หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น8 สถานที่เที่ยวฮาคุบะ (Hakuba) และกิจกรรมน่าสนใจที่คุณไม่ควรพลาด

8 สถานที่เที่ยวฮาคุบะ (Hakuba) และกิจกรรมน่าสนใจที่คุณไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

ฮาคุบะ (Hakuba) เป็นหมู่บ้านในหุบเขาที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น (Japan Alps) ในจังหวัดนากาโน่ (Nagano Prefecture) ทั้งนี้ฮาคุบะมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เพราะเคยเป็นสถานที่จัดการแข่งชันโอลิมปิกฤดูหนาวในปี ค.ศ.1998

หลังจากที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน ฮาคุบะได้กลายเป็นสกีรีสอร์ทยอดนิยมอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่เพียงเท่านั้นที่บริเวณหมู่บ้านยังมีธรรมชาติที่สวยงามน่าหลงใหลให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม และยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายอีกด้วย

เรามาดูกันดีกว่าครับมีจุดไหนที่คุณไม่ควรพลาดชมบ้าง

ความเป็นมาของฮาคุบะ (Hakuba)

ด้วยความที่ภูมิประเทศโดยรอบเป็นหุบเขารายล้อมด้วยเทือกเขาที่สูงชัน ฮาคุบะจึงไม่ได้มีผู้อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตัวเมืองเป็นเส้นทางที่พ่อค้าเกลือต่างๆใช้นำสินค้าจากจังหวัดนีกาตะเข้าไปในพื้นที่ตอนในของญี่ปุ่นเท่านั้น กว่าฮาคุบะจะเริ่มเป็นหมู่บ้านก็เข้าสู่สมัยเมจิแล้วครับ ซึ่งในช่วงนั้นมีบันทึกไว้ว่าฮาคุบะมีประชากรอยู่ 31 ครัวเรือนเท่านั้นเอง

by reita futo/flickr/ CC By 2.0

ฮาคุบะมีสถานะเป็นหมู่บ้านอย่างเป็นทางการในช่วงปี ค.ศ.1956 และตัวหมู่บ้านได้ขยายใหญ่ขึ้นเพราะได้กลายเป็นสถานที่พักตากอากาศ และเล่นสกีของชาวญี่ปุ่น ทำให้จำนวนผู้อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเป็น 8,000 คนในช่วงทศวรรษ 1990

ในปัจจุบันฮาคุบะเป็นเมืองสกีรีสอร์ทที่ได้รับความนิยมสูงมาก โดยมีรีสอร์ทที่เปิดทำการในบริเวณนี้ถึงสิบแห่ง ดังนั้นถ้าคุณชอบเล่นสกี แน่นอนว่าฮาคุบะควรอยู่ในลิสต์ของคุณอย่างแน่นอนครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปยังฮาคุบะทำอย่างไร?

คุณสามารถเดินทางไปฮาคุบะจากโตเกียวอย่างง่ายดายด้วยตัวเลือกต่อไปนี้

  • JR Azusa Train – คุณสามารถนั่งรถไฟ JR Azusa Train จากสถานีชินจุกุไปถึงฮาคุบะได้โดยตรง โดยจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ราคาจะอยู่ที่ 8,000 เยนแต่ข้อควรระวังคือมีขบวนเดียวต่อวันเท่านั้นที่คุณสามารถนั่งไปถึงฮาคุบะได้ (เลือกขบวนที่ปลายทางคือมินามิ-โอตาริ) ที่เหลือจะไปจอดที่มัตสึโมโตะเท่านั้นครับ
  • Shinkansen – สำหรับใครที่มี Japan Rail Pass อยู่แล้ว คุณสามารถนั่ง Hokuriku Shinkansen ไปยังนากาโน่ หลังจากนั้นก็ต่อรถบัสมายังฮาคุบะครับ
  • Nagano Snow Shuttle – หนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดของการเดินทางจากโตเกียวไปยังฮาคุบะ เพราะคุณสามารถขึ้นรถได้จากสนามบินนาริตะ ฮาเนดะ หรือชินจูกุ และเดินทางมาถึงตัวหมู่บ้านโดยตรง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ค่ารถจะอยู่ที่ 10,800-12,000 เยนครับ
  • Alpico Bus – เดิมทีบริษัทเดินรถ Alpico Bus ให้บริการรถบัสจากโตเกียวไปยังฮาคุบะโดยตรง ซึ่งจะใช้เวลา 5 ชั่วโมง
  • เช่ารถขับ – ทางเลือกสุดท้ายแน่นอนว่าคือการเช่ารถขับ ทั้งนี้ฮาคุบะอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 272 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เวลาขับรถประมาณ 3-4 ชั่วโมงครับ

สำหรับใครที่ไปเที่ยวนากาโน่ หรือมัตสึโมโตะอยู่แล้ว คุณสามารถนั่งรถบัสของ Alpico ไปยังฮาคุบะได้โดยตรง

ข้อมูลตรงนี้อ้างอิงจากเว็บไซต์ Hakuba (เว็บของชาวต่างชาติที่อาศัยในฮาคุบะ) และ Hakuba Valley (เว็บไซต์ทางการของหมู่บ้าน) แต่ข้อมูลอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ เพื่อความแน่นอนโปรดตรวจสอบกับเว็บทางการอีกครั้งก่อนออกเดินทางครับ

ไปเที่ยวฮาคุบะช่วงไหนดี?

ช่วง Peak Season ของการท่องเที่ยวในฮาคุบะแน่นอนว่าเป็นช่วงฤดูหนาว แต่ช่วงอื่นอย่างเช่นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ฤดูใบไม้ผลิ หรือแม้กระทั่งฤดูร้อนก็ไม่ใช่ว่าฮาคุบะจะปราศจากผู้คนครับ เพราะฮาคุบะมีธรรมชาติที่สวยงาม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอสำหรับกิจกรรมในช่วงอื่นๆ ด้วยนั่นเอง

ฮาคุบะ (Hakuba) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
by vichie81/depositphotos

ยกตัวอย่างเช่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้น ทัศนียภาพของฮาคุบะจะสวยงามมาก เพราะต้นไม้ทั้งหุบเขาจะเปลี่ยนสี ส่วนในช่วงฤดูร้อนก็เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการปิกนิก และสัมผัสกับลมเย็นๆ ที่พัดมาจากภูเขาครับ

Tip

โดยมากแล้วนักท่องเที่ยวจะมาอยู่ที่นี่หลายวัน ดังนั้นถ้าคุณยังไม่ได้จองที่พัก ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักน่าจองในฮาคุบะเพิ่มเติมครับเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ

1. เล่นสกีและกิจกรรมฤดูหนาวอื่นๆ

ฮาคุบะเป็นแดนสวรรค์สำหรับใครที่ชอบเล่นสกีและกิจกรรมฤดูหนาวอื่นๆ อย่างเช่นสโนว์โมบิล ที่นี่นั้นมีให้เล่นทุกรูปแบบ และทุกความยาก (ลานสกีที่เคยใช้แข่งก็มีให้ไปลองเล่นได้) ดังนั้นเหมาะสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ (เพราะมีบริการสอนเล่นสกี) ไปจนถึงระดับเซียนที่ฝึกฝนเพื่อเตรียมการแข่งขันครับ

หมู่บ้านฮาคุบะ by hiro1775/depositphotos

ทั้งนี้ในฮาคุบะมีสกีรีสอร์ททั้งหมด 10 แห่งด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย

  1. Happo-One – รีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในฮาคุบะและใช้เป็นสถานที่จัดแข่งขันโอลิมปิกในปี ค.ศ.1998 ดังนั้นลานสกีของที่นี่จะค่อนข้างยาก แถมคนเล่นยังมีจำนวนมาก ดังนั้นจะเหมาะกับผู้เล่นที่มีประสบการณ์มาแล้วเท่านั้น
  2. Iwatake – รีสอร์ทที่มีจุดชมวิวสุดสวย ตัวลานสกีไม่ยากมาก เหมาะสำหรับผู้เล่นใหม่
  3. Hakuba 47 – รีสอร์ทที่มีโรงเรียนสอนเล่นสกีและสโนว์บอร์ดแบบเป็นเรื่องเป็นราว เหมาะสำหรับผู้เล่นที่อยากยกระดับทักษะตนเองขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
  4. Tsugaike Kogen – รีสอร์ทมีลานสกีที่ไม่ยากมากนัก และยังมีโรงเรียนสอนสกีทั้งผู้ใหญ่และเด็ก (มีสอนด้วยภาษาอังกฤษ) ดังนั้นเหมาะมากสำหรับมือใหม่ครับ
  5. Cortina – รีสอร์ทที่มีชื่อเสียงเรื่องหิมะมาก ซึ่งถ้าว่ากันตามสถิติแล้ว รีสอร์ทแห่งนี้จะมีหิมะเป็นสองเท่าของที่อื่นในแต่ละปี ดังนั้นใครชอบเล่นหิมะ หรือเล่นสกีในหิมะหนาๆ ที่นี่คือตัวเลือกระดับท้อปครับ
  6. Goryu – สกีรีสอร์ทที่มีลานสกีที่เหมาะสำหรับนักสกีที่มีประสบการณ์ระดับหนึ่งแล้ว ภูเขาบริเวณรีสอร์ทจะคล้ายกับมังกร 5 เศียร ซึ่งเป็นที่มาของชื่อรีสอร์ทครับ
  7. Norikura – ตัวเลือกสำหรับใครที่เบื่อจะไปแย่งที่เล่นกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เพราะที่นี่มีนักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะนัก เหมาะมากกับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวครับ
  8. Sanosaka – สกีรีสอร์ทในฮาคุบะที่มีลานสกีระดับกลาง ซึ่งเหมาะกับมือใหม่ที่ต้องการพัฒนาฝีมือ ไฮไลท์ของที่นี่คือคุณสามารถเล่นสกีลงมาไปพร้อมๆ ชมความสวยงามของทะเลสาบอาโอกิ (Lake Aoki) ได้ด้วยครับ
  9. Jiigatake – สกีรีสอร์ทที่มีลานสกีที่ไม่ยากจนเกินไป ซึ่งจะเหมาะสำหรับเด็กๆ ที่กำลังฝึกฝนเล่นสกีครับ
  10. Kashimayari – สกีรีสอร์ทที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นมากที่สุด และยังมีกิจกรรมพิเศษหลายอย่างที่คุณสามารถเข้าร่วมได้ครับ
สกีรีสอร์ทที่ฮาคุบะ
สกีรีสอร์ทที่ฮาคุบะ by M_blue_surgeon/shutterstock

คุณสามารถซื้อ Hakuba Valley Day Pass เพื่อเข้าลานสกีรวมไปถึงพื้นที่ของแต่ละรีสอร์ทได้อย่างอิสระ โดยมีให้เลือกตั้งแต่บัตร 1 วันไปจนถึง 14 วัน สนนราคาเริ่มต้นที่ 8,500 เยนครับ

สำหรับการเดินทางระหว่างสกีรีสอร์ทนั้นไม่เป็นปัญหา เพราะว่าเชื่อมกันด้วยรถบัสภายในอย่าง Hakuba Valley Shuttle Bus ครับ ค่ารถบัสจะรวมอยู่ในพาสแล้วเรียบร้อย ดังนั้นไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

2. แช่ออนเซ็น

สิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนญี่ปุ่นคือ การแช่ออนเซ็น ซึ่งที่ฮาคุบะนี้ก็มีให้แช่เช่นเดียวกัน โดยมีให้เลือกมากถึง 30 แห่ง ดังนั้นคุณสามารถแช่น้ำร้อนซึ่งจะช่วยให้คุณผ่อนคลาย และชมความงดงามของภูเขาหิมะไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นบรรยากาศจะฟินสุดๆ อย่างแน่นอนเลยครับ

ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Yari Onsen, Hakuba
ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Yari Onsen, Hakuba by Martin Capek/Shutterstock

3. ชมวิวที่ Hakuba Mountain Harbor

Hakuba Mountain Harbor เป็นจุดชมวิวที่เป็นส่วนหนึ่งของ Iwatake Resort โดยคุณสามารถนั่งกอนโดลาขึ้นไปชมวิวภูเขาหิมะได้แบบพาโนรามา พร้อมกับดื่มกาแฟร้อนๆ พร้อมกับลิ้มรสขนมแสนอร่อยจากร้าน City Bakery นี่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับใครที่เริ่มเบื่อหน่ายกับกิจกรรมฤดูหนาวแล้วครับ

นอกจากช่วงฤดูหนาวแล้ว ถ้าคุณมาฮาคุบะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่ยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชั้นยอดอีกด้วย เพราะว่าจะมองเห็นภูเขาหิมะเป็นฉากหลังนั่นเองครับ

4. การเดิน hiking และปีนเขา

ที่ฮาคุบะ คุณสามารถเดิน hiking ตามเส้นทางต่างๆ หรือแม้กระทั่งปีนเขาได้เช่นกัน ซึ่งแต่ละรีสอร์ทจะมีเส้นทางที่ต่างกันออกไป อย่างเช่นรีสอร์ทอย่าง Hakuba Happo One หรือ Iwatake ก็จะมีเส้นทางเป็นของตนเองครับ

by CSNafzger/Shutterstock

ทั้งนี้เส้นทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Happo Pond สระน้ำซึ่งจะสวยมากในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี (เฉพาะอย่างยิ่งในวันฟ้าใส) โดยเส้นทางนี้จะใช้เวลาเดินประมาณ 45-90 นาทีเท่านั้นครับ คุณสามารถซื้อทัวร์เพื่อที่จะได้มีผู้นำทางญี่ปุ่นมาช่วยนำคุณไปชมจุดที่สวยที่สุดของฮาคุบะได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องหลงทางครับ

5. ขี่จักรยานภูเขาและขี่ม้า

ที่ Iwatake Resort นั้นคุณสามารถขี่จักรยานภูเขาและขี่ม้าชมวิวได้ ซึ่งทั้งสองกิจกรรมนั้นก็ไม่ต้องกังวลอันตรายมากนัก เพราะมีผู้ดูแลตลอดเส้นทาง

วิวสวยๆ ที่ Iwatake Resort, Hakuba
วิวที่ Iwatake Resort/ShutterStock

อย่างจักรยานภูเขานั้นจะมีความยากหลายเส้นทางให้เลือก ถ้ายังขี่ไม่ถนัด คุณสามารถเลือกเส้นทางสั้นๆ ที่ไม่หวาดเสียวมากนักได้ แต่ถ้าเทพแล้วก็สามารถเลื่อนเส้นทางแบบ Downhill เพื่อให้ร่างกายหลั่งอะดรีนาลินได้อย่างเต็มที่เช่นกันครับ

6. ชมความสวยของอุทยานแห่งชาติสึไกเกะ

อุทยานแห่งชาติสึไกเกะ (Tsugaike National Park) ตั้งอยู่ห่างจากฮาคุบะไม่ไกลนัก ซึ่งคุณสามารถเดินทางมาได้โดยใช้กระเช้าครับ บนกระเช้าคุณจะเห็นวิวภูเขาหิมะและทัศนียภาพโดยรอบแบบสุดลูกหูลูกตา เรียกได้ว่าสวยไม่แพ้อุทยานใดในญี่ปุ่นเลยครับ

Tsugaike National Park หนึ่งในสถานที่เที่ยวฮาคุบะสำหรับใครที่ชอบเดินเทรค
by rayints/shutterstock

นอกจากนี้ในอุทยานยังมีเส้นทางเดินเทรคชั้นยอดตั้งแต่ 1 กิโลเมตรไปจนถึง 6.5 กิโลเมตรด้วยกัน ซึ่งเส้นทางจะปูด้วยไม้อย่างดี ทำให้เดินสบายมาก ถ้ามาในช่วงฤดูร้อน คุณจะได้ชมพืชและดอกไม้นานาพันธุ์ ส่วนถ้ามาช่วงอื่นจะเป็นใบไม้เปลี่ยนสีครับ

7. ชมทะเลสาบอาโอกิ

ทะเลสาบอาโอกิ (Lake Aoki) เป็นทะเลสาบที่จะสวยมากในช่วงฤดูร้อนที่อากาศสดใส เพราะคุณสามารถเห็นท้องฟ้าสะท้อนบนผืนน้ำที่ใสสะอาดและปราศจากคลื่นได้ครับ

Lake Aoki แสนสวยแห่งฮาคุบะ
Lake Aoki แสนสวยแห่งฮาคุบะ by Iapho/shutterstock

นอกจากนี้คุณยังสามารถทำกิจกรรมทางน้ำได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพายเรือแคนู หรือล่องแพ ไม่เพียงเท่านั้นคุณยังสามารถกางเต้นท์ริมทะเลสาบเพื่อสัมผัสบรรยากาศให้เต็มอิ่มอีกด้วย

8. เข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ

นอกเหนือจากกิจกรรมเหล่านี้แล้ว แต่ละรีสอร์ทจะมีกิจกรรมพิเศษของแต่ละปี ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปในทุกๆ ปี ยกตัวอย่างเช่นในปี 2021-22 ทาง Kashimayari Resort ได้จัดกิจกรรม Pokemon Snow Adventure เป็นต้น

ดังนั้นถ้าคุณอยากจะเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ โปรดตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนจะเดินทางไปครับ

9. ตัวอย่างทริปฮาคุบะ

สำหรับด้านล่างจะเป็นตัวอย่างทริปฮาคุบะ โดยจะมีทั้งช่วงฤดูหนาว และฤดูใบไม้ร่วง คุณสามารถนำไปใช้ประกอบการจัดทริปของคุณได้ครับ และปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมได้อย่างอิสระ ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้อง confirm เรื่องวิธีการเดินทางด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง เพราะผู้ให้บริการอาจจะปรับเปลี่ยนการให้บริการได้ตลอดเวลาครับ

เรื่องคอนเซปต์แน่นอนว่าจะเป็นแนวสุขนิยมเหมือนกับแพลนทริปอื่นๆ ที่ผมเคยได้ทำไว้ก่อนหน้านี้ นั่นคือไม่ได้หนักจนเกินไปครับ

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!