อินุยามะ (Inuyama) คือเมืองขนาดเล็กในจังหวัดไอจิ และอยู่ไม่ไกลจากนาโกย่า แม้ว่าจะเป็นเมืองขนาดเล็ก แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์หลายแห่งที่น่าสนใจมาก ดังนั้นถ้าคุณได้ไปเยือนนาโกย่าแล้วมีเวลาเหลือพอ เมืองแห่งนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเดินทางมาเยี่ยมเยือนครับ
ในบทความนี้ผมจะแนะนำประวัติความเป็นมาของตัวเมืองคร่าวๆ และจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
ประวัติความเป็นมาของอินุยามะ
บริเวณเมืองอินุยามะนั้นมีผู้คนอยู่อาศัยมาเป็นเวลานานกว่าสองพันปี แต่ตัวเมืองก็ไม่ได้พัฒนาเป็นเมืองใหญ่เหมือนกับเมืองสำคัญอื่นๆ ของญี่ปุ่นแต่อย่างใด อย่างไรก็ดีเนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้อยู่ตอนกลางของประเทศและเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญจึงมีการสร้างปราสาทขึ้นป้องกันในช่วงศตวรรษที่ 14-16
ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกสร้างเติมแต่งขึ้นโดยโอดะ โนบุคัตสึ ซึ่งตัวปราสาทนี้เองได้กลายเป็นปราสาทอินุนามะ (Inuyama Castle) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสมบัติประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น
ในช่วงเอโดะนั้นตัวเมืองถูกปกครองโดยตระกูลนารุเสะ ซึ่งเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาของตระกูลโตกุกาวะ จนกระทั่งสมัยเมจิ อินุยามะก็ได้กลายเป็นเมืองที่ปกครองโดยรัฐบาลญี่ปุ่นโดยตรงมาจนถึงปัจจุบัน
การเดินทางไปเที่ยวอินุยามะ (Inuyama)
อินุยามะนั้นเดินทางไปไม่ยากจากเมืองนาโกย่า โดยคุณมีทางเลือกดังต่อไปนี้
- นั่งรถไฟ – คุณสามารถนั่งรถไฟ Meitetsu Rapid Express จาก Meitetsu Nagoya Station ไปถึงอินุยามะได้โดยตรง ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ส่วนค่าเดินทางอยู่แค่ 570 เยนเท่านั้น (อ้างอิงจาก Inuyama Tourist information Center สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บดังกล่าวได้ครับ)
- เช่ารถขับ – ส่วนใครที่เช่ารถขับในประเทศญี่ปุ่นนั้น คุณสามารถขับรถจากนาโกย่าไปอินุยามะได้ไม่ยากเลย เพราะตัวเมืองห่างจากนาโกย่าเพียงแค่ประมาณ 25 กิโลเมตรเท่านั้นครับ
1. ชมความยิ่งใหญ่ของปราสาทอินุยามะ
สถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในอินุยามะคือปราสาทอินุยามะ (Inuyama Castle) อย่างไม่ต้องสงสัย ตัวปราสาทถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ.1537 โดยตระกูลโอดะ และได้รับการสร้างให้ใหญ่โตในสมัยของโอดะ โนบุคัตสึแต่ต่อมาในสมัยเอโดะ ตระกูลนารุเสะก็ได้เข้าปกครองอินุยามะจากปราสาทแห่งนี้นั่นเอง
อย่างไรก็ดีหลังจากที่รัฐบาลโชกุนสิ้นอำนาจจากการปฏิวัติเมจิ รัฐบาลใหม่ของญี่ปุ่นได้เข้ายึดตัวปราสาท แต่ทำลายอาคารอื่นๆ ทั้งหมดนอกจากตัวอาคารหลักเท่านั้น
อย่างไรก็ดีตัวปราสาทได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวในปี ค.ศ.1891 รัฐบาลญี่ปุ่นจึงคืนตัวปราสาทให้กับตระกูลนารุเสะ โดยมีเงื่อนไขว่าตระกูลนารุเสะจะต้องออกค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมตัวปราสาท ซึ่งตระกูลนารุเสะก็ปฏิบัติตาม ทำให้ปราสาทอินุยามะเป็นปราสาทแห่งเดียวในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ที่เป็นสินทรัพย์ส่วนบุคคลมาจนถึงปี ค.ศ.2004 ซึ่งตัวปราสาทได้รับการส่งมอบให้กับมูลนิธิรับไปดูแล
ปราสาทอินุยามะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ (National Treasure) ในปี ค.ศ.1952 โดยนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่าด้วยตัวหอคอยบนปราสาทนั้นเป็นการสร้างแบบโบราณ ทำให้ปราสาทอินุยามะน่าจะเป็นปราสาทแบบญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน (ปราสาทอื่นนั้นไม่รอดพ้นจากไฟไหม้ และการทำลายในยุคเมจิครับ)
ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าชมด้านในตัวปราสาทได้ ซึ่งส่วนที่สร้างขึ้นจากไม้และหินยังได้รับการรักษาอย่างดีเยี่ยม สำหรับใครที่ชอบประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ที่นี่คุณจะเห็นกลไกการป้องกันแบบโบราณที่ใช้ป้องกันข้าศึกในยุคเซ็นโกกุได้ อย่างเช่นห้องที่ซามูไรใช้สอดส่องมองข้าศึก รวมไปถึงโยนหินและยิงธนูเข้าใส่ครับ นอกจากนี้ในปราสาทยังจัดแสดงชุดเกราะและอาวุธต่างๆ ของเหล่าซามูไรด้วยเช่นกัน
นอกจากเรื่องประวัติศาสตร์แล้ว ด้านบนของตัวปราสาทเป็นจุดชมวิวเมืองอินุยามะที่ดีที่สุด เพราะคุณจะเห็นสวนของปราสาทที่สวยงาม แม่น้ำคิโซะ (Kiso River) รวมไปถึงตัวเมืองอินุยามะในคราวเดียวครับ
สำหรับใครที่สนใจ คุณสามารถเช่าชุดกิโมโนแล้วเดินเล่น หรือนั่งสองล้อ เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นอย่างเต็มเปี่ยมในบริเวณปราสาทเช่นกันครับ
ค่าเข้า: 550 เยน วิธีการไปก็แค่เดินประมาณ 10 นาทีจากสถานีอินุยามะครับ (อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของปราสาท)
2. ชมหมู่บ้านเมจิ
หมู่บ้านเมจิ (Meiji Village หรือเมจิมุระ) เป็นพิพิธภัณฑ์แบบ open-air กล่าวคือที่นี่จะมีสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบเมจิกว่า 60 หลังด้วยกัน และแต่ละหลังจะจัดแสดงวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นในยุคนั้นให้คุณได้ชมอย่างอิสระ นอกจากนี้คุณยังสามารถนั่งรถไฟและรถรางแบบดั้งเดิมที่ใช้กันในช่วงปลายยุคศตวรรษที่ 19 อีกด้วย
เนื่องจากตัวหมู่บ้านมีขนาดใหญ่มาก คุณสามารถใช้เวลากับที่นี่ได้ถึงครึ่งวันเลยทีเดียว (ซึ่งก็ควรเป็นเช่นนั้นเพราะค่าเข้าสูงถึง 2,000 เยนต่อคนครับ)
3. ชมโรงน้ำชาที่สวนอุราคุเอ็น
สวนอุราคุเอ็น (Urakuen) ในเมืองอินุยามะนั้นเป็นที่ตั้งของโรงน้ำชาโจอัน (Jo-an) ซึ่งเป็นโรงน้ำชาเก่าแก่อายุเกือบ 500 ปี และเป็นอีกหนึ่งสมบัติแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น เดิมทีโรงน้ำชาแห่งนี้อยู่ที่เกียวโต แต่ได้รับการย้ายมาตั้งในสวนแห่งนี้ในปี ค.ศ.1972 ครับ
นอกจากคุณสามารถเดินชมความประณีตของโรงน้ำชาโบราณของญี่ปุ่นแล้ว อีกสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการดื่มชาและลองชิมขนมหวานแสนอร่อยภายใต้บรรยากาศที่สวยงามของสวนสไตล์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีครับ
4. ชมการจับปลาแบบอุไค (Ukai)
เทคนิคการจับปลาแบบอุไค (Ukai) เป็นวิธีการจับปลาพื้นเมืองโดยใช้นกกาน้ำของญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมานาน 1,300 ปี ซึ่งหลากหลายจังหวัดก็มีการจับปลาแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดไอจิ จังหวัดกิฟุ หรือแม้กระทั่งที่เกียวโตครับ
คุณสามารถชมการจับปลาแบบนี้ได้ที่อินุยามะเช่นเดียวกัน โดยหนึ่งในจุดที่ชมได้ดีที่สุดคือที่สะพานอินุยามะครับ แต่ถ้าจะเอาให้ได้บรรยากาศสุดๆ คุณสามารถล่องเรือลงไปชมแบบใกล้ชิดได้เลยเช่นกัน
5. ชมศาลเจ้าและวัดต่างๆ
ในอินุยามะมีศาลเจ้าและวัดอยู่หลายแห่งด้วยกัน แม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่ถ้ามีเวลาก็สามารถไปเยือนได้เช่นกันครับ
- ศาลเจ้าโมโมทาโร่ (Momotaro Shrine) – ศาลเจ้าชินโตที่สร้างโดยอ้างอิงจากตำนานโมโมทาโร่ หรือเด็กที่เกิดจากลูกพีชนั่นเองครับ
- ศาลเจ้าซังโกะอินาริ (Sanko Inari Shrine) – ศาลเจ้าที่มีประตูโทริ (Torii Gates) เหมือนกับศาลเจ้าฟูชิมิอินาริที่เกียวโต ที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องการหาคู่ครับ ใครที่ยังโสดก็สามารถไปขอคู่ที่นี่ได้
- วัดอินุมายะจาโคอิน (Inuyama Jakko-in Temple) – วัดที่มีประวัติความเป็นมานานกว่า 1,000 ปี และเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งามยิ่ง
6. ชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี
อินุยามะมีจุดชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าสนใจหลายแห่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
- ปราสาทอินุยามะ – ด้านในสวนของปราสาทเป็นจุดชมทั้งซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีอันดับต้นๆ ของเมือง นอกจากนี้คุณยังสามารถล่องเรือชมได้อีกด้วย ค่าเรืออยู่ที่ 600 เยนต่อ 30 นาทีครับ
- สองฝั่งของแม่น้ำคิโซะ – สองฝั่งของแม่น้ำนั้นมีการปลูกต้นซากุระเรียงรายกันไป ในช่วงที่ดอกซากุระบานสะพรั่งจะสวยงามมากเลยครับ
- วัดอินุมายะจาโคอิน – งดงามมากสำหรับใบไม้เปลี่ยนสีครับ
7. ชมเทศกาลอินุยามะ
เทศกาลอินุยามะ (Inuyama Festival) เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของเมือง และมีประวัติความเป็นมานานถึงเกือบ 400 ปีด้วยกัน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural World Heritage) อีกด้วย
ตัวเทศกาลจะจัดขึ้นในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนเมษายนของทุกปี โดยรูปแบบของเทศกาลนั้นจะคล้ายกับที่ทาคายาม่าหรือจิจิบุอยู่บ้าง นั่นคือจะเป็นการแห่รถแห่ แต่ของที่นี่จะสูงถึง 8 เมตรด้วยกัน ซึ่งจะสวยมากในช่วงกลางคืนเพราะบนรถจะมีการจุดโคมไฟด้วยครับ ส่วนด้านบนของรถแห่จะมีตุ๊กตาออกมาร่ายรำ ส่วนผู้ที่เข้าร่วมงานก็จะบรรเลงเพลงพื้นบ้านโดยใช้เครื่องดนตรีอย่างขลุ่ยและกลองญี่ปุ่น
สรุปแล้วถ้าคุณมีโอกาสไปเยือนอินุยามะในช่วงเวลาดังกล่าว ผมมองว่าคุณห้ามพลาดทุกประการเลยครับ