โลซานน์ (Lausanne) เป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่อยู่ริมทะเลสาบเจนีวา โดยอยู่ติดกับชายแดนประเทศฝรั่งเศส ตัวเมืองเป็นเมืองสวยแห่งหนึ่งที่ควรค่าต่อการไปเยี่ยมเยือนอย่างยิ่งเลยครับ ส่วนมากแล้วนักท่องเที่ยวจะพักที่นี่สักคืนหนึ่งก่อนที่จะเดินทางไปที่อื่นต่อครับ
บทความนี้จึงจะมาแนะนำโรงแรมและที่พักอื่นๆ ที่น่าสนใจในเมืองโลซานน์ จะมีที่ไหนบ้าง อ่านเพิ่มเติมได้จากด้านล่างเลยครับ
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองโรงแรมในโลซานน์ผ่านทางลิงค์ในบทความครับ
ข้อควรทราบ
เกณฑ์การเลือกที่พักในบทความ
สำหรับที่พักแต่ละแห่งในบทความนี้ ผมจะระบุถึงจุดเด่นของแต่ละที่ด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งผมได้สรุปมาจากรีวิวของผู้เข้าพักจริงจากแพลตฟอร์มจองโรงแรมต่างๆ ผมเชื่อว่าข้อมูลส่วนนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกที่พักที่เหมาะสมได้มากขึ้นครับ
ว่าด้วยเรื่อง Metro Card
ที่พักส่วนมากในโลซานน์จะให้ Metro Card แก่ผู้เข้าพัก ซึ่งคุณสามารถใช้ขนส่งสาธารณะอย่างเช่นรถไฟได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้นก่อนที่จะออกจากโรงแรมไปชมสถานที่ต่างๆ โปรดสอบถามทาง lobby ให้แน่ชัดก่อนว่าโรงแรมที่คุณจองมีให้บัตรดังกล่าวหรือไม่ครับ
ที่พักโลซานน์น่าจอง
1. Beau-Rivage Palace
Beau-Rivage Palace เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่อยู่ริมทะเลสาบเจนีวา โดยอยู่ในเครือเดียวกับโรงแรม Lausanne Palace (ที่ผมแนะนำด้านล่าง) เพราะฉะนั้นคุณจะได้ชมทะเลสาบอันงดงามแห่งนี้ เช่นเดียวกับเทือกเขาแอลป์ที่พาดผ่านได้อย่างจุใจครับ
ใกล้กับโรงแรมมีร้านอาหารริมทะเลสาบเจนีวาที่ให้บรรยากาศดีเลิศ ซึ่งคุณสามารถใช้บริการได้ ส่วนการเดินทางนั้น โรงแรมห่างจากสถานีรถไฟ Jordils ไปประมาณ 400 เมตรเท่านั้น ช่วยให้การเดินทางไปย่านช้อปปิ้งต่างๆ สะดวกสบายครับ
- ที่ตั้ง: Chem. de Beau-Rivage 21, 1006 Lausanne, Switzerland
- Check-in/out: 15.00/12.00
ห้องพัก
โรงแรมแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดในยุโรปมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 ส่วนตัวอาคารของโรงแรมในปัจจุบันนั้นของเดิมที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1908 แต่ได้รับการ renovate ให้ทันสมัยควบคู่ไปกับการบำรุงรักษาอย่างพิถีพิถัน ท
เพราะฉะนั้นเมื่อคุณเดินเข้าห้องพัก คุณจะสัมผัสถึงความวิจิตรของสไตล์คลาสสิคร่วมกับนวัตกรรมแบบร่วมสมัยจากระบบ home automation ที่มีในทุกห้องพักครับ
รูปแบบห้องที่มีให้จองมีดังต่อไปนี้
- Superior – 28/32 ตร.ม. เลือกวิวได้ระหว่างวิวเมืองและวิวทะเลสาบ โดยห้องวิวทะเลสาบจะใหญ่กว่าเล็กน้อย
- Deluxe – 45 ตร.ม. เลือกวิวได้เช่นเดียวกับห้อง Superior แต่ห้องนี้จะมีการเพิ่ม lounge ส่วนตัวเข้ามาครับ
- Deluxe Riviera – 50 ตร.ม. คล้ายกับห้อง Deluxe แต่ว่าจะมีห้องนั่งเล่นแยกออกมาเป็นกิจจะลักษณะ พร้อมด้วยวิวสวยๆ จากทะเลสาบเจนีวา
- Junior Suite – 65-75 ตร.ม.
- Suite – 85-140 ตร.ม. ห้องสวีทของที่นี่แยกย่อยไปได้อีกเกือบสิบแบบ เช่นบางห้องจะตบแต่งสไตล์ Art Deco หรือว่ามี rooftop ส่วนตัวที่ให้คุณทัศนาทิวทัศน์ได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด ขณะที่บางห้องจะมีพื้นที่ระเบียงที่ใหญ่มากถึง 65 ตร.ม. ซึ่งยังไม่รวมอยู่ในพื้นที่ห้องพักครับ
แม้ว่าห้องพักที่นี่จะใหญ่ถ้าเทียบกับโรงแรมทั่วไป แต่พื้นที่ใช้สอยก็ยังมิได้มากเท่ากับโรงแรมระดับ 5 ดาวอื่นๆ ทว่าเรื่องความสวยงามของการแต่งห้องนั้นจะต้องยกให้ เพราะตัวห้องงดงามอย่างยิ่ง แถมยังดูน่ารักด้วยการใช้สีพาสเทล ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์จาก Guerlain โต๊ะทำงาน อุปกรณ์อาบน้ำ โซฟา ตลอดจนคลังหมอนให้คุณเลือกใบที่ต้องการได้ด้วยครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารและ Lounge รวม 6 แห่ง (หนึ่งในนั้นคือร้านระดับดาวมิชลิน 2 ดวงของเชฟ Anne-Sophie Pic หนึ่งในเชฟหญิงที่เคยได้รับการจัดอันดับเป็น Best Female Chef ของ The World’s 50 Best Restaurants มาแล้ว)
- ห้องฟิตเนสและคอร์ดเทนนิส
- สระว่ายน้ำแบบในร่มและกลางแจ้ง
- สปาแบบครบวงจร (Sauna, Hammam, Ice Cellar ฯลฯ)
- ห้องพักผ่อน ทำสมาธิ และโยคะ
- ห้องประชุมและจัดอีเวนต์
- ที่จอดรถของโรงแรม
สรุป
จุดเด่น
Beau-Rivage Palace
โรงแรมที่ได้รับการขนานนามเป็นโรงแรมระดับชั้นนำของโลซานน์และประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ด้วยทำเลที่อยู่ริมทะเลสาบ ทำให้ทิวทัศน์จากทุกส่วนของที่พักสวยงามมาก ส่วนตัวห้องนั้นสวยงามแบบคลาสสิคแต่ก็พร้อมด้วยความทันสมัย ด้านกิจกรรมด้าน wellness นั้นมีให้เลือกมากมายช่วยให้คุณไม่รู้สึกเบื่อ ขณะที่การบริการอยู่ในระดับดีมากด้วยครับ
สิ่งเดียวที่เป็นจุดด้อยของที่นี่คือราคาที่สูงกว่าโรงแรม 5 ดาวด้วยกันอย่างชัดเจนครับ
2. Lausanne Palace
Lausanne Palace เป็นโรงแรมที่อยู่ในทำเลอันยอดเยี่ยม เพราะตั้งอยู่ในบริเวณใจกลางเมืองโลซานน์ และห่างจากสถานีรถไฟและรถบัสหลักของเมืองไปแค่ 500 และ 450 เมตรตามลำดับ (แต่ต้องเดินขึ้นเขา ถ้าสัมภาระมากจริงๆ อาจจะต้องนั่งแท็กซี่ไปครับ) ดังนั้นคุณจะได้ความสะดวกสบายทั้งเรื่องการเดินทาง ช้อปปิ้ง และหาอะไรรับประทาน อย่างร้านอาหารและร้านค้านั้นมีมากมายทั้งสองฝั่งถนน Rue Centrale และ Rue de Bourg ครับ
สำหรับทะเลสาบเจนีวานั้นจะอยู่ห่างจากโรงแรมไปประมาณ 1.8 กิโลเมตร แต่คุณสามารถนั่งรถไฟไปได้ถึงได้ในเวลาไม่กี่นาทีครับ
- ที่ตั้ง: Rue du Grand-Chêne 7-9, 1002 Lausanne, Switzerland
- Check-in/out: 14.00/12.00
ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่จะเป็นสไตล์ร่วมสมัยแต่เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้บางชิ้นจะเป็นแบบคลาสสิค ทำให้ห้องพักดูสวยงามและโอ่อ่า ส่วนการใช้สีนั้นจะเป็นสีเบจและสีครีมเป็นหลัก ช่วยให้บรรยากาศด้านในอบอุ่นและผ่อนคลาย ทั้งนี้ห้องที่มีให้จองมีดังต่อไปนี้
- Business Classic/Premium – 30-40 ตร.ม. ทั้งสองห้องจะแตกต่างตรงที่การดีไซน์ โดยห้อง Premium มีความเป็นแบบร่วมสมัยมากกว่า แต่เรื่องวิวจะเหมือนกัน นั่นคือวิวเมืองโลซานน์และมหาวิหารหลักของเมืองครับ
- Executive Classic – 40-50 ตร.ม.
- Deluxe Lake View – 35-50 ตร.ม. ห้องนี้จะมีระเบียงซึ่งคุณออกไปชมวิวทะเลสาบเจนีวาและเทือกเขาแอลป์ได้ครับ
- Junior Suite – 60 ตร.ม. เลือกได้ระหว่างวิวทะเลสาบ หรือวิวเมืองและมหาวิหารครับ แน่นอนว่ามีระเบียงให้ออกไปนั่งเล่นชมวิวได้เช่นกัน
- Suite – 70-100 ตร.ม. ด้านในมี lounge และเตาผิงส่วนตัว เช่นเดียวกับระเบียงชมวิว ซึ่งเลือกได้ระหว่างวิวเมืองหรือทะเลสาบ
- Presidential Suite – 130 ตร.ม. มีบาร์ส่วนตัว ห้องแต่งตัว จากุชชี่ พร้อมด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ชั้นดี ตัวห้องจะเห็นวิวทะเลสาบเจนีวาครับ
- Coco Chanel Suite – 170 ตร.ม. ห้องสวีทที่ได้รับการดีไซน์เป็นพิเศษโดยได้แรงบันดาลใจจากดีไซเนอร์ชื่อดังแห่งกรุงปารีสอย่าง Coco Chanel ครับ ด้านในมีห้องทำงานที่ใหญ่ถึง 24 ตร.ม. เช่นเดียวกับห้องแต่งตัว พร้อมด้วยระเบียงชมวิวทะเลสาบเจนีวาครับ
ในส่วนของห้องระดับมาตรฐานนั้นถือว่ากว้างขวางสะดวกสบายสมกับเป็นโรงแรมระดับ luxury อย่างไรก็ดีห้องระดับท็อปของที่นี่ (Presidential Suite ขึ้นไป) จะเล็กกว่าที่อื่นพอสมควรเลยครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ถือว่าครบครัน ตั้งแต่มินิบาร์ฟรีในแต่ละวัน โต๊ะทำงาน อุปกรณ์อาบน้ำ อ่างอาบน้ำ โซฟา ทีวี ฯลฯ นอกจากนี้ในกรณีที่คุณนอนห้อง Classic นั้น ห้องน้ำของคุณจะสุดอลังการควรค่ากับการถ่ายรูปลง social media อย่างยิ่งเลยครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารและบาร์รวม 6 แห่ง
- ห้องฟิตเนส
- สระว่ายน้ำในร่มและจากุชชี่
- บริการสปาและทรีตเมนต์แบบครบวงจร
- ห้องประชุมและจัดเลี้ยง
- ที่จอดรถและบริการรถลีมูซีน
สรุป
จุดเด่น
Lausanne Palace
โรงแรมทำเลดีมากที่อยู่ใกล้กับย่านการค้าหลัก เช่นเดียวกับสถานีรถไฟกลางของเมือง ทำให้สะดวกสบายอย่างมากต่อการชมเมือง เช่นเดียวกับช้อปปิ้งและหาอะไรรับประทาน ส่วนห้องพักของที่นี่นั้นคุณภาพดี กว้างขวาง และที่สำคัญคือวิวสวย ไม่ว่าคุณจะเลือกฝั่งไหนก็ตามครับ ขณะที่สปาและการบริการก็เป็นที่พึงพอใจของผู้เข้าพักส่วนใหญ่ครับ
ถึงกระนั้นสิ่งหนึ่งที่ผู้เข้าพักหลายคนติก็คือ อาหารเช้าของโรงแรมราคาสูงเกินไป ทว่าไม่เป็นปัญหามากนัก เพราะใกล้กับโรงแรมมีคาเฟ่หลายแห่ง โดยเฉพาะในสถานีรถไฟที่เปิดตั้งแต่เช้าตรู่เลยครับ
3. Royal Savoy Hotel and Spa
Royal Savoy Hotel and Spa เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในย่าน Ouchy ของเมืองโลซานน์ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องถนนริมทะเลสาบเจนีวา และสวนสาธารณะที่สวยงามอีกหลายแห่ง นอกจากนี้โรงแรมยังอยู่ติดกับสถานี Délices (50 เมตร) ซึ่งเป็นสถานีของ Lausanne Metro ที่คุณสามารถใช้เดินทางไปส่วนต่างๆ ของตัวเมืองได้อย่างอิสระครับ
ส่วนร้านอาหาารนั้น ใกล้กับโรงแรมมีหลายร้านให้เลือกทานได้ แต่จะสู้บริเวณใจกลางเมือง (ถนน Rue Centrale) ไม่ได้ครับ
- ที่ตั้ง: Av. d’Ouchy 40, 1006 Lausanne, Switzerland
- Check-in/out: 15.00/12.00
ห้องพัก
โรงแรมแห่งนี้เปิดทำการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1906 โดยได้มีโอกาสต้อนรับผู้เข้าพักระดับ VIP-VVIP ที่มาเยือนโลซานน์ทุกยุคทุกสมัย แม้ว่าจะอายุขนาดที่เป็นโบราณสถานได้ แต่คอนเซปต์ด้านดีไซน์ของโรงแรมแห่งนี้คือ Modern Twist ที่จะผสมผสานสไตล์โมเดิร์นที่ทันต่อยุคเข้ากับเสน่ห์แบบ old-world ของสไตล์คลาสสิคครับ
รูปแบบห้องพักที่มีให้เลือกจองมีดังต่อไปนี้
- Executive Room – 25/30 ตร.ม. ห้องขนาด 25 ตร.ม.จะอยู่ในอาคารเก่าแบบ Art Nouveau เพราะฉะนั้นตัวห้องจะสวยงามมีสไตล์ ส่วนห้อง 30 ตร.ม. จะเห็นวิวทะเลสาบเจนีวาครับ
- Deluxe Park View with Balcony – 30 ตร.ม. ห้องนี้จะมีระเบียงที่จะมองเห็นวิวสวนของโรงแรม
- Savoy Suite – 70 ตร.ม.
- Royal Savoy Suite – 122 ตร.ม.
- Penthouse Suite – 350 ตร.ม. เห็นวิวทะเลสาบเจนีวาและในห้องมีสปาส่วนตัว
สำหรับห้อง Executive, Deluxe และ Savoy Suite นั้น คุณสามารถเลือกเตียงที่ต้องการได้ระหว่าง Twin หรือ King แต่ห้องสวีทระดับสูงจะมีเฉพาะเตียง Twin เท่านั้นครับ ส่วนเรื่องพื้นที่ใช้สอยนั้นถือว่ากว้างขวางพอสมควร แม้ว่าห้องระดับเริ่มต้นอย่าง Executive จะไม่ได้ใหญ่มากเมื่อเปรียบกับที่พักระดับเดียวกันก็ตามครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกแต่ละห้องนั้นเพรียบพร้อมตามมาตรฐานของห้องโรงแรมระดับ luxury ไม่ว่าจะเป็น ห้องน้ำที่ทำจากหินอ่อนสุดหรู อุปกรณ์อาบน้ำแบบ aromatherapy (ถ้าเป็นห้องสวีทจะได้เป็นของแบรนด์ Acqua di Parma) ทีวีแบบ flat-screen ไปจนถึงเครื่องทำกาแฟจาก Nespresso ส่วนห้องสวีทนั้นจะมีครัวที่มีเครื่องครัวต่างๆ ครบครันครับ
นอกจากนี้ทุกห้องพักนั้นจะได้มี turndown service ซึ่งทางพนักงานจะเข้ามาในช่วงเย็นเพื่อจัดการห้องพักให้เรียบร้อย และปรับให้บรรยากาศเอื้อต่อการนอนหลับพักผ่อนครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารและบาร์ (หนึ่งในนั้นคือ Skylounge ที่ตั้งอยู่ที่ rooftop ของโรงแรม)
- ฟิตเนสเซนเตอร์ สระว่ายน้ำกลางแจ้ง และจากุชชี่
- ซาวน่าและ Hammam
- บริการนวดและทรีตเมนต์ รวมไปถึง Hair Salon
- ห้องประชุม สัมมนา และจัดอีเวนต์
- ที่จอดรถของโรงแรม (ไม่ฟรี)
สรุป
จุดเด่น
Royal Savoy Hotel and Spa
โรงแรมสุดหรูที่ได้รับการตบแต่งอย่างสวยงามด้วยการผสานโลกเก่าและโลกใหม่ ทำเลของโรงแรมสะดวกต่อการเดินชมทะเลสาบ และกลับไปใจกลางเมืองเพื่อหาอะไรรับประทานและช้อปปิ้ง ส่วนตัวห้องนั้นให้พื้นที่ใช้สอยอย่างเพียงพอ เช่นเดียวกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบเครื่อง
ด้านบริการสปานั้น ผู้เข้าพักจำนวนมากชมว่าไม่ผิดหวัง เช่นเดียวกับการบริการอันอบอุ่นจากพนักงานครับ สิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะเป็นจุดด้อยคือ เหล่าผู้เข้าพักเหมือนจะเห็นไม่ตรงกันในเรื่องคุณภาพของอาหารครับ
4. Château d’Ouchy
Château d’Ouchy เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวที่ทำเลที่ตั้งนั้นเรียกได้ว่าเกิน 5 ดาว เพราะว่าตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวาในย่าน Ouchy โดยอยู่ห่างจากท่าเรือแค่ 200 เมตร ส่วนด้านหน้าของโรงแรมเป็นสวนสาธารณะริมทะเลสาบที่มีชื่อเสียงของเมืองโลซานน์ครับ
ตัวโรงแรมนั้นล้อมรอบไปด้วยร้านอาหาร ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้บริการได้อย่างอิสระ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องไม่มีอะไรรับประทานครับ ส่วนการเดินทางนั้น โรงแรมอยู่ใกล้กับสถานี Ouchy-Olympique (200 เมตร) ทำให้ไม่เป็นปัญหาถ้าคุณอยากจะเข้าตัวเมืองไปชมมหาวิหารโลซานน์ครับ
- ที่ตั้ง: Pl. du Port, 1006 Lausanne, Switzerland
- Check-in/out: 15.00/12.00
ห้องพัก
โรงแรมตั้งอยู่ในปราสาทเก่าสมัยศตวรรษที่ 12 และได้รับการขึ้นทะเบียนจากรัฐบาลสวิสให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ตัวปราสาทนั้นได้รับการปรับปรุงในช่วงศตวรรษที่ 19 ให้เป็นแบบสไตล์ Neo-Gothic อย่างที่ปรากฏในปัจจุบันครับ
หลังจากนั้นที่นี่ก็ได้เป็นโรงแรมที่รองรับแขกระดับ VIP-VVIP มานับไม่ถ้วน โดยเฉพาะในช่วงปี ค.ศ.1923 ที่มีการทำสนธิสัญญาโลซานน์ระหว่างตุรกี (หรือออตโตมัน) กับชาติตะวันตกครับ
ตัวห้องพักในปัจจุบันนั้นได้รับการปรับปรุงให้เป็นสไตล์โมเดิร์นที่ดูหรูเรียบและสวยงาม ทว่าบางห้องจะมีกลิ่นอายความเป็นยุคกลางหลงเหลืออยู่ (เช่นกำแพงหิน เพดานไม้ ฯลฯ) เพราะฉะนั้นใครที่ชอบเหล่าอัศวินจากเกมต่างๆ นี่เป็นที่พักที่น่าสนใจมากเลยครับ
รูปแบบห้องที่มีให้เลือกจองมีดังต่อไปนี้
- Superior – 23 ตร.ม. เลือกวิวได้ระหว่างวิวทะเลสาบและวิวเมือง
- Deluxe – 35 ตร.ม. เลือกวิวได้เหมือน Superior แต่ห้องนี้จะเลือกเตียงสี่เสาแทนที่เตียง King ธรรมดาได้ ซึ่งถ้าคุณอยากนอนเตียงแบบเจ้าหญิงในเทพนิยายฝรั่งสักครั้ง ผมแนะนำให้ลองเลือกดูครับ
- Junior Suite – 40-45 ตร.ม. ในห้องนี้จะมีเสาโค้งเหมือนกับปราสาทยุคกลาง
- Terrace Suite – 65 ตร.ม. ห้องแบบร่วมสมัยที่มีจุดเด่นที่มี rooftop ข้างหลังคาของปราสาท เพราะฉะนั้นคุณจะชมวิวจากมุมสูง และมองลงมาเบื้องล่างราวกับว่าเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายครับ
- Riviera Suite – 66 ตร.ม. ห้องแบบผสมที่สวยมีสไตล์ ตั้งแต่หน้าต่างโค้งที่คุณมองลงไปชมทะเลสาบเจนีวาได้ ซึ่งให้ประสบการณ์ราวกับว่าคุณเป็นราพันเซล ไปจนถึงเพดานที่ตบแต่งอย่างวิจิตร
- Knight’s Suite – 100 ตร.ม. ห้องนอนของท่านลอร์ดในสมัยโบราณที่ปรับเป็นห้องสวีทที่ไม่เหมือนที่ใด ด้านในห้องมีเพดานไม้ เสารูปตัว Gargoyle ไปจนถึงกระจกแบบ stained glass แบบในโบสถ์คริสต์ ฯลฯ
ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นถือว่าทันสมัยมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทำกาแฟ (ของ Malongo หรือ Nespresso) ไปจนถึงทีวีแบบ flat-screen นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อาบน้ำและสกินแคร์จากแบรนด์ Cinq Mondes มินิบาร์ฟรี โต๊ะทำงาน โซฟา ฯลฯ ช่วยให้คุณพักผ่อนได้แบบสบายที่สุด แต่ในบรรยากาศแบบยุคกลางครับ
ด้านพื้นที่ใช้สอยนั้น ห้องแต่ละระดับของที่นี่จะสูสีกับโรงแรมระดับ 4 ดาวทั่วไปในสวิสเซอร์แลนด์ ดังนั้นคุณจะพักได้สบายๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความอึดอัดครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารและบาร์
- ฟิตเนสและสระว่ายน้ำแบบกลางแจ้ง
- บริการสปา (ซาวน่าและ Hammam) และทรีตเมนต์
- ห้องจัดเลี้ยงและประชุม
- ที่จอดรถของโรงแรม
สรุป
จุดเด่น
Château d’Ouchy
โรงแรมในปราสาทโบราณที่ให้คุณสัมผัสประสบการณ์แบบยุคกลางราวกับว่าหลุดออกมาจากเทพนิยายตะวันตก ซึ่งผู้เข้าพักส่วนใหญ่รู้สึกประทับใจ แต่ตัวห้องก็ยังคง room facilities อย่างครบครัน ทำให้คุณยังคงได้รับความสบายเต็มเปี่ยม ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็ไม่ได้บกพร่อง เช่นเดียวกับการบริการครับ
อนึ่งทำเลและวิวของโรงแรมนั้นดีมากก็จริง เพราะตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ทว่าก็อยู่ใกล้กับสวนสาธารณะใหญ่ที่มักมีการจัดเทศกาลดนตรีหรือคอนเสิร์ตด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นในบางคืนอาจจะมีเสียงดังรบกวนได้ครับ
5. Hotel Angleterre & Résidence
Hotel Angleterre & Résidence เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมถ้าคุณอยากพักริมทะเลสาบเจนีวา แต่ไม่อยากจ่ายราคาต่อคืนที่สูงเท่ากับโรงแรม 5 ดาว ตัวโรงแรมนั้นอยู่ละแวกเดียวกับ Château d’Ouchy ทำให้สะดวกต่อการชมทะเลสาบ หาอะไรรับประทาน เช่นเดียวกับเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ภายในเมืองโลซานน์ครับ
- ที่ตั้ง: Pl. du Port 11, 1006 Lausanne, Switzerland
- Check-in/out: 15.00/12.00
ห้องพัก
โรงแรมตั้งอยู่ใน pavilion 4 แห่งที่สร้างขึ้นแบบ English style ในช่วงศตวรรษที่ 18 ทำให้มีกลิ่นอายความเป็นอังกฤษอยู่เต็มเปี่ยมยามที่คุณเข้าไปในตัวโรงแรม ส่วนห้องพักนั้นได้รับการตบแต่งในแบบโมเดิร์น แต่ก็มีเฟอร์นิเจอร์แนวคลาสสิคที่แสดงออกถึงความ vintage ครับ
ทั้งนี้ห้องพักในโรงแรมมีแค่ 3 แบบเท่านั้นได้แก่ Superior (24 ตร.ม.), Executive (30 ตร.ม.) และ Junior Suite (35 ตร.ม.) คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการวิวทะเลสาบหรือว่าวิวสวน แต่เตียงนั้นจะเป็นแบบ King-size ทุกห้องครับ ขณะที่ด้านพื้นที่ใช้สอยก็ถือว่าใช้ได้ จะมีเพียงห้อง Junior Suite เท่านั้นที่ดูเล็กไปหน่อยครับ
ส่วน room facilities นั้นครบครัน ไม่ว่าจะเป็นชุดชากาแฟ มินิบาร์ฟรี ทีวีพร้อมระบบดาวเทียม โซฟา และโต๊ะทำงาน ช่วยให้คุณพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่มในยามค่ำคืนครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารและบาร์
- ห้องฟิตเนสและสระว่ายน้ำกลางแจ้ง
- บริการนวดและทรีตเมนต์
- ที่จอดรถ
สรุป
จุดเด่น
Hotel Angleterre & Résidence
โรงแรมแนว English style ที่มีเสน่ห์ในตัว ทำเลของโรงแรมอยู่ริมทะเลสาบซึ่งแวดล้อมด้วยร้านอาหารจำนวนหนึ่ง และไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ทำให้สะดวกต่อการเดินทาง ด้านห้องพักระดับมาตรฐานก็กว้างขวางดี และพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น นอกจากนี้อาหารเช้าของโรงแรมยังรสชาติดีเยี่ยม เช่นเดียวกับการบริการที่ได้มาตรฐานครับ
6. Hôtel des Voyageurs Boutique
Hôtel des Voyageurs Boutique เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ของสายช้อป เพราะว่าตั้งอยู่ใจกลางย่านช้อปปิ้งของเมืองโลซานน์ ซึ่งมีร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหารรวมแล้วนับร้อยแห่ง เพราะฉะนั้นถ้าคุณพักที่นี่ คุณจะเดินเลือกหาสินค้าตามถนนตรอกซอกซอยได้อย่างเต็มอิ่มเลยครับ
ส่วนเรื่องการเดินทางนั้น แน่นอนว่าสะดวกสบาย เพราะว่าสถานี Lausanne-Flon ห่างจากโรงแรมไปแค่ 300 เมตรเท่านั้นครับ
- ที่ตั้ง: Rue Grand-Saint-Jean 19, 1003 Lausanne, Switzerland
- Check-in/out: 14.00/11.00
ห้องพัก
อาคารที่โรงแรมตั้งอยู่นั้นเป็นสไตล์ Art Deco แต่ว่าห้องพักทุกห้องของที่นี่เป็นแบบร่วมสมัยที่เน้นมอบความอบอุ่นให้กับผู้เข้าพักเป็นหลักครับ ทั้งนี้รูปแบบห้องที่มีให้จองมีดังต่อไปนี้
- Classic – 17-20 ตร.ม.
- Superior – 23-26 ตร.ม.
- Deluxe – 26 ตร.ม.
- Suite – 40 ตร.ม.
ทุกห้องพักนั้นคุณสามารถ customize ได้ไม่ว่าจะเป็นเตียง (Queen/Twin/King) แต่วิวจะมีแค่แบบเดียวนั่นคือวิวตัวเมืองครับ ด้านพื้นที่ใช้สอยนั้น แต่ละห้องจัดว่าใหญ่ตามระดับมาตรฐานของโรงแรม 3 ดาวครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกในทุกห้องถือว่าครบถ้วนทุกสิ่งที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน เครื่องเป่าผม อุปกรณ์อาบน้ำ ชาและกาแฟ ส่วนห้องสวีทนั้นจะเพิ่มห้องนั่งเล่นเข้ามาครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- บริการอาหารเช้าของโรงแรม
- ห้องฟิตเนส
สรุป
จุดเด่น
Hôtel des Voyageurs Boutique
โรงแรมระดับ 3 ดาวแนว Bed & Breakfast ซึ่งตั้งอยู่ในย่านถนนคนเดิน ทำให้สะดวกต่อการเดินชมเมืองเก่าอย่างยิ่ง แต่ละห้องพักไม่ได้ใหญ่มาก แต่สะอาดและมีครบทุกสิ่งที่คุณจะได้ใช้งาน นอกจากนี้ในการจองยังรวมอาหารเช้ารสชาติดีด้วย ขณะที่การบริการก็อบอุ่นตามแบบโรงแรมของครอบครัวชาวสวิสทั่วไปครับ
ถึงกระนั้นจุดด้อยของที่นี่คือในช่วงกลางคืน บริเวณโรงแรมอาจจะเสียงดังได้เพราะเป็นย่านถนนคนเดินที่มีผู้คนพลุกพล่านครับ
7. Moxy Lausanne City
Moxy Lausanne City เป็นโรงแรมธุรกิจจากเครือ Marriott ที่หลายคนน่าจะเคยเห็นผ่านตามาบ้าง ตัวโรงแรมนั้นจะเป็นสไตล์ chic ที่ตรงกับคอนเซปต์ของโรงแรมที่ตอบโจทย์ผู้เข้าพักแบบวัยรุ่นครับ ที่ตั้งของโรงแรมของใกล้กับบริเวณใจกลางเมืองโลซานน์ โดยอยู่ห่างจากสวน Esplanade de Montbenon ที่มีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามไปแค่ 300 เมตรเท่านั้น
ส่วนร้านอาหารนั้น ในระยะ 300 เมตรจากตัวโรงแรมมีให้เลือกหลากหลายเลยครับ ซึ่งรวมไปถึง McDonald’s ด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องอา่หารการกินไม่ต้องกังวลครับ ขณะที่สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือ Vigie ที่ห่างจากโรงแรมไปแค่ 100 เมตรเท่านั้นเองครับ
- ที่ตั้ง: Rue de la Vigie 3, 1003 Lausanne, Switzerland
- Check-in/out: 15.00/12.00
ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่เป็นแบบร่วมสมัย แต่จะใส่ความ chic และความชิลของคนรุ่นใหม่ลงไปด้วย เพราะฉะนั้นบรรยากาศในห้องจะดูทันสมัยรับกับวัยรุ่นมากเป็นพิเศษครับ
ตัวเลือกห้องของที่นี่มีแค่สองแบบเท่านั้นนั่นคือ Queen และ Twin โดยทั้งสองแบบมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 17 ตร.ม. ซึ่งใหญ่เท่ากับมาตรฐานของโรงแรม 3 ดาวในโลซานน์ โดยส่วนตัวผมมองว่าพักได้ 2 คนสบายๆ แต่ว่าถ้าสัมภาระมากจริงๆ ก็จะอึดอัดได้ไม่ยากเลยครับ
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นจะไม่ต่างกับโรงแรมธุรกิจทั่วไปเท่าไรนัก ในห้องจะมีโต๊ะ อุปกรณ์อาบน้ำ เครื่องเป่าผม ไปจนถึงทีวีพร้อมระบบดาวเทียมครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ห้องอาหารเช้าและบาร์
- ห้องประชุม
สรุป
จุดเด่น
Moxy Lausanne City
ที่พักที่เน้นความอินเทรนด์ ทันสมัย ดูชิค ซึ่งเหมาะกับนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวเป็นพิเศษ ด้านทำเลก็สะดวกสบายสำหรับนักเดินทางทุกรูปแบบ ส่วนตัวห้องไม่ได้ใหญ่มากและมีให้เลือกแค่แบบเดียว แต่ก็พักได้สบายในระดับหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการบริการอันเป็นมืออาชีพจากพนักงานครับ
8. Best Western Plus Hotel Mirabeau
Best Western Plus Hotel Mirabeau เป็นโรงแรมราคาไม่แรงที่ทำเลที่ตั้งใช้ได้ โดยอยู่ห่างจากสถานีรถไฟหลักของโลซานน์ (Lausanne Station) ไปประมาณ 500 เมตร ทำให้การเดินทางทั้งในและนอกเมืองเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ขณะที่ใกล้กับโรงแรมมีร้านอาหารอยู่พอสมควร แต่ไม่มากนัก ผมแนะนำให้เดินไปบริเวณย่านการค้าและถนนคนเดิน (Rue de Bourg) ซึ่งห่างไปประมาณ 600 เมตรจะมีร้านให้เลือกมากกว่าหลายเท่าเลยครับ
- ที่ตั้ง: Av. de la Gare 31, 1003 Lausanne, Switzerland
- Check-in/out: 14.00/12.00
ห้องพัก
โรงแรมแห่งนี้เปิดบริการในปี ค.ศ.1911 ซึ่งเป็นเวลานานเกินกว่าศตวรรษแล้ว แต่ก็ได้รับการปรับปรุงตัวห้องให้ทันสมัยมาทุกยุคทุกสมัย ปัจจุบันห้องพักจะเป็นสไตล์โมเดิร์นที่มีกลิ่นอายของยุคตอนกลางศตวรรษที่ 20 อยู่พอสมควรครับ
รูปแบบห้องพักที่มีให้จองมีดังต่อไปนี้
- Superior – 16-20 ตร.ม. เห็นวิวสวนหรือวิวทะเลสาบ ห้องที่เห็นทะเลสาบจะมีระเบียงชมวิวและหน้าต่างแบบ floor-to-ceiling
- Standard – 18 ตร.ม.
- Superior Triple – 27 ตร.ม.
- Junior Suite – 30 ตร.ม.
- Family Suite – 40 ตร.ม.
- Lake View Suite – ขนาดไม่ระบุ แต่น่าจะประมาณ 40 ตร.ม.
ในฐานะที่เป็นโรงแรม 4 ดาว ห้องของที่นี่จัดว่าเล็กทีเดียวในทุกระดับครับ ซึ่งจะเพียงพอกับผู้เข้าพัก 2-3 ท่านพอดี ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานถือว่าครบแบบโรงแรมธุรกิจ นั่นคือมีโต๊ะทำงาน กาต้มน้ำสำหรับชงกาแฟและชาดื่ม และทีวีครับ
Facilities และบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารและบาร์
- ห้องประชุม สัมมนา และจัดเลี้ยง
- ที่จอดรถของโรงแรม
สรุป
จุดเด่น
Best Western Plus Hotel Mirabeau
โรงแรมในเครือ Best Western ที่ผู้เข้าพักหลายคนชมว่าคุ้มค่าค่าห้อง เนื่องด้วยห้องพักคุณภาพดีที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไปจนถึงทำเลที่ตั้งที่สะดวกต่อการเดินชมเมือง และการบริการที่เป็นมิตรและเปี่ยมด้วย service mind ของพนักงานครับ
อย่างไรก็ดีห้องพักของที่นี่ถือว่าเล็กถ้าเปรียบกับโรงแรมระดับ 4 ดาวอื่นๆ ครับ
9. ที่พักอื่นๆ ในโลซานน์
- Hôtel des Patients – ที่พักที่ทำเลไม่ค่อยดีนัก เพราะว่าอยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปทางเหนือ (คนละฝั่งกับทะเลสาบเจนีวา) แต่ใกล้กับสถานีรถไฟ ทำให้การเดินทางสะดวกในระดับหนึ่ง ห้องพักของโรงแรมมีคุณภาพ และราคาไม่แรงมากนักครับ