12 สถานที่เที่ยวคานาซาว่า (Kanazawa) และกิจกรรมน่าสนใจที่ไม่ควรพลาด

คานาซาว่า (Kanazawa) เป็นเมืองขนาดกลางที่มีสถานะเป็นเมืองหลวงของจังหวัดอิชิกาวะ (Ishikawa) บนเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น ตัวเมืองมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีชื่อเสียงเรื่องสวนแบบญี่ปุ่นที่สวยล้ำเลิศเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ รวมไปถึงย่านซามูไรและเกอิชาที่โด่งดังไม่แพ้เกียวโต

ในบทความนี้ ผมจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับตัวเมืองนี้แบบคร่าวๆ หลังจากนั้นจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ

ประวัติและความเป็นมาของคานาซาว่า (Kanazawa)

คำว่าคานาซาว่า (金沢, Kanazawa) มีความหมายว่า “บึงทองคำ” เพราะว่ามีตำนานเล่าว่าชาวเมืองคนหนึ่งได้ขุดมันฝรั่งอยู่ในไร่ และนำมันฝรั่งที่ขุดได้มาล้างน้ำในบ่อ แต่เขากลับได้พบกับเศษทองคำในบ่อแห่งนั้นครับ

คานาซาว่าเริ่มมีบทบาทในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในช่วงยุคศตวรรษที่ 15 กล่าวคือตัวเมืองได้ถูกปกครองโดยเหล่าพระนักรบอิคโค อิคคิ (Ikko-Ikki) ของศาสนาพุทธนิกายโจโดชินชูของญี่ปุ่น ผู้ปกครองที่เป็นสงฆ์ได้พัฒนาตัวเมืองอย่างใหญ่โต และเปลี่ยนให้คานาซาว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีกำแพงสูงล้อมรอบมั่นคง

เหล่าพระนักรบเหล่านี้ได้ใช้คานาซาว่าเป็นฐานที่มั่นในการขยายอิทธิพลของตนไปยังดินแดนอื่นๆ จนในช่วงศตวรรษที่ 16 นั้น อิทธิพลของพระนักรบอิคโค อิคคิ เรียกได้ว่าเหนือกว่าไดเมียวส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นด้วยซ้ำไป เพราะควบคุมเส้นทางค้าขายที่สำคัญไว้ทั้งหมด

ด้วยเหตุนี้ไดเมียวคนสำคัญอย่างโอดะ โนบุนากะได้ยกกองทัพเข้าทำสงครามกับพระนักรบเหล่านี้จนได้ชัยชนะเด็ดขาดในปี ค.ศ.1580 หลังจากนั้นตัวเมืองจึงถูกเปลี่ยนมือไปตามเหล่าไดเมียวที่ขึ้นมามีอำนาจในช่วงยุคเซ็นโกกุ จนกระทั่งในปี ค.ศ.1602 ตัวเมืองก็ได้ถูกมอบให้กับตระกูลมาเอดะ (Maeda) ตระกูลสำคัญที่สนับสนุนโตกุกาวะ อิเอยาสึในยุทธการแห่งเซกิกะฮาระ

ตระกูลมาเอดะเป็นตระกูลใหญ่ที่ปกครองพื้นที่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่น (รองจากโชกุนโตกุกาวะเท่านั้น) พวกเขาได้ใช้คานาซาว่าเป็นเมืองหลวงในการปกครองพื้นที่ต่างๆ ของตน ตัวเมืองจึงเจริญขึ้นมาก กำแพงเมืองถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับกับจำนวนประชากรที่มากขึ้น เช่นเดียวกับคลองที่ถูกขุดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาชลประทาน

การบริหารจัดการที่ดีทำให้ประชาชนหนาแน่นตามลำดับ โดยในช่วงปี ค.ศ.1700 คานาซาว่ามีผู้อยู่อาศัยประมาณหนึ่งแสนคน ซึ่งเทียบได้กับเมืองใหญ่ๆ ในยุโรปเลยทีเดียว และเป็นเมืองท่าค้าขายที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศอีกด้วย

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้น คานาซาว่าเป็นเมืองเพียงไม่กี่แห่งที่รอดพ้นการทิ้งระเบิดของฝ่ายพันธมิตร ทำให้ย่านเมืองเก่ารอดพ้นมาได้ ทำให้คานาซาว่าเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ไม่ควรพลาดถ้าคุณอยากเห็นบ้านเมืองโบราณแบบญี่ปุ่นของแท้ครับ

ข้อควรทราบ

1. เยี่ยมชมสวนเค็นโรคุเอ็น

สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) คือสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในเมืองคานาซาว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะสวนแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสามสุดยอดของสวนญี่ปุ่น และครบเครื่องตามหลักฮวงจุ้ยทุกประการครับ

ในอดีตตัวสวนแห่งนี้เคยเป็นสวนของปราสาทคานาซาว่าของตระกูลมาเอดะมาก่อน ซึ่งตัวสวนเกิดจากการสร้างโดยมนุษย์ทั้งหมด (แม้แต่สระในสวนก็เป็นคนงานขุด) แต่ในยุคเมจิก็ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้อย่างอิสระครับ

ปัจจุบันสวนเค็นโรคุเอ็นมีต้นไม้ใหญ่เรียงรายกันเป็นระเบียบ ซึ่งจะพากันเปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทำให้ตัวสวนแห่งนี้สวยงามมาก ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้หลากชนิดในสวนก็จะผลิบาน เกิดเป็นความงดงามที่ยากจะหาสวนใดมาเปรียบได้ครับ

ในช่วงฤดูหนาวนั้น ชาวเมืองจะใช้เทคนิคยูกิสึริ (Yukitsuri) ด้วยการนำเสาไม้ไผ่และเชือกมาค้ำจุนลำต้นของต้นไม้ เพื่อที่จะรักษาต้นไม้ในสวนให้พ้นจากสภาพอากาศอันหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาว เทคนิคนี้เป็นเทคนิคเฉพาะของคานาซาว่าที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานครับ

หนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือมาชมสวนแห่งนี้ในช่วงกลางคืน เพราะว่าจะมีการเปิดไฟให้กับต้นไม้ต่างๆ ทำให้เป็นจุดที่สวยและโรแมนติกมาก เรียกได้ว่าห้ามพลาดครับ

ค่าเข้าชม: 320 เยน

2. เที่ยวชมปราสาทคานาซาว่า

ใกล้กับสวนเค็นโรคุเอ็นคือปราสาทคานาซาว่า (Kanazawa Castle) ปราสาทเก่าแก่ที่ตระกูลมาเอดะเคยพำนักอาศัยอยู่มานานสองร้อยกว่าปี อย่างไรก็ดีตัวปราสาทที่เห็นนั้นเกิดจากการสร้างใหม่ในยุคหลัง ตัวปราสาทดั้งเดิมนั้นถูกไฟไหม้จนเสียหายยับเยินในช่วงปี ค.ศ.1881 ในปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังสร้างปราสาทแบบเดิม (ยุค ค.ศ.1850) ขึ้นมาใหม่อยู่ครับ

แม้ว่าตัวปราสาทจะไม่ใช่ของเดิม แต่ก็มีสิ่งน่าสนใจให้ดูหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประตู หอคอย หรือคลังของปราสาทที่สร้างขึ้นด้วยเทคนิคโบราณครับ นอกจากนี้บริเวณปราสาทยังมีต้นซากุระอยู่หลายต้น ซึ่งสวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว

3. ชมบ้านเซย์ซนกากุ

บ้านเซย์ซนกากุ (Seisonkaku Villa) เป็นบ้านของซามูไรที่สมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่นที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน ตัวบ้านสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1863 หรือช่วงท้ายๆ ของสมัยเอโดะ

ห้องในบ้านแต่ละห้องล้วนปูด้วยเสื่อทาทามิอย่างดี และได้รับการตบแต่งตามศิลปะญี่ปุ่นอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมีระเบียงอันกว้างขวางสำหรับชมสวนอีกด้วยครับ

ตัวบ้านอยู่ใกล้กับสวนเค็นโรคุเอ็น ดังนั้นคุณสามารถเดินเข้าสวนจากตัวบ้านได้ครับ

ค่าเข้าชม: 700 เยน

4. เยือนถิ่นเกอิชา

ย่านฮิกาชิ ชายะ (Higashi Chaya District) เป็นหนึ่งในสามย่านโรงน้ำชาแห่งเมืองคานาซาว่า ซึ่งย่านโรงน้ำชาเหล่านี้นี่เองเป็นสถานที่ที่เหล่าเกอิชาจะมาร้องเพลง เล่นดนตรีพื้นเมือง รวมไปถึงร่ายรำเพื่อสร้างความสำราญใจแก่ผู้ชม

อาคารที่ตั้งอยู่ในย่านนี้จะเป็นของเดิมที่มีอายุกว่า 200 ปี บางแห่งได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเล่าเรื่องราวของเหล่าเกอิชา และจัดแสดงข้าวของต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่เหลือเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของอื่นๆ ที่คุณสามารถไปใช้บริการได้ครับ

แต่ที่เป็นไฮไลท์ก็คือการแสดงเกอิชา ซึ่งคุณยังสามารถไปสัมผัสได้ที่ Kaikaro Teahouse โรงน้ำชาเก่าแก่อายุกว่า 180 ปีที่เปิดให้คุณได้ชมการแสดงแบบดั้งเดิมของเกอิชาได้ครับ ซึ่งจะเหมือนกับว่าคุณได้เป็นชนชั้นสูงญี่ปุ่นในอดีตเลยทีเดียว

5. ย้อนอดีตที่ย่านซามูไร

ย่านนากามาชิ (Nagamachi District) คือย่านเก่าแก่ในคานาซาว่าซึ่งในอดีตนั้น ซามูไรและชนชั้นสูงของเมืองเคยพำนักอาศัยอยู่ที่นี่ ตัวบ้านแต่ละหลังยังเป็นของเดิม ซึ่งหาชมได้ยากมากแล้วในปัจจุบัน เพราะแต่ละแห่งถูกไฟไหม้เสียหาย หรือว่าถูกระเบิดในช่วงสงครามไปหมดแล้วครับ

สำหรับใครที่ชอบในวัฒนธรรมซามูไรเป็นพิเศษ ผมแนะนำให้ไปชมพิพิธภัณฑ์ Nomura-ke ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายหรือข้าวของต่างๆ ของเหล่าซามูไรในตัวบ้านที่ได้รับการบูรณะให้สมบูรณ์เหมือนกับของเดิมครับ

6. ชมวัดนินจาเดระ

วัดเมียวริวจิ หรืออีกชื่อหนึ่งวัดนินจาเดระ (Ninjadera Temple) ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับนินจาทั้งสิ้น แต่ที่วัดแห่งนี้ได้ชื่อเช่นนี้ก็เพราะตระกูลมาเอดะได้ใช้ที่นี่เป็นสถานที่หลบภัยในกรณีที่เกิดเหตุร้าย ดังนั้นจึงได้ใส่กลไกอันซับซ้อนแอบไว้เพื่อป้องกันศัตรูไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งบางสิ่งคล้ายคลึงกับสิ่งที่เหล่านินจาใช้ วัดนี้จึงได้ชื่อนี้ไปโดยปริยายครับ

ค่าเข้าชม: 1000 เยน

7. เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ

คานาซาว่าเป็นเมืองที่มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น

• 21st Century Museum of Contemporary Art – พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น ภายในจัดแสดงงานศิลปะจากทั่วโลกให้ผู้สนใจได้ชมครับ
• D.T. Suzuki Museum – พิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับ ซูซูกิ ไดเซสึ ไทย์ทาโร่ นักปราชญ์พุทธชาวญี่ปุ่นผู้มีบทบาทสำคัญในการนำเสนอแนวคิดของพุทธศาสนานิกายเซนให้กับชาวตะวันตก ภายในพิพิธภัณฑ์มีบริเวณที่จัดให้ผู้เข้าชมนั่งสมาธิหรือว่าสัมผัสกับความเงียบสงบได้ครับ
• Kaga-Honda Museum – พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุไม่ว่าจะเป็นอาวุธ งานศิลปะพู่กัน ฯลฯ ของเหล่าซามูไร ซึ่งโบราณวัตถุของที่นี่ถือว่าสมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ครับ
• Ninja Weapon Museum – พิพิธภัณฑ์ที่เก็บอาวุธของเหล่านินจาไม่ว่าจะเป็นดาบหรือดาวกระจาย ถ้าใครอ่านอนิเมะแล้วอยากเห็นของจริง คุณสามารถมาชมได้ที่นี่ครับ
• Kanazawa Noh Museum – พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับ “โน” ศิลปะการแสดงหน้ากากแบบดั้งเดิมของคานาซาว่าและญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยเอโดะ คุณจะได้เห็นหน้ากากที่นักแสดงใช้มาหลายชั่วอายุคนครับ

8. ชมศาลเจ้าโอยาม่า

ศาลเจ้าโอยาม่า (Oyama Shrine) เป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้กับมาเอดะ โทชิอิเอะ ไดเมียวและผู้นำตระกูลมาเอดะคนแรก จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้คือ ประตูของศาลเจ้าสร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวดัชต์ทำให้ดีไซน์ของตัวประตูเป็นการผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตกครับ

ด้านในศาลเจ้าจะมีอนุสาวรีย์ของผู้นำตระกูลตั้งอยู่ รวมไปถึงสวนสวยๆ สไตล์ญี่ปุ่นที่คุณสามารถพักผ่อนหย่อนใจได้อย่างอิสระครับ

9. รับประทานซีฟู้ดอร่อยๆ ที่ตลาดโอมิโจ

คานาซาว่าเป็นเมืองที่โด่งดังในเรื่องคุณภาพของอาหารทะเล หลายคนขนานนามว่าซูชิที่เมืองแห่งนี้ยากที่จะที่ใดมาเปรียบได้ ซึ่งคุณสามารถมาพิสูจน์ได้ที่ตลาดโอมิโจแห่งนี้ครับ

ตลาดโอมิโจ (Omicho Market) เป็นตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดในคานาซาว่ามาตั้งแต่สมัยเอโดะ ปัจจุบันตลาดแห่งนี้มีร้านรวงกว่า 200 แห่ง ซึ่งจำหน่ายอาหารทะเลสดๆ มากมายหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีร้านซูชิหลายแห่งที่คุณสามารถลิ้มลองรสชาติตั้งแต่เช้าอีกด้วย

10. สัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนที่ชูโอ มิโชคุไก

ชูโอ มิโชกุไค (Chuo Mishokugai) เป็นย่านกลางคืนของเมืองคานาซาว่าที่ประกอบด้วยผับและบาร์หลายแห่งด้วยกัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือผับและบาร์จะตั้งอยู่ในอาคารที่มีตรอกและดีไซน์แบบโบราณ ชาวเมืองคานาซาว่าที่มีอายุหลายคนจะชื่นชอบที่นี่มาก เพราะให้ความรู้สึกว่าอยู่ในยุคโชวะที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเติบโตดี และเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขครับ

สถานที่เที่ยวยามกลางคืนแห่งนี้เป็นโอกาสดีที่คุณอยากพบปะหรือพูดคุยกับชาวเมืองคานาซาว่าครับ

11. ชมโดมแก้วและประตูไม้ที่สถานีรถไฟคานาซาว่า

สถานีรถไฟคานาซาว่า (Kanazawa Station) เป็นสถานที่แรกในเมืองที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมาถึง แต่ว่าที่นี่ก็มีจุดที่น่าสนใจเช่นกันนั่นคือ

• โดมแก้ว – โดมขนาดใหญ่ที่มีหน้าตาเหมือนกับร่ม โดยตัวโดมมีชื่อว่าโมเตะนาชิ ซึ่งแปลว่าต้อนรับครับ
• ประตูไม้ – ใกล้กับโดมแก้วบริเวณทางเข้าจะมีประตูไม้แบบญี่ปุ่นขนาดใหญ่ ชื่อว่าซูซุมิ โดยสถาปนิกได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านชื่อเดียวกันของญี่ปุ่นครับ

12. ชมซากุระที่ 4 จุดสวยของเมือง

คานาซาว่ามีจุดชมซากุระที่สวยงามอยู่ 4 แห่งด้วยกันได้แก่

• สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) – ตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด ตัวสวนนั้นสวยอยู่แล้ว แต่พอมีซากุระก็จะสวยขึ้นไปอีก ภาพซากุระที่สะท้อนจากน้ำในสระนั้นงดงามไม่รู้ลืมเลยครับ ช่วงนี้ทางสวนจะเปืดให้ชมฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย
• สวนของปราสาทคานาซาว่า (Kanazawa Castle Park) – สวนของปราสาทคานาซาว่าเป็นอีกจุดที่มีต้นซากุระที่ผลิดอกบานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้่ผลิ จุดนี้ถือว่าสวยงามแบบญี่ปุ่นแท้ๆ เพราะว่ามีปราสาททรงญี่ปุ่นเป็นฉากหลัง เหมาะต่อการสัมผัสว่าการชมซากุระในสมัยเอโดะครับ
• ย่านคาซูเอะมาจิ (Kazuemachi District) – ย่านนี้เป็นอีกหนึ่งย่านโรงน้ำชาของเมืองคานาซาว่า โดยย่านนี้จะอยู่ริมแม่น้ำอาซาโนะกาว่า ซึ่งต้นซากุระนี้ก็จะเรียงรายไปตามฝั่งของแม่น้ำที่ใสสะอาด ดังนั้นเป็นอีกจุดหนึ่งที่ถ่ายรูปสวยอลังการมากครับ
• สะพานซากุระมาชิ (Sakura Bashi Bridge) – บริเวณรอบสะพานซากุระมาชิคืออีกหนึ่งจุดสวยที่จะชมดอกซากุระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณขึ้นไปบนภูเขาซากุระ (Sakura Hill) คุณจะเห็นดอกซากุระจากทั้งสองฝั่งของแม่น้ำไซ โดยที่มีแนวภูเขาเป็นสวยงามเป็นฉากหลังครับ

References:

• Visit Kanazawa (Official Guide)

Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links หรือแปลว่าผมจะได้ส่วนแบ่งจากผู้ให้บริการถ้าคุณจองบริการต่างๆ ผ่านทางลิงค์ในบทความครับ