หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น9 ที่เที่ยวฮิโรซากิ (Hirosaki) และกิจกรรมน่าสนใจที่คุณไม่ควรพลาด

9 ที่เที่ยวฮิโรซากิ (Hirosaki) และกิจกรรมน่าสนใจที่คุณไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

ฮิโรซากิ (Hirosaki, 弘前市) เป็นเมืองขนาดกลางที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอาโอโมริ ตอนเหนือสุดของจังหวัดฮอนชูของญี่ปุ่น ตัวเมืองนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังไปทุกหนแห่ง เพราะเป็นสถานที่ผลิตแอปเปิ้ลชื่อดังแห่งอาโอโมริที่มากที่สุดเป็นลำดับหนึ่งครับ

อย่างไรก็ดีเมืองฮิโรซากินั้นไม่ได้มีดีแค่เฉพาะแอปเปิ้ล ภายในเมืองยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมน่าสนใจอีกหลายอย่างเช่นกัน เราไปดูกันดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง

ความเป็นมาของเมืองฮิโรซากิ (Hirosaki)

บริเวณเมืองฮิโรซากินั้นมีมนุษย์อาศัยอยู่ตั้งแต่บรรพกาล เห็นได้จากการค้นพบเครื่องปั้นดินเผาจากยุคโจมงและยุคยาโยอิหลายชิ้นด้วยกันครับ ต่อมาในช่วงยุคเฮอัน บริเวณแถบนี้ได้กลายเป็นเมืองในการปกครองของตระกูลฟูจิวาระที่ฮิราอิซุมิ แต่เนื่องจากตั้งอยู่ห่างไกลทางตอนเหนือ ทำให้ความเจริญของเมืองนี้จึงไม่ได้มากนัก

ในช่วงยุคคามาคุระนั้น รัฐบาลโชกุนได้มอบพื้นที่แถบนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลนันบุ (Nanbu Clan) แต่ในช่วงความวุ่นวายในยุคเซ็นโกกุ อดีตซามูไรของตระกูลนันบุอย่างสึการุ ทาเมโนบุ (Tsugaru Tamenobu) ได้ก่อการกบฏ เขาได้ช่วงชิงดินแดนบางส่วนของตระกูลนันบุและตั้งตนเป็นไดเมียว

ปราสาทฮิโรซากิ
by Sean Pavone/ShutterStock

สึการุ ทาเมโนบุนั้นได้สนับสนุนฮิเดโยชิในช่วงที่ยกมารบกับตระกูลโฮโจที่ปราสาทโอดาวาระ ต่อมาก็ได้เลือกฝั่งถูกต้องด้วยการช่วยเหลือโตกุกาวะ อิเอยาสึในยุทธการเซกิกะฮาระ ทำให้ตระกูลสึการุของเขากลายเป็นตระกูลไดเมียวที่มั่งคั่งที่สุดคนหนึ่ง

ตระกูลสึการุได้เริ่มการสร้างปราสาทขึ้นที่เมืองฮิโรซากิแห่งนี้นี่เอง หลังจากนั้นก็ได้ปกครองดินแดนส่วนนี้ (Hirosaki Domain) สืบเนื่องมาอีกสองร้อยกว่าปีด้วยความสงบสุขครับ

ในช่วงสงครามโบชิน (Boshin War) ที่รัฐบาลโชกุนสู้รบกับพันธมิตรซัตสึมะโจชูที่ต้องการให้คืนอำนาจให้กับจักรพรรดิ ตระกูลสึการุก็เลือกถูกฝั่งอีกด้วยการสนับสนุนฝ่ายพันธมิตร ทำให้ตระกูลได้ศักดินาสูงขึ้น แต่อีกไม่กี่ปีต่อมา ตระกูลสึการุก็ต้องสูญเสียอภิสิทธิ์แต่เดิมไปจนหมด เพราะรัฐบาลเมจิได้ล้มเลิกระบบไดเมียวในปี ค.ศ.1871

ดินแดนฮิโรซากิที่ตระกูลสึการุเคยปกครองจึงได้กลายเป็นจังหวัดฮิโรซากิ ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นจังหวัดอาโอโมริ (Aomori Prefecture) เพราะรัฐบาลใหม่ได้ย้ายเมืองหลวงของจังหวัดไปที่อาโอโมริแทนครับ

แอปเปิ้ลของขึ้นชื่อแห่งฮิโรซากิ และจังหวัดอาโอโมริ
แอปเปิ้ลของขึ้นชื่อแห่งฮิโรซากิ และจังหวัดอาโอโมริ by Shirakami

แม้ว่าจะสูญเสียความสำคัญที่มีมาตลอดหลายร้อยปีไปแล้ว แต่รัฐบาลใหม่ก็ได้ปรับปรุงเมืองใหม่ตามแบบตะวันตก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือได้มีการนำแอปเปิ้ลเข้ามาเพาะปลูกในบริเวณนี้ และได้กลายเป็นผลผลิตทางการเกษตรสำคัญอันดับหนึ่งมาจนถึงปัจจุบันครับ (ฮิโรซากินั้นมีอากาศหนาวเย็นจึงไม่เหมาะที่จะปลูกข้าว แต่เหมาะที่จะปลูกแอปเปิ้ลครับ)

ในช่วงปี ค.ศ.1900-1945 ฮิโรซากิเป็นเมืองทหารเพราะว่ามีกองพลที่ 8 ตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ที่นี่ แต่เมื่อญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงคราม ฮิโรซากิกลับเป็นเมืองอันสงบสุขตามเดิม และต่อมาก็มีการสร้างมหาวิทยาลัยฮิโรซากิ (Hirosaki University/Hirodai) ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองมหาวิทยาลัยควบคู่กับเมืองเกษตรกรรมมาจนถึงปัจจุบัน

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปเที่ยวฮิโรซากิ

คุณสามารถเดินทางไปยังเมืองฮิโรซากิจากโตเกียวด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ครับ

ชินคันเซน + รถไฟ – วิธีการเดินทางที่ผมมองว่าง่ายที่สุด โดยคุณจะนั่ง Tohoku Shinkansen (ขบวน Hayabusa และ Hayate เท่านั้น) มาลงสถานี Shin-Aomori ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 10 นาที หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไฟ Tsugaru ซึ่งเป็นรถไฟแบบ limited express มายังฮิโรซากิครับ ขั้นตอนหลังจะใช้เวลา 30 นาที

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 18,000 เยน ซึ่งรวมอยู่แล้วใน Japan Rail Pass ครับ

บิน + รถบัส – คุณสามารถบินจากสนามบินฮาเนดะในโตเกียวมายังสนามบินอาโอโมริ หลังจากนั้นก็นั่งรถบัส (Konan Bus) ไปยังฮิโรซากิครับ วิธีนี้ดูเหมือนว่าจะเร็วกว่าชินคันเซน แต่ถ้ารวมขั้นตอนอย่าง Check-in และการรับกระเป๋าแล้ว น่าจะไม่หนีกันมากนัก หรือแม้กระทั่งใช้เวลามากกว่าด้วยซ้ำไป ดังนั้นผมมองว่าไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก เพราะค่าตั๋วเครื่องบินจะอยู่ที่ประมาณ 20,000-30,000 เยนครับ

รถบัส – คุณสามารถนั่งรถบัสจาก Tokyo Shinagawa Terminal หรือหน้าสถานีอุเอโนะ (Ueno Station) มายังฮิโรซากิได้โดยตรง รถบัสส่วนมากจะเป็นแบบข้ามคืน ดังนั้นจะช่วยคุณประหยัดค่าโรงแรมไปอีกคืนหนึ่งด้วย โดยค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 4,000-10,000 เยนครับ

เช่ารถขับ – ฮิโรซากิอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 690 กิโลเมตร หรือพูดง่ายๆ คือสูสีกับระยะทางระหว่างกรุงเทพไปยังเชียงใหม่ การเช่ารถขับมาจากโตเกียวจะเหมาะกับใครที่ท่องเที่ยวแบบทริปยาวเท่านั้น (คุณจะได้แวะที่เที่ยวในจังหวัดอิวาเตะ มิยางิ หรือแม้กระทั่งยามากาตะ ฯลฯ)

ถ้าใครไม่อยากขับรถนานขนาดนั้น คุณสามารถนั่งชินคันเซนมาลงที่อาโอโมริ แล้วค่อยเช่ารถขับที่อาโอโมริก็ได้ครับ

ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจาก Hirosaki Tourist Information (ผมแนะนำเข้าไปอ่านเพิ่มเติม เพราะข้อมูลรถไฟหรือรถบัสสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาครับ)

ไปเที่ยวฮิโรซากิช่วงไหนดี?

เมืองฮิโรซากิสามารถไปเที่ยวได้ตลอดปี ช่วงฤดูใบไม้ผลิแน่นอนว่ามีซากุระ ช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงที่อากาศกำลังสบายและมีเทศกาลเฉลิมฉลองพื้นเมืองอย่าง Hirosaki Neputa Festival ให้ได้ชมกัน ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็มีใบไม้เปลี่ยนสีและดอกเบญจมาศบานสะพรั่ง

ท้ายที่สุดช่วงฤดูหนาว แน่นอนว่าเป็นช่วงที่หิมะตกหนักมาก และเป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นสกีและกิจกรรมต่างๆ และมีเทศกาลอย่าง Hirosaki Castle Snow Lantern Festival ให้ได้ชมกันด้วยครับ

สำหรับใครที่อยากไปลองชิมแอปเปิ้ลสดๆ และผลผลิตต่างๆ ฤดูเก็บเกี่ยวของแอปเปิ้ลจะอยู่ที่เดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน

โรงแรม/ที่พัก

ถ้าคุณอยากหาที่พักหรือโรงแรมในเมืองไม่ได้ ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักดีๆ ในฮิโรซากิของผมเพิ่มเติมครับ

1. ชมความงามของปราสาทฮิโรซากิ

ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) เป็นสัญลักษณ์ของเมืองฮิโรซากิ ตัวปราสาทสร้างโดยตระกูลสึการุในช่วงศตวรรษที่ 17 แต่หลังจากสร้างได้ไม่นานก็ถูกฟ้าผ่าจนเกิดไฟไหม้เสียหายหมดแทบทั้งหลัง

ปราสาทฮิโรซากิ
by Taromon/ShutterStock

ตัวปราสาทที่เห็นนั้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1810 แต่ก็ถือว่าหาชมได้ยาก เพราะปราสาทส่วนมากในญี่ปุ่นถูกรื้อถอนไปหลังปี ค.ศ.1871 ที่รัฐบาลญี่ปุ่นล้มเลิกระบอบไดเมียว ซึ่งจริงๆ แล้วอาคารโดยรอบตัวปราสาทหลักก็โดนรื้อทิ้งทั้งหมด แต่ยังดีที่ตัวปราสาทรอดมาได้ครับ

ปัจจุบันคุณยังสามารถเข้าชมตัวปราสาทได้ อย่างไรก็ดีตัวปราสาทจะดูธรรมดาๆ เพราะว่าของตบแต่งทุกชิ้นที่ทำจากบรอนซ์นั้นถูกนำไปใช้ในช่วงสงครามหมดแล้ว ถ้าเทียบกับของที่อื่น คุณจะเห็นชัดเจนครับว่าปราสาทนี้จะดูจืดๆ

ชมซากุระที่ปราสาทฮิโรซากิ
by yoshihiro ishigaki/ShutterStock

สิ่งที่โด่งดังกว่าตัวปราสาทก็คือสวนฮิโรซากิ (Hirosaki Park) ซึ่งอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน สวนแห่งนี้เป็นจุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคโทโฮคุและประเทศญี่ปุ่น เพราะจำนวนต้นซากุระที่มีมากกว่า 2,000 ต้น ซึ่งงดงามทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน (เพราะมีการเปิดไฟสวยๆ เพิ่มความสว่างไสว)

ความงามของปราสาทฮิโรซากิในช่วงกลางคืน
by Shawn.ccf

นอกจากนี้คุณยังสามารถพายเรือชมซากุระได้อีกด้วยครับ ซึ่งจะให้ประสบการณ์การชมที่แตกต่างไปจากที่อื่น ทั้งนี้ช่วงเทศกาลซากุระจะอยู่ที่ปลายเดือนเมษายน (สัปดาห์สุดท้าย) ไปจนถึงสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมครับ

by Shawn.ccf/ShutterStock

นอกจากเทศกาลซากุระแล้ว สวนฮิโรซากิแห่งนี้ยังจัดอีกสองเทศกาลที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันในฤดูอื่นๆ ด้วย

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่จะมีเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีและดอกเบญจมาศ ซึ่งความสวยงามนั้นไม่แพ้ช่วงฤดูใบไม้ผลิเลยครับ ดอกเบญจมาศจะได้รับการจัดแต่งและตระเตรียมโดยผู้เชี่ยวชาญ ทัศนียภาพของสวนนี้จึงสวยจับใจนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางมาที่นี่ครับ

ใบเมเปิ้ลสีแดงที่สวนฮิโรซากิ by Shawn.ccf/ShutterStock

สำหรับช่วงฤดูหนาวนั้นจะเป็นช่วงของเทศกาลหิมะ ทางเดินต่างๆ ในสวนจะถูกประดับประดาด้วยโคมไฟในเวลากลางคืน ส่วนตามต้นไม้นับพันจะมีการเปิดไฟสีต่างๆ โดยรวมแล้วสวยสุดจะพรรณนาเลยครับ

ปราสาทฮิโรซากิช่วงฤดูหนาว
by KPG-Payless2/ShutterStock

ใครที่ชอบดอกไม้นั้น อย่าลืมไปชมสวนพฤกษศาสตร์หรือ Hirosaki Castle Botanical Garden ในสวนมีต้นไม้กว่า 124,000 ต้นจาก 1,500 สปีชีส์ ซึ่งในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤศจิกายนจะมีดอกไม้ให้ชมจำนวนมหาศาลเลยครับ ชาวญี่ปุ่นนิยมมาปิกนิกกันที่นี่

ค่าเข้าชม: 320 เยนเฉพาะตัวปราสาท, 520 เยน ทุกสิ่งในเขตปราสาท

2. ชมเทศกาล Hirosaki Neputa Festival

เทศกาลนี้เป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมือง โดยจะจัดขึ้นในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม โดยรถที่มีภาพเขียนพื้นเมืองขนาดใหญ่จะถูกประดับประดาอย่างสวยงามด้วยโคมไฟ

หลังจากนั้นชาวเมืองก็จะแห่รถเหล่านี้ไปตอนกลางคืน พร้อมกับบรรเลงดนตรีพื้นบ้านไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตีกลองไทโกะ (Taiko Drums) ขนาดยักษ์ที่ทำให้เสียงนั้นดังสนั่นไปทั่วเมืองเลยทีเดียว

ตามความเชื่อเก่าแก่แล้วนั้น ประเพณีนี้จัดขึ้นเพื่อขับไล่ปีศาจที่มาทำให้ชาวเมืองง่วงเหงาหาวนอนตอนฤดูเก็บเกี่ยวครับ

สำหรับใครที่ไม่ได้มาช่วงดังกล่าว สามารถไปสัมผัสบรรยากาศได้ที่หมู่บ้านเนปุตะ (Neputa Village) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลนี้ให้นักท่องเที่ยวผู้สนใจครับ และยังจัดแสดงอุปกรณ์และรถแห่ต่างๆที่ใช้ในเทศกาลจริงๆ ให้คุณได้ชมอีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้นที่นี่ยังมีสวนสาธารณะสวยๆ อย่าง Yoki-en และโรงน้ำชา และร้านค้าที่ขายสินค้าพื้นเมือง โดยรวมแล้วน่าสนใจมากเลยทีเดียว

ค่าเข้าชม (Neputa Village) : 600 เยน

3. ชิมแอปเปิ้ลที่ Hirosaki City Apple Park

สวนแอปเปิ้ลแห่งเมืองฮิโรซากิเป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีแอปเปิ้ลกว่า 65 สายพันธุ์ รวมแล้วกว่า 1,300 ต้นด้วยกัน บรรยากาศของสวนแห่งนี้ยอดเยี่ยมมาก เพราะมีภูเขาไฟอิวากิ (Mt. Iwaki) เป็น background ให้อีกด้วยครับ

สวนแอปเปิ้ลในช่วงฤดูใบไม้ผลิ by Taromon/ShutterStock

ภายในสวน คุณจะได้เรียนรู้กระบวนการการเพาะปลูกแอปเปิ้ล รวมไปถึงประวัติความเป็นมาอย่างละเอียด แต่สิ่งที่พิเศษที่สุดคือ คุณสามารถเข้าไปช่วยเก็บเกี่ยวผลแอปเปิ้ล และลิ้มรสแบบสดๆ รวมไปถึงลองชิมอาหารเมนูรสเลิศที่ทำมาจากแอปเปิ้ล ไม่ว่าจะเป็นแกงกะหรี่แอปเปิ้ลไปจนถึงไอศกรีมแอปเปิ้ลครับ

ไอศกรีมแอปเปิ้ลและแอปเปิ้ลสด
ไอศกรีมแอปเปิ้ลและแอปเปิ้ลสดที่สวนแอปเปิ้ลฮิโรซากิ by Neptunestock/ShutterStock

อย่างไรก็ดีคุณจะเก็บแอปเปิ้ลได้ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายนเท่านั้น และแน่นอนว่าไม่ฟรี ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 200 เยนต่อกิโลกรัม (แต่ก็ถูกกว่าซื้อที่ไทยมากครับ)

4. สวนฟูจิตะ

สวนฟูจิตะ (Fujita Memorial Garden) เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นอันสวยงาม โดยดีไซน์นั้นจะเป็นแบบเอโดะโบราณที่หาชมได้ยาก ตัวสวนแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่ไม่แพ้สวนฮิโรซากิเลยครับ

สวนฟูจิตะ
by Sean Pavone/ShutterStock

5. เยี่ยมเยือนย่านซามูไร

แม้ว่าย่านนี้จะไม่ได้สมบูรณ์เหมือนกับที่คานาซาว่า แต่ฮิโรซากิมีย่านซามูไรที่หลงเหลือบ้านเก่าแก่แบบดั้งเดิมอยู่หลายหลัง ย่านนี้ชื่อว่าย่านนากาโจ (Nakacho) ครับ ปัจจุบันมีบ้านซามูไรสามหลัง (Iwata, Ito และ Umeda) ที่คุณสามารถเข้าชมได้ ส่วนบ้านอีกหลังเป็นบ้านโบราณของพ่อค้าในสมัยเอโดะครับ

Iwata Residence
by KPG-Payless2/ShutterStock

6. ชมหมู่วัดเซนที่เซนลินไก

ย่านเซนลินไก (Zenringai) เป็นย่านที่ประกอบด้วยวัดเซน 33 แห่งและมีวัดหลักของตระกูลสึการุอย่างโจโชจิ (Choshoji) ตั้งอยู่ ในอดีตไดเมียวแห่งตระกูลสึการุได้สั่งให้วัดนิกายเซนทั้งหมดในพื้นที่ในปกครองของตนย้ายมาตั้งอยู่ที่นี่ เพราะเพื่อใช้ปัดรังควานตามความเชื่อโบราณ รวมไปถึงใช้แนวสกัดการคุกคามจากศัตรูที่จะเข้าสู่ปราสาทครับ บ้างก็ว่าใช้เพื่อแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวของศาสนาครับ

ปัจจุบันวัดเหล่านี้อยู่ในละแวกเดียวกัน และเรียงรายกันไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีที่ใดเหมือนในญี่ปุ่น วัดเหล่านี้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ แน่นอนว่าคุณสามารถเข้าชมได้ครับ

7. ชมความงามของภูเขาอิวากิ

ภูเขาอิวากิ (Mt.Iwaki) หรือภูเขาไฟอิวากิตั้งอยู่ห่างจากเมืองฮิโรซากิไม่ไกลนัก และมีความสวยงามไม่แพ้ภูเขาไฟลูกใดในญี่ปุ่น ทั้งนี้คุณสามารถชมวิวของภูเขาได้จากสวนฮิโรซากิในเมืองก็ได้ หรือว่าอยากจะออกไปชมให้ใกล้ชิดกว่านั้นที่ได้ด้วยการขับรถ (หรือนั่งรถบัส) ผ่านถนนชื่อ Iwaki Skyline ซึ่งยาว 9.8 กิโลเมตรขึ้นไปที่สถานีที่ 8 (8th Station) ครับ อย่างไรก็ดีถ้าคุณขับรถ คุณจะต้องจ่ายค่าผ่านทางพิเศษครับ

ภูเขาอิวากิ
by Eramiya/ShutterStock

สำหรับใครที่อยากขึ้นไปจุดสูงสุดภูเขา คุณสามารถขึ้นกระเช้าจากสถานที่ 8 ขึ้นไปยังสถานที่ที่ 9 แล้วเดิน+ปีนเขาขึ้นไปอีกครึ่งชั่วโมง อย่างไรก็ดีเส้นทางการขึ้นถือว่าลำบากพอสมควร ดังนั้นถ้าไม่ฟิตหรือไม่มีประสบการณ์ปีนเขามาก่อน ไม่แนะนำครับ

8. ชมถนนสายซากุระที่ยาวที่สุดในโลก

ใกล้กับจุดที่คุณออกมาชมภูเขาอิวากิ (ตอนใต้ของภูเขา) จะมีถนนที่มีต้นซากุระปลูกสองข้างทางถึง 6,500 ต้น ตลอดระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร ดังนั้นถือว่าเป็นถนนสายซากุระที่ยาวที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ สำหรับใครที่รู้สึกว่าอยากชมซากุระมากกว่านี้ การเดินทางมาที่นี่ถือว่าไม่ควรพลาดครับ

by Kanchana Pavitrapok/ShutterStock

9. ลิ้มรสอาหารพื้นเมือง

ฮิโรซากิเป็นเมืองที่เก่าแก่ นอกจากแอปเปิ้ลแล้วยังมีอีกหลายเมนูด้วยกันที่น่ารับประทาน ยกตัวอย่างเช่น

ไคยากิมิโซะ
ไคยากิมิโซะ by KPG-Payless2/ShutterStock
  • Jappa-Jiru – จัปปะจิรุ คือซุปปลาค็อดครับ โดยในการทำจะใช้ส่วนหัว ส่วนท้อง และกระดูกปลามาต้มกับมิโซะ ผัก บุก และเต้าหู้ จนเกิดเป็นซุปแสนอร่อยที่มีคุณค่าทางอาหารอย่างมากเลยครับ
  • Kenoshiru – เคโนะชิรุเป็นซุปมิโซะเช่นกัน แต่ทำมาจากรากของผักต่างๆ และจะมีการใส่เต้าหู้ทอดที่ถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ลงไปด้วย ชาวเมืองฮิโรซากินิยมรับประทานช่วงหลังปีใหม่ เพื่อให้สุขภาพดีครับ
  • Tsugaru Soba – สึการุโซบะเป็นโซบะเลื่องชื่อของฮิโรซากิและอาโอโมริ โดยมีจุดเด่นคือการใช้ถั่วเหลืองบด (Kurejiru) ในเส้นด้วย ทำให้มีรสชาติหวานอ่อนๆ ของถั่วเหลืองครับ
  • Kaiyaki-Miso – ไคยากิมิโซะคือเมนูที่นำไข่มาผสมกับน้ำซุปสต็อกและมิโซะ หลังจากนั้นก็ใส่เนื้อปลาและหอยเชลล์ลงไปด้วย เวลาเสิร์ฟนั้นมักจะเสิร์ฟบนเปลือกหอยเชลล์พร้อมกับเตา (คล้ายๆ กับการเสิร์ฟมันปูญี่ปุ่นหรือคานิมิโซะ) ครับ

References

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!