คามิโคจิเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวระดับไฮไลท์ของจังหวัดนากาโน่ และเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นด้วย ภายในอุทยานมีจุดสวยหลายแห่ง ซึ่งจะใช้เวลาชมนานพอสมควร ดังนั้นถ้าใครอยากสัมผัสที่นี่แบบเจาะลึกจริงๆ หรือว่าอยากชมความสวยงามของทะเลดาวในยามค่ำคืน ผมแนะนำให้คุณพักที่คามิโคจิสักคืนหนึ่งครับ
ในบทความนี้ ผมจึงมามาแนะนำโรงแรมและที่พักในคามิโคจิที่น่าสนใจ ซึ่งที่พักดีๆ จะช่วยยกระดับความประทับใจที่คุณได้รับให้เพิ่มขึ้นไปอีกครับ เราไปดูกันดีกว่ามีที่ไหนบ้าง
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองโรงแรมในคามิโคจิผ่านทางลิงค์ในบทความครับ
ข้อควรทราบ
เกณฑ์การเลือกที่พักในคามิโคจิในบทความ
สำหรับที่พักแต่ละแห่งในบทความนี้ ผมจะระบุถึงจุดเด่นของแต่ละที่ด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งผมได้สรุปมาจากรีวิวของผู้เข้าพักจริงจากแพลตฟอร์มจองโรงแรมต่างๆ ผมเชื่อว่าข้อมูลส่วนนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกที่พักที่เหมาะสมได้มากขึ้นครับ
ห้องพักที่คามิโคจิจะมีทั้งแบบตะวันตก (เตียง Twin/Queen/King) กับแบบเรียวกังของญี่ปุ่นที่จะเป็นที่นอนแบบฟุตง โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแบบหลังมากกว่า และแนะนำให้ใครที่มาญี่ปุ่นลองสักครั้งหนึ่ง แต่ราคาต่อคืนจะสูงกว่าครับ
การหาโรงแรมในคามิโคจิ
เนื่องจากคามิโคจิจะเปิดในช่วงครึ่งหลังของเดือนเมษายนถึงครึ่งแรกของเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น ดังนั้นถ้าคุณค้นหาที่พักในช่วงอื่น การที่หาไม่เจอที่พักที่ไหนว่างเลยจัดว่าเป็นเรื่องปกติครับ นอกจากนี้จากประสบการณ์ของผมคือ โรงแรมต่างๆ คามิโคจิจะเต็มเร็วมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นควรรีบจองตั้งแต่เนิ่นๆ เลยครับ
การเดินทางมายังโรงแรม
ถนนทุกสายในคามิโคจิจะปิดในช่วงกลางคืน ดังนั้นคุณจะต้องมาถึงโรงแรมอย่างช้าที่สุดในช่วงห้าโมงเย็นครับ
ในกรณีที่โรงแรมในคามิโคจิเต็มทั้งหมด (ไม่มีที่ไหนให้จองเลย) หรือว่าราคาสูงเกินงบ ผมแนะนำให้พักที่ฮิรายุออนเซ็น แล้วนั่งรถบัส (Nohi Bus) เข้าไปในเขตอุทยานครับ
Top Pick
Top Pick โรงแรมคามิโคจิ
1. Kamikochi Taishoike Hotel
โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในจุดที่ดีที่สุดของคามิโคจิ นั่นคือตั้งอยู่ริมสระไทโช (Taisho Pond) ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของคามิโคจิแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของท่ารถบัสอีกด้วย ทั้งนี้โรงแรมตั้งอยู่ที่หน้าท่ารถบัสเลยครับ
แม้ว่าตัวโรงแรมจะห่างจากสะพานคัปปะประมาณ 2.5 กิโลเมตร แต่คุณสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการนั่งรถบัสไปโดยตรง ทำให้ประหยัดทั้งเวลาและไม่เหนื่อยอีกด้วยครับ
- ที่ตั้ง: 4468 Azumi Kamikochi, Matsumoto 390-1516 Nagano Prefecture
- Check-in – 15.00, Check-out – 10.00
ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่มีทั้งแบบตะวันตกและแบบญี่ปุ่น โดยทุกห้องจะเห็นสระไทโชหรือว่าภูเขาหิมะอย่างใดอย่างหนึ่งครับ ตัวเลือกที่คุณสามารถเลือกได้มีดังต่อไปนี้
- Japanese Room – 13.3 ตร.ม. ห้องพักแบบเรียวกังที่มีที่นอนแบบฟุตง และมีห้องน้ำในตัว นอนได้สูงสุดถึง 4 คนด้วยกัน
- Twin – 23 ตร.ม.
- Deluxe – 46 ตร.ม.
ห้องพักส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นห้อง Twin ซึ่งที่ขนาด 23 ตารางเมตร ถือว่ากว้างขวางกว่าห้องพักในญี่ปุ่นทั่วไป และยังมีอุปกรณ์อาบน้ำและชุดยูกาตะให้อย่างครบครัน ดังนั้นถ้าเที่ยวมาเหนื่อยๆ สามารถพักผ่อนเอาแรงได้อย่างสบายแน่นอนครับ
ส่วนห้องแบบญี่ปุ่นแน่นอนว่าเล็กไปอยู่บ้าง แต่ผมมองว่าน่าจะพอดีสำหรับ 2 คน เพราะตัวที่นอนสามารถเก็บได้ครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารริมสระไทโช ซึ่งคุณสามารถชมวิวสวยๆ ของคามิโคจิได้อย่างเต็มอิ่มระหว่างรับประทานอาหาร
- ออนเซ็นแบบในร่ม (เห็นวิวภูเขาหิมะสวยๆ)
- ร้านขายของของโรงแรม
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- เดินทางไปถึงง่ายที่สุดในบรรดาโรงแรมคามิโคจิทั้งหมด เพราะอยู่ติดกับท่ารถบัส
- ห้องพักส่วนใหญ่จะเห็นวิวสระไทโช ซึ่งสวยงามมาก
- ห้องพักแบบทั้งหมด (ยกเว้นแบบญี่ปุ่น) มีขนาดใหญ่
- ผู้เข้าพักส่วนใหญ่ประทับใจในรสชาติอาหารของโรงแรม
- พนักงานเป็นมิตรและบริการผู้เข้าพักได้ดี
จุดด้อย
- ราคาห้องพักต่อคืนค่อนข้างสูง
- สิ่งอำนวยความสะดวกมีไม่มากเท่าไรนัก
สรุป
Kamikochi Taishoike Hotel เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดถ้าคุณต้องการที่พักในคามิโคจิที่ทั้งวิวสวย และตัดปัญหาการต้องเดินสัมภาระไปด้วยตนเองทั้งหมด ห้องพักของที่นี่มีขนาดใหญ่ และเพียงพอต่อการพักผ่อนอย่างสะดวกสบาย โดยรวมแล้วจัดว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมทีเดียวครับ
2. Kamikochi Alpen Hotel
Kamikochi Alpen Hotel เป็นหนึ่งในที่พักยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนคามิโคจิ เพราะตัวโรงแรมอยู่เยื้องกับสะพานคัปปะ (300 เมตร) ทำให้อยู่ติดกับจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งอุทยาน และยังไม่ต้องเดินไกลมากอีกด้วย
- ที่ตั้ง: 4469-1 Kamikochi, Azumi, Matsumoto-Shi, Nagano 390-1516, Japan
- Check-in – 14.30, Check-out – 9.30
ห้องพัก
ห้องพักที่นี่มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ห้องแบบตะวันตก ห้องแบบญี่ปุ่น ห้องแบบลูกผสมตะวันตก-ญี่ปุ่น และห้องพักรวมสำหรับนักปีนเขา ดังนั้นจะตอบโจทย์นักเดินทางทุกรูปแบบ แต่จำนวนห้องพักมีจำกัดแค่ 27 ห้องเท่านั้น ถ้าสนใจผมแนะนำให้จองตั้งแต่เนิ่นๆครับ
รูปแบบที่มีให้เลือกมีดังต่อไปนี้
- Hikers Room – ห้องพักรวมราคาประหยัด เตียงจะเป็นเตียงสองชั้นเรียงกันไป โดยในห้องจะพักได้ทั้งหมด 14 คนครับ
- Japanese Room – 24 ตร.ม. พักได้สูงสุดถึง 5 คน
- Japanese Western Room – 26 ตร.ม. ห้องแบบลูกผสม หรือพูดง่ายๆ คือห้องที่ตบแต่งแบบเรียวกังแต่มีเตียงแบบ Twin ให้นอนพัก เหมาะกับใครที่อยากได้บรรยากาศ แต่ไม่อยากนอนบนฟูกฟุตงครับ
- Western/Triple Room – 26 ตร.ม. ห้องแบบตะวันตกทั่วไป
- Special Room – 36.52 ตร.ม. ห้องแบบลูกผสมเช่นเดียวกัน แต่ใหญ่กว่า Japanese Western Room
ขนาดของห้องที่นี่ถือว่าใหญ่อีกเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะห้องแบบญี่ปุ่นซึ่งใหญ่เป็นอันดับต้นของอุทยาน ดังนั้นถ้าคุณอยากลองพักแบบเรียวกังในคามิโคจิ ที่นี่ถือเป็นตัวเลือกระดับท็อปเลยครับ
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีพร้อมตั้งแต่ TV กาต้มน้ำ ไปจนถึงอุปกรณ์อาบน้ำ (ยกเว้น Hikers Room ที่มีแค่อุปกรณ์อาบน้ำอย่างเดียว) ซึ่งจะช่วยให้คุณพักผ่อนนอนหลับได้อย่างสบายแน่นอนครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารสำหรับให้บริการอาหารเช้าและเย็น
- ออนเซ็นแบบในร่ม
- ร้านขายสินค้าของโรงแรม
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- โรงแรมอยู่ใกล้กับสะพานคัปปะ ดังนั้นการเดินทางค่อนข้างสะดวกสบาย
- มีห้องพักหลายระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นสำหรับ backpacker ไปจนถึงระดับทั่วไป
- ขนาดห้องพักทั้งหมดมีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะห้องแบบญี่ปุ่น
- อาหารของโรงแรมรสชาติดี
- พนักงานของโรงแรมให้บริการได้ดีมาก
จุดด้อย
- ห้องพักในโรงแรมมีจำนวนน้อยมาก ทำให้เต็มเร็วมากในช่วงฤดูท่องเที่ยว
- ราคาที่พักค่อนข้างสูง
สรุป
Kamikochi Alpen Hotel เป็นอีกตัวเลือกที่คุณควรจะพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ ในคามิโคจิ เพราะ location ที่ยอดเยี่ยม และห้องพักที่กว้างขวางและมีคุณภาพ แต่ข้อเสียก็คือที่พักจะเต็มไวมาก เพราะมีห้องพักน้อย ถ้าคุณสามารถจองได้ ผมแนะนำให้เร่งตัดสินใจเลยครับ
3. Kamikochi Imperial Hotel
สำหรับใครที่ต้องการที่พักแบบหรูหราในคามิโคจิ Kamikochi Imperial Hotel น่าจะเป็นตัวเลือกเดียวที่มีอยู่เลยก็ว่าได้ เพราะที่นี่ให้บริการห้องพักระดับ Suite ที่ใหญ่และสวยงาม เหมาะต่อการพักผ่อนเป็นที่สุดครับ
ที่ตั้งของโรงแรมจะอยู่ระหว่างสระไทโชและสะพานคัปปะ แต่การเดินทางไม่เป็นปัญหาเพราะว่ามีป้ายรถบัส (Teikoku Hotel) อยู่หน้าโรงแรมเลยครับ คุณสามารถนั่งรถบัสขึ้นไปสะพานคัปปะหรือกลับไปสระไทโชได้อย่างง่ายดาย
- ที่ตั้ง: Azumi Kamikochi, Matsumoto, Nagano 390-1516, JAPAN
- Check-in – 14.00, Check-out – 11.00
ห้องพัก
ตัวโรงแรมเปิดตั้งแต่ปี ค.ศ.1933 และเป็นที่พักแบบ mountain resort แห่งแรกๆ ของประเทศ ดังนั้นตัวอาคารจะเป็นสไตล์แบบย้อนยุคโดยมีความเป็น chalet แบบยุโรปผสมอยู่กับญี่ปุ่นอย่างลงตัวครับ
ห้องพักของที่นี่มีหลายระดับด้วยกัน แต่ทุกห้องจะเป็นห้องพักแบบตะวันตกทั้งหมด และมีกลิ่นอายของ chalet อยู่หน่อยๆด้วยครับ โดยมีห้องดังต่อไปนี้
- Twin – 24-30 ตร.ม.
- Verandah – 37 ตร.ม.
- Deluxe – 42 ตร.ม.
- Family Room – 53 ตร.ม.
- Suite – 72-105 ตร.ม. (เลือกระหว่าง 1-2 ห้องนอน)
ทั่วไปแล้วห้องพักของที่นี่ทุกระดับมีขนาดใหญ่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเทียบกับมาตรฐานห้องพักของญี่ปุ่น อย่างห้อง Twin ของที่นี่ก็มีขนาดถึง 24 ตารางเมตรแล้วครับ ส่วนห้องอื่นๆ ก็ถือว่าใหญ่ที่สุดในคามิโคจิแล้ว อย่างห้อง Suite สองห้องนอนนั้นใหญ่ถึง 105 ตารางเมตรเลยทีเดียว
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีทุกอย่างที่ต้องใช้ อย่างเช่นอุปกรณ์อาบน้ำ นอกจากนี้ยังมีเครื่องสำอางฟรีให้ใช้อีกด้วยครับ ส่วนห้องระดับ Verandah ขึ้นไปก็จะมีระเบียงส่วนตัวเอาไว้ชมวิวสวยๆ โดยรอบครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ร้านอาหาร บาร์ และเลาจน์รวมกันกว่า 5 แห่ง
- ร้านค้าของโรงแรม
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- เดินทางง่ายดายและสะดวก เพราะมีป้ายรถบัสอยู่หน้าโรงแรม
- ดีไซน์ของตัวโรงแรมสวยงาม
- ห้องพักทุกระดับมีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะห้อง Suite ซึ่งน่าจะมีให้บริการเพียงแห่งเดียวในคามิโคจิ
- ผู้เข้าพักชมว่าอาหารของโรงแรมรสชาติดี
- พนักงานให้บริการดีเยี่ยมและมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก
จุดด้อย
- สิ่งอำนวยความสะดวกมีน้อย (ไม่มีออนเซ็น)
- ค่าห้องพักต่อคืนค่อนข้างสูง
สรุป
Kamikochi Imperial Hotel เป็นที่พักเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน และให้บรรยากาศที่ไม่เหมือนที่พักอื่นใดในคามิโคจิ ตัวห้องพักมีหลายระดับและกว้างขวาง โดยเฉพาะห้อง Suite ที่มีทั้งห้องนั่งเล่นและระเบียบชมวิว การเดินทางมาที่นี่ก็สะดวกสบาย โดยคุณแทบจะไม่ต้องเดินเลยครับ
อย่างไรก็ดีข้อเสียหลักๆ ของที่นี่ก็คือ Facilities นอกห้องพักนั้นแทบจะไม่มีเลยครับ แต่ถ้าคุณไม่ได้วางแผนจะใช้เวลาโรงแรมนานๆ อยู่แล้ว ผมมองว่าไม่น่าเป็นปัญหาครับ
4. Kamikochi Lemeiesta Hotel
Kamikochi Lemeiesta Hotel เป็นที่พักอีกแห่งที่น่าสนใจของคามิโคจิ ตัวโรงแรมอยู่กึ่งกลางระหว่างศาลเจ้าโอยามะ (Oyama Shrine) และสวนเวสตัน (Weston Park) นอกจากนี้สะพานคัปปะก็อยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร ทำให้คุณสามารถเดินมาถึงที่พักโดยไม่ยากอะไรนัก และเป็นจุดที่คุณชมวิวสวยๆ ได้อย่างเต็มอิ่มอีกด้วย
ท่ารถที่ใกล้ที่สุดนั้นคือที่รถใกล้กับสระไทโช ซึ่งคุณสามารถลากกระเป๋าไปตามทางได้ เพราะเส้นทางคุณภาพดีพอตัว แต่มีทางเลือกเช่น จ้างคนยกไปให้ หรือว่านั่งแท็กซี่ไปถึงหน้าโรงแรม แต่ในตัวเลือกหลังนั้นแท็กซี่จะขึ้นไปได้แค่ช่วงก่อนเก้าโมงเช้า หรือว่าหลังสี่โมงเย็นเท่านั้นครับ (แต่แน่นอนว่าไม่เกิน 5 โมงเพราะถนนจะปิด)
เนื่องจากการเดินทางมายังโรงแรมค่อนข้างลำบาก ผมแนะนำให้เลือกจองที่นี่ในกรณีที่มีสัมภาระน้อย หรือว่าทุกคนในคณะพร้อมที่จะเดินทางไกลๆ เท่านั้นครับ
- ที่ตั้ง: 4469-1 Azumi, Matsumoto City, Nagano, Japan 390-1516
- Check-in – 14.00, Check-out – 11.00
ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่มีจำนวนจำกัดนั่นคือมีแค่ 38 ห้องเท่านั้น ดังนั้นถ้าคุณอยากได้ห้องพักที่นี่ ผมแนะนำให้จองล่วงหน้านานสักหน่อยครับ โดยโรงแรมมีห้องพักให้เลือกดังต่อไปนี้
- Standard Twin – 24 ตร.ม. – สามารถเลือกห้องที่มีอ่างอาบน้ำได้ ซึ่งคุณสามารถแช่น้ำไปชมวิวสวยๆ ของคามิโคจิไปได้พร้อมๆ กัน
- Standard Triple – 28 ตร.ม.
- Premium Theater Twin Room – 45 ตร.ม. – ห้องแบบพิเศษที่มีหน้าต่างตลอดตัวห้อง (ยาวเป็นพาโนราม่าเหมือนโรงหนังเสียทีเดียว) ดังนั้นคุณทันทีที่คุณตื่นขึ้นมา คุณจะเห็นวิวสวยๆ ในทันตาเลยครับ
- Japanese Room – 16.52 ตร.ม. ห้องพักแบบญี่ปุ่นที่มีที่นอนแบบฟุตง ขนาดห้องจะเล็กกว่าห้องอื่น แต่ด้วยความที่ตัวฟูกสามารถพับเก็บได้ ทำให้คุณมีพื้นที่เหลือทำกิจกรรมต่างๆ แบบเหลือเฟือครับ
ห้องพักที่นี่ถือว่ามีขนาดใหญ่มาก โดยเฉพาะถ้าพิจารณาจากมาตรฐานทั่วไปของญี่ปุ่น ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีพร้อม เช่นอุปกรณ์อาบน้ำไปจนถีงอุปกรณ์ชงชา ส่วนห้องน้ำส่วนตัวก็มีทุกห้อง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ห้องน้ำรวมเหมือนกับบางโรงแรมในญี่ปุ่นครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ออนเซ็นแบบกลางแจ้งและในร่ม รวมไปถึงแบบส่วนตัวด้วย (แบบส่วนตัวต้องจ่ายเพิ่ม 3,300 เยนต่อ 1 ชั่วโมง)
- Spa Lounge สำหรับนั่งพักผ่อน
- ร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ส่วนมื้ออื่นๆ จะเป็น Course Menu ครับ
- บริการของทานเล่นและเครื่องดื่มฟรีที่ล็อบบี้
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- เป็นรีสอร์ทหนึ่งในสองแห่งในคามิโคจิที่มีบริการออนเซ็นแบบครบวงจร
- ขนาดห้องพักกว้างขวางสะดวกสบาย
- วิวจากห้องพักแต่ละห้องสวยมาก โดยเฉพาะห้อง Premium Theater
- ผู้เข้าพักหลายคนชมว่าอาหารของโรงแรมรสชาติดี โดยเฉพาะอาหารฝรั่งเศส
- การบริการโดยรวมดี
จุดด้อย
- ต้องเดินเท้าพร้อมกับสัมภาระจากท่ารถเข้าไปโรงแรมเป็นระยะทางไกลพอสมควร
สรุป
Kamikochi Lemeiesta Hotel เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักในการชมวิวและธรรมชาติ ตัวห้องพักมีจุดเด่นที่มีหน้าต่างขนาดใหญ่ (โดยเฉพาะห้อง Premium Theater Twin) ส่วนขนาดห้องก็ถือว่าใหญ่ทีเดียวและมาพร้อมกับ amenities ที่ครบครัน
ข้อเสียสำคัญของที่นี่คือการเข้าถึงโรงแรมยากลำบากมาก เพราะต้องลากกระเป๋าไปตามเส้นทางเดินเท้า และยังต้องข้ามสะพานอีกคำรบหนึ่ง แต่ถ้าคุณไปถึงที่หมายแล้ว ประสบการณ์ที่คุณได้รับจะยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียวครับ
5. Hotel Shirakaba-So
Hotel Shirakabo-So เป็นอีกหนึ่งโรงแรมคามิโคจิที่ทำเลเยี่ยมยอด เพราะห่างจากสะพานคัปปะไปไม่ถึง 100 เมตร ทำให้โรงแรมนี้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับนักเดินทางที่ขี้เกียจเดินครับ
ไม่เพียงเท่านั้นจากจุดนี้ คุณจะได้ชมแลนด์มาร์กแห่งคามิโคจิในช่วงเช้า เย็นและกลางคืนได้อย่างสวยงามมากครับ
- ที่ตั้ง: 4468 Azumi, Kamikochi, Matsumoto, Japan, 390-1516
- Check-in 15.00, Check-out 10.00
ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่มีสองแบบ: ตะวันตกและญี่ปุ่น โดยแบบตะวันตกที่มีเตียงจะได้รับการดีไซน์ในสไตล์ Japanese Modern ที่มีความอบอุ่นแบบญี่ปุ่นแบบเต็มเปี่ยม ส่วนห้องแบบญี่ปุ่นก็จะเป็นเรียวกังแท้ๆ แบบ 100% เลยครับ
รูปแบบห้องพักที่มีให้เลือกได้แก่
แบบตะวันตก
- Twin Room – 25-30 ตร.ม. (สามารถเลือกห้องที่เห็นวิวแนวภูเขาโฮตากะและแม่น้ำได้)
- Deluxe Twin – 30 ตร.ม.
แบบญี่ปุ่น
- Japanese Room – 11-18 ตร.ม. (เลือกห้องที่เห็นวิวภูเขาได้เช่นกัน)
ว่ากันด้วยเรื่องขนาดห้องแล้วนั้น ห้องแบบตะวันตกนั้นให้พื้นที่ใช้สอยมากทีเดียว ตัวห้องถือว่าใหญ่ตามมาตรฐานญี่ปุ่นเลยครับ ส่วนห้องแบบญี่ปุ่นของที่นี่จะค่อนข้างเล็ก แม้ว่าจะเทียบกับเรียวกังระดับใกล้กันก็ตามครับ
เนื่องจากราคาต่อคืนแทบจะเท่ากัน ถ้าให้ผมเลือก ห้องแบบตะวันตกน่าสนใจกว่ามากเลยครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารที่มีวิวภูเขาให้ชมแบบสวยสุดๆ
- ทุกการจองเป็นแบบ Half-board (รวมอาหารเช้าเย็น)
- ออนเซ็นในร่ม
- ร้านขายของที่ระลึก
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- ทำเลขั้นเทพ ใกล้กับสะพานคัปปะมากที่สุด
- ห้องพักแบบตะวันตกมีขนาดใหญ่
- วิวจากโรงแรมสวยงาม
- การบริการโดยรวมดี
จุดด้อย
- ราคาห้องพักสูงมาก
- ออนเซ็นค่อนข้างเล็ก
สรุป
Hotel Shirakaba-So เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ถ้าคุณให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้งเป็นอันดับแรก โรงแรมตั้งอยู่ที่สะพานคัปปะ ซึ่งวิวสวยมาก และการเดินทางก็สะดวกสบาย เหมาะกับเด็กและผู้สูงอายุครับ
ในส่วนของห้องพักนั้นก็ถือว่าใกล้เคียงกับโรงแรม 3-4 ดาวทั่วไป ห้องพักของที่นี่ไม่มีอะไรโดดเด่นนอกจากกว้างพอตัวและวิวสวย แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่สูงมาก (ผู้เข้าพักบ่นประเด็นนี้เยอะมากครับ)
6. Kamikochi Nishi-itoya Mountain lodge
Kamikochi Nishi-itoya Mountain Lodge เป็นอีกหนึ่งที่พักซึ่งอยู่ใกล้กับสะพานคัปปะสุดๆ โดยห่างไปแค่ 190 เมตรเท่านั้นเอง ดังนั้นคุณสามารถสัมผัสธรรมชาติโดยรอบจากห้องพักได้อย่างสบายอารมณ์เลยครับ
- ที่ตั้ง: Ajimi 4469-1, Kamikochi, Matsumoto, Japan, 390-1516
- Check-in 15.00, Check-out 10.00
ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่มีอยู่สองแบบด้วยกันครับ นั่นคือแบบหอพัก และแบบญี่ปุ่น (ฟุตง)
แบบแรกก็ตามชื่อเลยครับ นั่นคือจะเป็นแบบหอพักนักเรียน กล่าวคือในห้องจะเป็นเตียงสองชั้นสองเตียงด้วยกัน และรองรับได้ 4 คน
ถ้าคุณไปเที่ยวคามิโคจิแบบ solo traveler คุณสามารถจองแค่เตียงเดียว และอาศัยร่วมกับนักเดินทางคนอื่นได้ หรือว่าถ้ามาเป็นครอบครัวจะจองเหมาห้องก็ได้เช่นกัน
ส่วนห้องแบบญี่ปุ่นก็ไม่มีอะไรพิเศษครับ ขนาดห้องอยู่ที่ 17 ตร.ม. แต่มีจุดเด่นที่ตัวห้องจะมีระเบียงชมวิวด้วยครับ เรื่อง facilities ต่างๆ ก็มีตามมาตรฐานเรียวกังญี่ปุ่นครับ
อย่างไรก็ดีสิ่งหนึ่งที่ต้องทราบคือ ทุกห้องพักของที่นี่ไม่มีห้องอาบน้ำ คุณจะต้องออกไปอาบที่ห้องอาบน้ำรวมครับ (แยกชายหญิง)
Facilities และบริการอื่นๆ
- ร้านอาหาร 1 แห่ง
- ออนเซ็นในร่ม
- ห้องดื่มชา (มีชาและกาแฟบริการฟรี) และเลาจน์
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- ทำเลดีมาก ใกล้กับสะพานคัปปะ
- มีตัวเลือกแบบหอพัก ซึ่งเป็นตัวเลือกราคาประหยัดสำหรับนักเดินทางแบบ solo traveler
- ห้องพักทุกห้องเป็นแบบห้ามสูบบุหรี่ ดังนั้นไว้ใจได้เรื่องกลิ่นครับ
- วิวจากโรงแรมสวยงาม
- ทุกการจองเป็นแบบ Half-board + ผู้เข้าพักประทับใจรสชาติอาหารของโรงแรม
- มีบริการชากาแฟฟรี
- การบริการโดยรวมดีมาก
จุดด้อย
- ห้องทุกห้องไม่มีห้องอาบน้ำส่วนตัว
- ไม่มีห้องแบบตะวันตกที่มีเตียง
สรุป
Kamikochi Nishi-itoya Mountain lodge เป็นตัวเลือกระดับทองคำไม่ว่าคุณจะเดินทางมาคามิโคจิมาด้วยตัวคนเดียว หรือมาเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะที่นี่มีความครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพห้องพัก ทำเลที่ตั้ง ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการ
ข้อเสียสำคัญของที่นี่คือไม่มีห้องพักใดๆ ที่มีห้องอาบน้ำในตัวเลย ดังนั้นย่อมไม่เหมาะถ้าคุณไม่ต้องการอาบน้ำร่วมกับผู้เข้าพักที่ไม่รู้จักครับ
7. The Parklodge Kamikochi
The Parklodge Kamikochi เป็นโรงแรมที่นักเดินทางรู้จักกันในนาม Gosenjaku Lodge แต่ได้รับการเปลี่ยนชื่อหลังจากที่การ renovation บางส่วนของโรงแรมเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.2020 ครับ
ที่ตั้งของโรงแรมแห่งนี้สูสีกับสองแห่งที่ผมแนะนำไปด้านบน นั่นคืออยู่ใกล้กับสะพานคัปปะมาก ดังนั้นใครที่พักที่นี่จะได้ชมดาวพร่างพราวเหนือสายน้ำอันบริสุทธิ์ในช่วงกลางคืน และสายหมอกอันงดงามในช่วงฟ้าสางครับ
- ที่ตั้ง: Ajimi 4469-1, Kamikochi, Matsumoto, Japan, 390-1516
- Check-in 15.00, Check-out 10.00
ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่มีทั้งแบบตะวันตกและญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาด 13 ตารางเมตรเท่ากัน (อ้างอิงจากเว็บของโรงแรม) ความแตกต่างอยู่ที่ห้องตะวันตกมีเตียง Twin และดีไซน์แบบร่วมสมัย ส่วนห้องญี่ปุ่นก็จะปูเสื่อทาทามิอย่างดี และมีที่นอนแบบฟุตงครับ
สำหรับ room facilities ก็มีครบตั้งแต่อุปกรณ์อาบน้ำ กาน้ำร้อน ชุดยูกาตะ และรองเท้าแตะ เพราะฉะนั้นมีทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการพักผ่อนอย่างราบรื่นยามค่ำคืนครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารและคาเฟ่
- ออนเซ็นในร่ม
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- ทำเลดีเยี่ยม ติดสะพานคัปปะ
- ห้องพักส่วนใหญ่เพิ่งผ่านการปรับปรุงในช่วงปี ค.ศ.2020
- ผู้เข้าพักหลายคนประทับใจบรรยากาศของโรงแรม
- อาหารของโรงแรมรสชาติดี
- ทุกการจองรวมอาหารเช้าและเย็น
- โดยรวมแล้วพนักงานให้บริการได้อย่างยอดเยี่ยม
จุดด้อย
- ห้องพักแต่ละห้องมีขนาดเล็ก
สรุป
The Parklodge Kamikochi เป็นอีกโรงแรมหนึ่งที่น่าสนใจ แม้ว่าห้องพักของที่อื่นจะใหญ่กว่าก็ตาม แต่เรื่องทำเล บรรยากาศ สิ่งอำนวยความสะดวก และการบริการของโรงแรมแห่งนี้ไม่เป็นสองรองใคร แถมราคาก็จัดว่าไม่สูงมากนัก ทำให้ควรค่าต่อการพิจารณาของผู้ที่ต้องการพักที่คามิโคจิครับ
ตัวเลือกอื่นๆ
เนื่องจากเมืองอย่างทาคายาม่าและมัตสึโมโตะอยู่ไม่ไกลจากคามิโคจิมากนัก คุณสามารถไปเที่ยวคามิโคจิแบบไปเช้าเย็นกลับได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเช่ารถขับ) ดังนั้นคุณสามารถเลือกจองที่พักจากทั้งสองเมืองได้จากตัวเลือกด้านล่างครับ
ข้อดีของการพักในเมืองก็คือ ค่าใช้จ่ายต่อคืนจะถูกกว่าการพักในคามิโคจิอย่างมีนัยสำคัญครับ