หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น5 สถานที่ท่องเที่ยวฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) และกิจกรรมต่างๆ ที่คุณไม่ควรพลาด

5 สถานที่ท่องเที่ยวฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) และกิจกรรมต่างๆ ที่คุณไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

ฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) เป็นเมืองขนาดเล็กที่อยู่ในจังหวัดอิวาเตะของประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าเมืองจะมีขนาดเล็กมาก แต่ตัวเมืองมีประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมอันโดดเด่น ทำให้ตัวเมืองถึงกับได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโกเลยทีเดียว

ดังนั้นถ้าคุณเดินทางมาเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ ที่นี่เป็นสถานที่อีกแห่งที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งเลยครับ

ในบทความนี้ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับเมืองแห่งนี้คร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเป็นลำดับต่อไปครับ

ความเป็นมาของฮิราอิซุมิ (Hiraizumi)

ในช่วงยุคเฮอัน ตระกูลฟูจิวาระ (Fujiwara Clan) ครองอำนาจอันยิ่งใหญ่เหนือดินแดนญี่ปุ่น อย่างไรก็ดีตระกูลนี้มีหลายสาขาด้วยกัน ดังนั้นพวกเขาจึงมีเขตปกครองของตนเองที่ต่างกันไป

เมืองฮิราอิซุมิ
by yspbqh14/ShutterStock

ดังนั้นตระกูลฟูจิวาระสายของ ฟูจิวาระ โนะ คิโยฮิระ (Fujiwara no Kiyohira) หรือสายภาคเหนือจึงโยกย้ายมาตั้งศูนย์กลางการปกครองที่เมืองฮิราอิซุมิแห่งนี้ ภายในเวลาไม่กี่สิบปี ตระกูลฟูจิวาระได้สร้างความมั่งคั่งให้กับเมืองฮิราอิซุมิอย่างมากมาย เพราะเมืองนี้เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าขาย วัฒนธรรม ศาสนา การเมือง ฯลฯ

ในช่วงกลางศตวรรษที่ 12 นั้นตัวเมืองฮิราอิซุมิมีประชากรอย่างน้อย 50,000 คนหรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำไป ดังนั้นเรียกได้ว่าสูสีกับเกียวโตเลยครับ แต่สิ่งที่โดดเด่นมากของฮิราอิซุมิในช่วงนั้นคือการเป็นเมืองพุทธ ตระกูลฟูจิวาระที่ปกครองเมืองนั้นศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างมาก ทำให้มีการสร้างพุทธสถานหลายแห่ง ซึ่งยังหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ดีชะตาของเมืองก็ขาดสะบั้น เพราะเกิดสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น ตระกูลฟูจิวาระได้เข้าสัประยุทธ์กับตระกูลมินาโมโตะ แต่กลับพ่ายแพ้ ทำให้ตัวเมืองในฐานะฐานที่มั่นของตระกูลฟูจิวาระถูกทำลายเกือบทั้งหมด

วัดจูซอนจิในช่วงฤดูหนาว
by yspbqh14/ShutterStock

หลังจากสงครามกลางเมือง ตระกูลมินาโมโตะที่ได้ขึ้นเป็นโชกุนก็ทิ้งขว้างไม่ได้เหลียวแล ทำให้นับตั้งแต่บัดนั้นฮิราอิซุมิไม่เคยได้รับความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์กลับมาอีกเลย จากเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศแห่งหนึ่งได้กลายเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 7.000-8.000 คนเท่านั้นในปัจจุบัน

แต่นั่นอาจจะเป็นความโชคดีก็เป็นได้ เพราะนั่นทำให้สิ่งก่อสร้างหลายแห่งในเมืองหลบพ้นการทำลายล้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองมาได้ครับ

ในช่วงปี ค.ศ.2011 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ยื่นให้องค์การยูเนสโกพิจารณาเขตพุทธสถานของฮิราอิซุมิเป็นมรดกโลก ซึ่งก็ทำได้สำเร็จ ดังนั้นปูชนียสถานเหล่านี้จึงมีสถานะเป็นมรดกโลกมาจนถึงปัจจุบันครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปฮิราอิซุมิทำอย่างไร

โดยมากแล้วนักท่องเที่ยวมักจะเดินทางมาจากโตเกียว โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้ครับ

ชินคันเซน + รถไฟ – ขั้นตอนแรกคุณต้องนั่ง JR Tohoku Shinkansen จากโตเกียวไปยังสถานีอิชิโนะเซกิ (Ichinoseki Station) ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 10 นาที หลังจากนั้นก็เปลี่ยนรถไฟเป็น JR Tohoku Main Line เข้าเมืองฮิราอิซุมิ ซึ่งขั้นที่สองนี้จะใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีครับ

สำหรับใครที่ไปเที่ยวเซนไดอยู่แล้ว คุณสามารถนั่ง JR Tohoku Shinkansen มายังสถานีอิชิโนะเซกิ หลังจากนั้นก็นั่ง JR Tohoku Main Line เหมือนกับที่ผมแนะนำไปด้านบนครับ

ส่วนใครที่อยู่ที่โมริโอกะนั้นมีสองทางเลือก นั่นคือนั่งชินคันเซน + รถไฟเหมือนกับมาจากโตเกียวหรือเซนได หรือว่านั่ง JR Tohoku Main Line จากโมริโอกะไปยังฮิราอิซุมิโดยตรงครับ

เช่ารถขับ – การเช่ารถขับในญี่ปุ่นเป็นอีกทางออกที่ดีสำหรับการเที่ยวเมืองฮิราอิซุมิ และจังหวัดอิวาเตะ เพราะคุณจะไม่ต้องเสียเวลารอรถต่างๆ และไม่จำเป็นต้องใช้แท็กซี่ในกรณีที่ไม่มีรถครับ

ทั้งนี้ฮิราอิซุมิอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 444 กิโลเมตร ซึ่งไกลพอสมควร แต่คุณสามารถนั่งชินคันเซนไปยังโมริโอกะหรือว่าเซนไดแล้วค่อยเช่ารถก็ได้ครับ ซึ่งสองเมืองนี้จะใกล้กับฮิราอิซุมิ (90-100 กิโลเมตร)

ข้อมูลด้านบนอ้างอิงจากเว็บไซต์การท่องเที่ยวฮิราอิซุมิ (Hiraizumi Tourism Association)

ไปเที่ยวฮิราอิซุมิช่วงไหนดี?

ด้วยความที่สถานที่ท่องเที่ยวระดับไฮไลท์ของที่นี่เป็นพุทธสถานและมรดกทางวัฒนธรรม ดังนั้นคุณสามารถมาเที่ยวได้ในทุกฤดูครับ แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศสวยๆ แน่นอนว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ที่มีซากุระ) และช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ที่มีใบไม้เปลี่ยนสีครับ)

1. ชมวัดทาคโคะกุ โนะ อิวายะ (Takkoku no Iwaya)

วัดทาคโคะกุ โนะ อิวายะเป็นวัดถ้ำในศาสนาพุทธที่มีการสร้างเข้าไปในตัวภูเขา ตัววัดมีประวัติย้อนไปได้ถึงช่วงศตวรรษที่ 9 กล่าวคือแม่ทัพแห่งยามาโตะได้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองที่มีชัยเหนือชนเผ่าเอโซะครับ โดยใช้เป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าไวศรณะ (คนไทยมักเรียกท้าวเวสสุวรรณ) หรือบิชามอนเท็นในภาษาญี่ปุ่นครับ

by yspbqh14/ShutterStock

ต่อมาในสมัยเฮอันได้มีการแกะสลักรูปของพระพุทธเจ้าในชั้นหิน รวมไปถึงเทพเจ้าอัจละ (Achala) ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือในนิกายมหายานเข้ามาไปด้วยครับ

อย่างไรก็ดีตัววัดถ้ำที่เราเห็นในปัจจุบันไม่ใช่ของเดิมครับ เพราะมีการสร้างใหม่ขึ้นมาหลายครั้งแล้ว เพราะตัววัดถูกไฟไหม้หลายครั้ง ตัววัดในปัจจุบันเพิ่งจะสร้างใหม่ในปี ค.ศ.1961 ครับ แต่รูปแกะสลักหินของพระพุทธเจ้าแน่นอนว่ายังเป็นของเดิม

ค่าเข้าชม: 500 เยน

2. ชมวัดจูซอนจิ (Chuson-ji)

วัดจูซอนจิเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 หรือก่อนที่ตระกูลฟูจิวาระจะมาตั้งรกรากที่นี่เสียอีก ตัววัดเป็นของนิกายเท็นไดครับ แต่ได้รับการสร้างเพิ่มเติมให้ยิ่งใหญ่ในยุคตระกูลฟูจิวาระ

วัดจูซอนจิ เมืองฮิราอิซุมิ
by yspbqh14/ShutterStock

ทั้งนี้เจตจำนงของเขาก็คือสร้างเพื่อปลอบประโลมดวงวิญญาณของผู้พลีชีพในสงครามกลางเมืองในช่วงศตวรรษที่ 11 รวมไปถึงใช้ที่นี่เป็นสถานที่เผยแผ่แนวทางการปกครองของตนที่ต้องการให้พลเมืองได้รับความผาสุกตามคำสอนของพระพุทธศาสนาครับ

ในปัจจุบันส่วนของอาคารเดิมที่พอจากหลงเหลือรอดมาจากสมัยนั้นคือ ตัวอาคารที่ชื่อว่ากอนจิคิโด (Konjikido) และหอเคียวโซ (Kyozo Hall) ซึ่งได้รับการซ่อมแซมและตบแต่งให้สวยงามเมืองกับครั้งอดีต แต่อาคารที่สร้างขึ้นใหม่ก็สวยงามไม่น้อย และแสดงให้เห็นความวิจิตรของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นในยุคเฮอันได้เป็นอย่างดีครับ

ค่าเข้าชม: 800 เยน

สำหรับใครที่ชอบประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

ใกล้กับวัดแห่งนี้มีศาลของมินาโมโตะ โนะ โยชิสึเนะตั้งอยู่ ซึ่งเขาผู้นี้เป็นน้องชายต่างมารดาของมินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะ โชกุนคนแรกแห่งคามาคุระ

โยชิสึเนะเป็นกุญแจสำคัญในชัยชนะในสงครามกลางเมืองของตระกูลมินาโมโตะ แต่ด้วยความเก่งกาจทำให้พี่ชายต่างมารดาของเขาระแวงและเป็นศัตรูกัน โยชิสึเนะจึงได้หนีมาอาศัยตระกูลฟูจิวาระที่ฮิราอิซุมิ แต่กลับถูกทรยศ จนสุดท้ายโยชิสึเนะจึงต้องคว้านท้องตนเองสิ้นชีวิตที่จุดที่เป็นศาลเจ้าตรงนี้เองครับ

3. สักการะวัดโมสึจิ (Motsuji Temple)

วัดโมสึจิเป็นวัดที่มีความโดดเด่นทางทางด้านศิลปวัฒนธรรมและธรรมชาติ กล่าวคือตัววัดมีประวัติคล้ายกับวัดจูซอนจิ นั่นคือถูกสร้างในช่วงศตวรรษที่ 9 และได้รับการสร้างเพิ่มเติมโดยตระกูลฟูจิวาระ

ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดนั้นตัววัดมีอาคารกว่า 40 หลัง และกุฏิสงฆ์กว่า 500 หลังทีเดียว รวมไปถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นตัวแทนของดินแดนสุขาวดี (Pure Land) ตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนานิกายมหายานครับ

วัดโมสึจิ
by mr_yonglu/ShutterStock

อย่างไรก็ดีสิ่งก่อสร้างของเดิมในวัดโมสึจิถูกทำลายไปหมดแล้วในช่วงสงครามกลางเมือง เหลือไว้แต่เพียงสระน้ำเท่านั้นที่เป็นของเดิม และฐานที่เคยเป็นค้ำจุนอาคารต่างๆ ของวัดเท่านั้น อย่างไรก็ดีชาวญี่ปุ่นยุคหลังก็ได้สร้างวัดนี้ขึ้นมาใหม่ จนได้อาคารหลายหลังที่สร้างขึ้นในศิลปกรรมเฮอันอันสวยงามกลับมาดังเดิมครับ

by mr_yonglu/ShutterStock

ในปัจจุบันบริเวณตัววัดมีโบราณวัตถุและปูชนึยวัตถุให้ชมมากมาย ซึ่งหลายชิ้นเป็นของจริงที่เหลือรอดมาตั้งแต่สมัยที่วัดยังรุ่งโรจน์ครับ

ค่าเข้าชม: 700 เยน

4. ชมวิวที่โตรกเกบิเกะ

โตรกเกบิเกะ (Geibikei Gorge) เป็นช่องเขาที่มีสายน้ำไหลผ่าน นอกจากโตรกสูงตระหง่านแล้ว สองข้างทางมีต้นไม้ปกคลุมอย่างหนาแน่น ทำให้เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชั้นยอดของเมือง นอกจากนี้ในช่วงเดือนพฤษภาคมยังมีดอกวิสทีเรียให้ได้ชมอีกด้วยครับ ในสายน้ำอันเงียบสงบก็มีทั้งปลาคาร์ปและนกเป็ดน้ำ บรรยากาศของบริเวณนี้จึงเงียบสงบและสวยงามมาก

Geibikei Gorge
by Piith Hant/Shutterstock

วิธีการมาชมโตรกนี้ที่ดีที่สุดคือการนั่งเรือเล็กไปตามสายน้ำ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที ระหว่างทางคนขับเรืออาจจะแวะให้คุณเดินลงไปที่หินขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านมองว่าเหมือนกับจมูกสิงโต นักท่องเที่ยวมักจะมาซื้อหินก้อนเล็กๆ แล้วพยายามปาให้โดนหินจมูกสิงโต ตามความเชื่อคือถ้าปาไปโดน ผู้ปาจะโชคดีครับ

นักท่องเที่ยวกำลังปาหินไปที่จมูกสิงโต
นักท่องเที่ยวกำลังปาหินไปที่จมูกสิงโต by shutteroly/Shutterstock

การเดินทางมาที่นี่ถือว่ายากพอสมควร เพราะคุณต้องนั่งรถไฟกลับไปที่อิชิโนะเซกิ (JR Tohoku Line) แล้วเปลี่ยนรถไฟไปเป็น JR Ofunato Line ไปลงที่สถานี Geibikei ครับ แต่ถ้าคุณเดินทางไปในช่วง green season (เมษายน-พฤศจิกายน) จะมีรถบัสให้บริการจากไปยังโตรกเกบิเกะจากสถานีฮิราอิซุมิเลยครับ

อย่างไรก็ดีถ้าคุณเช่ารถมาแล้ว คุณสามารถขับรถไปได้เลยครับ ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลือกที่เร็วที่สุดแล้ว เพราะตัวโตรกห่างจากเมืองไปแข่ง 17 กิโลเมตรเท่านั้นเอง

5. เข้าร่วมเทศกาลต่างๆ

ฮิราอิซุมิเป็นเมืองที่มีเทศกาลที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น

เทศกาลดอกไอริสที่ฮิราอิซุมิ by yspbqh14/ShutterStock
  • Iris Festival – วัดโมสึจิจะจัดเทศกาลดอกไอริสให้ได้ชมกันในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม โดยดอกไม้ที่มีให้ชมนั้นมีอย่างน้อย 30,000 ดอก ดังนั้นใครที่ชอบดอกไม้ไม่ควรพลาดครับ
  • Fujiwara Festival – เทศกาลที่ชาวเมืองจะแต่งกายแบบพื้นเมือง และมีการเดินพาเหรดและการแสดงเพื่อเฉลิมฉลองการเดินทางมาถึงฮิราอิซุมิของโยชิสึเนะ เทศกาลนี้จะจัดสองครั้งทุกปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง และงานช่วงฤดูใบไม้ผลิจะใหญ่กว่าครับ

สำหรับใครที่สนใจ สามารถตรวจสอบตารางเทศกาลของเมืองได้ที่นี่ครับ

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!