งในเมนูพื้นเมืองของนากาโน่ครับ
- ไอศกรีมราดแยมแอปริคอตข้นๆ
References
- Go Nagano (เว็บไซต์ทางการของการท่องเที่ยวจังหวัดนากาโน่)
- Shinshu Chikuma Tourism Bureau (เอกสารจัดทำเดือนตุลาคม 2020)