จังหวัดอิชิกาวะ (Ishikawa Prefecture) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในเขตชุบุบนเกาะฮอนชูของประเทศญี่ปุ่น โดยสภาพของภูมิศาสตร์ของจังหวัดนี้นั้นจะตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศติดกับทะเลญี่ปุ่นครับ
ตัวจังหวัดนี้มีความสวยงามทั้งทางด้านธรรมชาติและวัฒนธรรม จังหวัดนี้จึงน่าค้นหาอย่างมากสำหรับใครที่รักในการท่องเที่ยวญี่ปุ่นครับ
เราไปดูกันดีกว่าจังหวัดนี้มีสถานที่ไหนน่าไปเที่ยวบ้าง
1. คานาซาว่า (Kanazawa)
คานาซาว่า (Kanazawa) เป็นเมืองหลวงของจังหวัด และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดด้วย ตัวเมืองมีจุดที่น่าสนใจหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) ซึ่งได้รับการยกย่องว่างดงามที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ และย่านซามูไรและเกอิชาอันเก่าแก่ที่รอดพ้นจากความเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ถือว่าสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นครับ
นอกจากนี้ที่นี่ปราสาทคานาซาว่า (Kanazawa) ที่สร้างขึ้นใหม่ตามแบบปราสาทเดิมของตระกูลมาเอดะที่ปกครองดินแดนแห่งนี้ในช่วงสมัยเอโดะ และพิพิธภัณฑ์จำนวนมากที่จัดแสดงโบราณวัตถุของเหล่าซามูไรและชาวเมืองในสมัยโบราณ เรียกได้ว่าใครที่ชอบวัฒนธรรมซามูไรที่นี่ไม่ควรพลาดครับ
2. นาข้าวชิโรโยเนะ เซ็นไมดะ
แปลงนาข้าวชิโรโยเนะ เซ็นไมดะ (Shiroyone Senmaida) เป็นแปลงนาขั้นบันไดริมทะเลที่ได้รับการจัดอันดับเป็นมรดกโลกทางด้านเกษตรกรรมขององค์การยูเนสโก (World Agriculture Heritage Site) จุดเด่นของที่นี่คือจะไม่มีการใช้เครื่องยนต์ใดๆ ในการปลูกข้าว แต่จะปลูกด้วยแรงคนทั้งหมดตั้งแต่การลงกล้าไปจนถึงการเก็บเกี่ยวครับ
ในช่วงตอนเย็นและกลางคืนของกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนมีนาคมมนั้น แปลงนาแห่งนี้จะมีการเปิดไฟตามท้องนา ซึ่งจะให้ภาพที่สวยงามมาก โดยไฟที่ใช้จะเป็นไฟ LED ที่เปลี่ยนสีได้กว่า 25,000 ดวงด้วยกันครับ
ตัวแปลงนาอยู่ห่างจากเมืองวาจิมะ (Wajima) ประมาณ 11 กิโลเมตรครับ
3. วาจิมะ (Wajima)
วาจิมะ (Wajima) เป็นอีกหนึ่งเมืองสวยของจังหวัดอิชิกาวะ โดยมีด้านหนึ่งติดทะเล ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นแนวภูเขาที่สวยงาม แต่สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของเมืองคือตลาดเช้า (Wajima Morning Market) ครับ
ตลาดเช้าวาจิมะมีความพิเศษคือมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของญี่ปุ่น และยังมีประวัติความเป็นมากว่าหนึ่งพันปีด้วยกัน กล่าวคือชาวเมืองได้ค้าขายที่นี่มากว่าสหัสวรรษแล้วครับ
สิ่งที่คุณจะหาได้จากตลาดแห่งนี้คืออาหารทะเลสดๆ (ซาชิมิก็มีให้สั่งเช่นกัน) ของกินเล่นสไตล์ญี่ปุ่นอย่างเช่นขนมสอดไส้ถั่ว (egara manju) ไปจนถึงของที่ระลึก เครื่องแต่งกาย ฯลฯ
สำหรับใครที่ชอบแนวทางของนิกายเซน สามารถไปสัมผัสได้ที่อารามโซจิจิ โซอิน (Sojiji Soin Monastery) ซึ่งเป็นวัดพุทธนิกายเซนที่เปิดให้นอนค้างคืนได้ โดยผู้พักจะได้ลองนั่งสมาธิตามหลักปฏิบัติของเซน พร้อมกับลองลิ้มลองอาหารมังสวิรัติแท้ๆ ของญี่ปุ่นด้วยครับ
4. คากะออนเซ็น (Kaga Onsen)
คากะออนเซ็นเป็นเมืองออนเซ็นในจังหวัดอิชิกาวะที่ประกอบด้วยหมู่บ้านออนเซ็นขนาดเล็ก 4 แห่งด้วยกัน ความเป็นมาของออนเซ็นนี้ย้อนไปได้กว่า 1,300 ปี โดยตัวบ่อน้ำแร่นั้นถูกค้นพบโดยพระชาวญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 8 เลยครับ
ไฮไลท์อย่างหนึ่งของคากะออนเซ็นคือการแช่น้ำที่โรงอาบน้ำโคโซยุ (Old Public Bath) ที่หมู่บ้านยามาชิโระออนเซ็น (Yamashiro Onsen) โดยโรงอาบน้ำแห่งนี้จะใช้สถาปัตยกรรมต่างๆ แบบดั้งเดิมทั้งหมด และยังใช้วัฒนธรรมอาบน้ำแบบเดิมอีกด้วย ซึ่งจะให้ประสบการณ์การเที่ยวญี่ปุ่นที่ต่างไปจากที่อื่นครับ
สำหรับน้ำของออนเซ็นแห่งนี้นั้นชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวและบรรเทาอาการปวดเมื่อย ดังนั้นใครที่ชอบแช่น้ำผ่อนคลาย ที่นี่ถือว่าห้ามพลาดครับ
นอกจากนี้ที่หมู่บ้านยามานากะออนเซ็น (Yamanaga Onsen) จะมีเส้นทางตามโตรกที่เรียกว่าโตรกคาคุเซ็นไค (Kakusenkei Gorge) ซึ่งมีความยาว 1.3 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางเดินนี้จะเลียบไปตามแม่น้ำ คุณจะเห็นโตรกผา น้ำตก และผืนป่าที่สวยงามของจังหวัดอิชิกาวะครับ
ท้ายที่สุดถ้าคุณชื่นชอบการเที่ยวชมวัด ผมแนะนำให้ไปที่วัดนาตะเดระ (Natadera Temple) วัดถ้ำที่ชาวญี่ปุ่นใช้สักการะเทพเจ้าที่สถิตอยู่ที่ภูเขาฮาคุซังมานานกว่า 1,300 ปี ตัววัดมีรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมแบบญี่ปุ่น (Kannon) ที่สวยงาม นอกจากนี้ทัศนียภาพรอบๆ วัดยังงดงามมากด้วยครับ
5. เกาะโนโตะจิมะ (Notojima Island)
เกาะโนโตะจิมะเป็นเกาะที่อยู่ห่างออกไปจากคาบสมุทรโนโตะ (Noto Peninsula) เล็กน้อย โดยมีสะพานเชื่อมถึงกัน ตัวเกาะได้ชื่อว่าเป็นสรวงสวรรค์แห่งชาวสโลว์ไลฟ์ของญี่ปุ่น โดยชาวเกาะจะทำมาหากินอย่างง่ายๆ และเงียบสงบพึ่งพิงกับธรรมชาติ
บรรยากาศที่นี่จึงเหมาะมากสำหรับใครที่อยากฟื้นฟูร่างกายจากการทำงาน หรือว่าอยากจะใช้ชีวิตให้ช้าลงครับ นักท่องเที่ยวจึงมักมาขี่จักรยานชมวิว หรือนั่งชิวตามจุดสวยแต่ละแห่งบนเกาะครับ
อย่างไรก็ดีตัวเกาะก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจด้วยเช่นกันอย่างเช่นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Notojima Aquarium) ที่มีสัตว์น้ำกว่า 40,000 ตัวด้วยกัน และ Notojima Glass Art Museum ซึ่งจัดแสดงผลงานศิลปะปจากแก้วจากทั่วทุกมุมโลกครับ
6. คาบสมุทรโนโตะ (Noto Peninsula)
คาบสมุทรโนโตะเป็นบริเวณที่มีชายหาดที่สวยงามอยู่หลายแห่ง ชาวญี่ปุ่นมักจะเดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจกันในยามว่าง โดยเฉพาะที่ Chirihama Nagisa Driveway ซึ่งมีหาดทรายความยาวกว่า 8 กิโลเมตร โดยนักท่องเที่ยวสามารถขับรถลงไปที่หาดทราย และจะแวะจอดชมวิวที่จุดไหนก็ได้ครับ
นอกจากนี้บริเวณคาบสมุทรยังมีเกาะขนาดเล็กอยู่หลายแห่งด้วย โดยแห่งที่น่าสนใจก็เช่นมิสึเกะจิมา (Mitsukejima) เกาะหินสูง 28 เมตรที่มีรูปร่างอันเป็นเอกลักษณ์ ตัวเกาะตั้งกระหง่านอยู่เหนือท้องทะเลเบื้องล่าง ที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยอดนิยมของคาบสมุทรครับ
7. Hakusan Shirakawa-go White Road
ถนนสายนี้มีความยาว 33 กิโลเมตรโดยเชื่อมเมืองฮาคุซัง (Hakusan) ในจังหวัดอิชิกาวะกับหมู่บ้านชิราคาวาโกะในจังหวัดกิฟุ โดยตลาดเส้นทางนี้จะสวยงามมาก เพราะจะลัดเลาะไปตามแนวเขา สองข้างทางมีวิวภูเขาหิมะ ผืนป่า และน้ำตก เรียกได้ว่าจะให้ประสบการณ์ที่ดีอย่างยิ่งในการชมวิวเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ทั้งผืนป่าตามเขาจะเปลี่ยนสีเป็นสีส้มสีแดงทั้งหมด
การจะไปชมวิวตามถนนเส้นนี้ วิธีการที่ดีที่สุดคือการเช่ารถครับ เพราะจะได้หยุดพักชมวิวตามจุดชมวิวได้อย่างอิสระ