ฟุราโนะ (Furano, 富良野) คือเมืองขนาดเล็กที่อยู่ในตอนกลางของเกาะฮอกไกโด ตัวเมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงจากทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่จะบานสะพรั่งในช่วงเดือนกรกฏาคมของทุกปี และดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลกเลยครับ
อย่างไรก็ดีฟุราโนะนั้นมีอีกหลายสถานที่ที่น่าสนใจ ซึ่งในบทความนี้ผมจะแนะนำให้คุณทราบอย่างละเอียดเพื่อที่จะได้ใช้วางแผนเที่ยวต่อไปครับ แต่ก่อนอื่นเราไปดูความเป็นมาของเมืองนี้กันก่อนครับ
ความเป็นมาของฟุราโนะ
ชื่อฟุราโนะนั้นมีที่มาจากภาษาไอนุ ภาษาของชนพื้นเมืองที่อาศัยที่เกาะฮอกไกโดก่อนที่ญี่ปุ่นจะเข้ามาผนวกดินแดนแห่งนี้ รากศัพท์ของฟุราโนะนั้นแปลว่า “สถานที่ที่มีกลิ่นเหม็น” ซึ่งไม่ได้มีความหมายในแง่บวกเท่าไรนัก
หลังจากที่รัฐบาลเมจิได้ผนวกฮอกไกโดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นได้เริ่มตั้งรกรากลงที่นี่จนกลายเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ครับ ก่อนที่จะกลายเป็นเมืองขนาดเล็กอย่างช้าๆ
แม้ว่าจะไม่ได้มีความสำคัญใดๆ มากนัก แต่ฟุราโนะก็ยังโดนทิ้งระเบิดในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สองอยู่ดี ทำให้ตัวเมืองได้รับความเสียหายไปบางส่วน แต่ก็ฟื้นคืนกลับมาหลังจากสงคราม
ในปัจจุบัน เศรษฐกิจของเมืองพึ่งพาการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ โดยเป็นสถานที่ผลิตนมสด ชีส รวมไปถึงผักและผลไม้ (โดยเฉพาะแครอท เมลอน และองุ่น) และระยะหลังก็มีการท่องเที่ยวเข้ามาเพราะผู้คนหลั่งไหลกันมาชมทุ่งลาเวนเดอร์ครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปฟุราโนะทำอย่างไร?
ฟุราโนะสามารถเดินทางไปไม่ยากจากซัปโปโร เมืองหลวงของฮอกไกโด โดยคุณจะมีทางเลือกต่อไปนี้ครับ
- การเช่ารถ – เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวในฟุราโนะและเมืองใกล้ๆ อย่างบิเอะอยู่ห่างจากกันมาก และมีขนส่งสาธารณะที่จำกัด ทำให้การเช่ารถจากซัปโปโรแล้วขับไปยังฟุราโนะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด ถ้าคุณให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายเป็นอันดับหนึ่งครับ ระยะทางก็ไม่ไกลมากนัก (113 กิโลเมตร)
- รถบัส – ผู้ให้บริการรถบัสอย่าง Hokkaido Chuo Bus ให้บริการรถบัสไปยังฟุราโนะ ในราคา 2,500 เยน ส่วนเวลาที่ใช้อยู่ที่ 3 ชั่วโมงครับ ข้อดีของวิธีนี้คือไม่แพง และไม่ต้องเปลี่ยนรถใดๆ เลย
- Furano Lavender Express – สำหรับใครที่ชอบนั่งรถไฟ คุณสามารถใช้บริการ Furano Lavender Express ไปยังฟุราโนะได้โดยตรง เวลาที่ใช้อยู่ที่ 2 ชั่วโมง ส่วนราคาอยู่ที่ 5,000 เยนครับ แต่รถไฟนี้มีบริการในช่วงฤดูร้อน (มิถุนายนถึงสิงหาคม) เท่านั้น
- รถไฟ – อีกหนึ่งทางเลือกที่ประหยัดกว่าการนั่งรถไฟพิเศษก็คือการใช้รถไฟธรรมดา กล่าวคือจากซัปโปโร คุณจะต้องนั่ง JR Hakodate Main Line ไปยัง Takikawa Station แล้วเปลี่ยนรถเป็น JR Nemuro Main Line เพื่อเข้าฟุราโนะครับ วิธีนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง (ไม่รวมเวลารอเปลี่ยนรถ) ส่วนค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 4,000 เยนครับ
ข้อมูลส่วนนี้ผมอ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของ Furano Tourism Association ซึ่งข้อมูลตรงนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่ต้นทางอีกครั้งก่อนออกเดินทางครับ
ไปเที่ยวฟุราโนะช่วงไหนดี?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าช่วงที่ดีที่สุดคือช่วงเดือนกรกฎาคม เพราะดอกลาเวนเดอร์และดอกไม้ต่างๆ จะบานสะพรั่ง อากาศก็เย็นสบายช่วงนี้เป็นช่วงที่ยอดนิยมที่สุดอย่างแท้จริง นักเดินทางส่วนใหญ่จะมากันอย่างล้นหลามเลยครับ
อีกช่วงหนึ่งที่ได้รับความนิยมแต่รองลงมาก็คือช่วงฤดูหนาว เพราะฟุราโนะจะเปลี่ยนเป็นสกีรีสอร์ทที่คุณสามารถเล่นกิจกรรมฤดูหนาวได้แทบจะทุกรูปแบบเลยครับ แต่แน่นอนว่าอุณหภูมิจะหนาวเหน็บ (อาจจะ -10 องศาหรือต่ำกว่า)
ที่พัก
ถ้าคุณยังไม่ได้จองที่พักในเมือง ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักในเมืองฟุราโนะดีๆ ของผมเพิ่มเติมครับ
1. ฟาร์มโทมิตะและทุ่งลาเวนเดอร์อีส
ฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita) เป็นที่เที่ยวอันดับ 1 ของเมืองฟุราโนะอย่างไม่ต้องสงสัย ที่นี่เป็นฟาร์มขนาดยักษ์ที่มีสวนดอกไม้หลายแห่ง ซึ่งในช่วงฤดูร้อนจะบานพร้อมกัน แถมยังมีฉากหลังเป็นแนวภูเขาอีกด้วย เกิดเป็นทัศนียภาพที่งามสะพรั่ง ควรค่าต่อการมาชมอย่างยิ่งเลยครับ
ไฮไลท์ของสวนโทมิตะประกอบด้วย
ทุ่งอิโรโดริ (Irodori Field) – ทุ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดในฟาร์มโทมิตะ ตัวทุ่งจะมีดอกไม้หลายชนิดปลูกเรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นดอกลาเวนเดอร์สีม่วง ดอกป็อปปี้สีแดง ฯลฯ วิวของทุ่งนี้ถือว่าสุดยอดเลยครับ
Traditional Lavender Field – ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในฟาร์ม และเป็นทุ่งดอกไม้ชนิดนี้แห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นด้วย วิวจากจุดนี้สวยมาก เพราะจะเห็นหุบเขาฟุราโนะไปพร้อมๆ กับดอกไม้เลยครับ
ทุ่งฮานาบิโตะ (Hanabito Field) – ทุ่งที่มีดอกไม้สีสันฉูดฉาดให้ชมตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงเลยทีเดียว
Greenhouse – ฟาร์มดอกลาเวนเดอร์ในเรือนกระจก จุดเด่นคือสามารถชมได้ตลอดปีครับ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายทุ่งที่คุณสามารถเดินชมได้ ถ้าคุณชอบดอกไม้แล้วละก็ ผมเชื่อว่าคุณอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันเลยครับ
ภายในสวนยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ อย่างเช่นเดินชม farmhouse แต่ละแห่ง หรือว่าลิ้มรสไอศกรีมแบบ soft-serve รสลาเวนเดอร์และขนมหวานอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือครับ หรือว่าจะไปช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ชั้นดีอย่างเช่นน้ำหอมก็ได้เช่นกัน
สำหรับใครที่ยังไม่อิ่มใจกับการชมลาเวนเดอร์ ใกล้กับฟาร์มโทมิตะ (ห่างไป 4 กม) มีอีกทุ่งหนึ่งชื่อ Lavender East ซึ่งเป็นหนึ่งในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น วิวที่นี่สวยไม่เบาเพราะรายล้อมไปด้วยภูเขาอันยิ่งใหญ่ตระการตาของฟุราโนะนั่นเอง
2. เล่นกิจกรรมฤดูหนาวที่ Furano Ski Resort
สำหรับใครที่มาเที่ยวฟุราโนะในช่วงฤดูหนาว คุณสามารถมาเล่นสกีตลอดจนกิจกรรมฤดูหนาวอื่นๆ ได้ที่ Furano Ski Resort หนึ่งในสกีรีสอร์ทชั้นนำของฮอกไกโดและญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้ด้อยกว่านิเซโกะ หรือ ฮาคุบะเลยครับ
ค่าตั๋วคิดเป็นรายวัน โดยจะอยู่ที่ 6,500 เยนต่อคนครับ แต่เรทนี้จะไม่รวมกิจกรรมสนุกๆ อย่างอื่นที่มีให้ทำด้วยอย่างเช่นชมรูปปั้นหิมะ (Snow Night Fantasy) ครับ
นอกเหนือจากการเล่นกิจกรรมต่างๆ แล้ว ที่นี่ยังมีจัดเทศกาลหิมะ (Furano Snow Festival) ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีทั้งการแกะสลักหิมะ การจุดพลุและดอกไม้ไฟ รวมไปถึงการแสดงและการละเล่นต่างๆ ครับ
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง คุณสามารถใช้บริการของเคเบิลคาร์ (Furano Ropeway) เพื่อชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีและขุนเขาโดยรอบได้แบบพาโนรามาครับ
ใครที่สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และดาวน์โหลดแผนที่สกีรีสอร์ทได้ที่ Prince Snow Resort (Furano) ครับ
3. เยี่ยมชมโรงงานชีส
อย่างที่ผมได้เกริ่นไปแล้วด้านบนว่า หนึ่งในผลผลิตทางการเกษตรขึ้นชื่อของฟุราโนะคือชีส ซึ่งที่ Furano Cheese Factory แห่งนี้ คุณจะได้ชมการผลิตชีสแบบ camembert ตั้งแต่ต้นจนจบ คุณจะได้เข้าใจว่าชีสแสนอร่อยของฮอกไกโดนั้นผลิตกันอย่างไรครับ
แต่ที่เด็ดกว่าคือ คุณสามารถลองผลิตชีสหรือทำอาหารจากชีสด้วยตัวคุณเองด้วยครับ (Workshop ไม่ฟรีนะครับ เริ่มต้นที่ 900 เยน)
ส่วนใครที่ชอบชิมของอร่อย ที่นี่ขายทั้งไอศกรีมและพิซซ่าซึ่งใช้ชีสที่โรงงานผลิตเองเป็นวัตถุดิบหลัก ดังนั้นไม่ควรพลาดชิมเลยครับ
4. ชมกระท่อมไม้สวยๆ ที่ Ningle Terrace
Ningle Terrace เป็นพื้นที่ในโรงแรม New Furano Prince Hotel ที่มีกระท่อมไม้อันสวยงามเรียงติดกัน ซึ่งในตอนกลางคืนจะมีการเปิดไฟ light-up ทำให้บริเวณนี้โรแมนติกสุดๆ เพราะฉะนั้นซีรีส์หรือภาพยนตร์ญี่ปุ่นหลายเรื่องมักจะมาถ่ายทำกันที่นี่ครับ
ในกระท่อมแต่ละแห่งนั้นเป็นร้านขายสินค้าพื้นเมืองที่คุณสามารถซื้อไปเป็นของที่ระลึก รวมไปถึงคาเฟ่ที่ขายอาหารและของว่างรสชาติดีครับ
5. เยี่ยมฟาร์มผลไม้
เมืองฟุราโนะมีฟาร์มผลไม้อยู่มากมาย ซึ่งบางแห่งเปิดให้คุณเข้าไปชมขั้นตอนต่างๆ รวมไปถึงเด็ดมาชิม หรือว่าซื้อกลับบ้านได้เช่นกัน ฟาร์มที่น่าสนใจมีดังต่อไปนี้
สำหรับการหาตำแหน่งของฟาร์มเหล่านี้จะยากพอสมควร เพราะชื่อจะไม่ปรากฏในแอพแผนที่ใดๆ ผมแนะนำให้เข้าเว็บนี้เพื่อให้ใช้แสดงตำแหน่งใน Google Map ครับ
- Yoshida Farm
- Dokoka Farm
- Melon’s Island Yamasaki
- Ohashi Cherry Farm
6. ชมทุ่งลาเวนเดอร์อื่นๆ
นอกเหนือจากฟาร์มโทมิตะแล้ว เมืองฟุราโนะยังมีฟาร์มดอกลาเวนเดอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน อาทิเช่น
- Highland Furano
- Flowerland Kamifurano – ฟาร์มดอกไม้ที่ปลูกผักและผลไม้ด้วย ทำให้คุณสามารถซื้อมาลองลิ้มลองรสชาติได้ด้วย
- Choei Lavender Farm – สวนดอกไม้ที่มีจุดชมวิวแจ่มๆ ที่ผู้มาเยือนสามารถชมวิวตัวฟาร์มได้แบบพาโนรามา
- Hinode Park
- Kanno Farm
7. สวนอาซาฮีกาโอกะ
สวนอาซาฮีกาโอกะ (Asahigaoka Park) เป็นจุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดของเมืองฟุราโนะ โดยที่นี่จะมีต้นซากุระมากกว่า 3,000 ต้น ซึ่งจะบานให้ชมในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปีครับ
แต่ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังสามารถเห็นวิวภูเขาโทกาจิดาเกะกับตัวเมืองฟุราโนะจากสวนแห่งนี้ด้วย เพราะฉะนั้นทัศนียภาพจึงสวยไม่เบาเลยครับ
8. แช่ออนเซ็น
ใกล้กับเมืองฟุราโนะนั้นมีออนเซ็นคุณภาพเยี่ยมอยู่ 2 แห่งด้วยกัน ซึ่งคุณสามารถลงแช่น้ำเพื่อผ่อนคลายได้ได้แก่
- ฮากุกินโซะออนเซ็น (Hakuginso Onsen) – โรงอาบน้ำของที่นี่มีทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง ซึ่งแบบหลังนั้นจะมีแบบแช่รวมไม่แยกหญิงชายด้วย แต่ไม่ต้องกังวลเพราะสามารถใส่ชุดว่ายน้ำได้ครับ (ต่างจากบางแห่งที่นิวโตะออนเซ็นที่ไม่ให้ใส่)
- ฟุกิอาเกะออนเซ็น (Fukiage Onsen) – น้ำพุร้อนที่อาบได้แบบกลางแจ้ง ไม่แยกชายหญิง แต่สามารถใส่ชุดว่ายน้ำได้ครับ
9. ชมความสวยของ Blue Pond
Blue Pond หรืออาโออิอิเกะ (Aoi Ike) เป็นบึงสีน้ำเงินสวยตั้งอยู่ใกล้กับเมืองบิเอะ (Biei) ซึ่งห่างจากฟุราโนะไปไม่ไกลนักครับ
สีน้ำเงินเข้มของน้ำในบึงมาจากแร่ธาตุต่างๆ ที่อยู่ในน้ำครับ ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะมาเก็บภาพสวยๆ ครับ
10. ขับรถ/ขี่จักรยานชมธรรมชาติที่บิเอะ
บิเอะ (Biei) เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีเนินเขามากมาย ซึ่งชาวเมืองได้เปลี่ยนเนินเขาเหล่านี้เป็นพื้นที่เพาะปลูกดอกไม้ตลอดจนพืชผลต่างๆ ครับ
นักท่องเที่ยวมักจะมาขี่จักรยานหรือว่าขับรถชมทุ่งเหล่านี้ ทั้งนี้บริเวณที่สวยนั้นมีอยู่สองจุดด้วยกัน จุดแรกคือ Patchwork Road ที่มีทุ่งบนเนินเขาอันกว้างใหญ่ที่มีจุดชมวิวสวยๆ อย่าง Hokusei Hill Observatory ครับ
อีกจุดหนึ่งคือ Panorama Road ซึ่งบริเวณนี้จะมีทุ่งดอกลาเวนเดอร์และดอกไม้อื่นๆ ให้ชมด้วยครับ โดยไฮไลท์จะอยู่ที่บริเวณที่เรียกว่า Shikisai Hill
ดังนั้นถ้าคุณเหลือเวลาในฟุราโนะ (และเช่ารถมา) การขับมาชมวิวสวยๆ ที่บิเอะก็น่าพิจารณาไม่น้อยเลยครับ
ตัวอย่างแพลนทริปฟุราโนะ
สำหรับ infographic ด้านล่างจะเป็นแพลนทริปที่ผมได้จัดทำไว้แล้วอย่างคร่าวๆ ซึ่งมีฟุราโนะเป็นองค์ประกอบหลัก ทั้งนี้คุณสามารถนำไปใช้จัดทริปต่อไปของคุณได้เลยครับ โดยทั้งสองทริปจะเป็นทริปฤดูร้อน หรือฤดูหนาวที่จะให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่เนื่องด้วยการเดินทางในฟุราโนะด้วยรถสาธารณะไม่สะดวก เพราะฉะนั้นทริปที่ผมแพลนไว้จะใช้การเช่ารถครับ
References
- Furano Tourism Association
- Farm Tomita Official Site
- Prince Snow Resort
- Furano Cheese