โมริโอกะ (Morioka) คือเมืองหลวงของจังหวัดอิวาเตะ (Iwate Prefecture) ในภูมิภาคโทโฮคุของประเทศญี่ปุ่น ตัวเมืองเป็นศูนย์กลางการค้าและการคมนาคมและพื้นที่แถบนี้มาตั้งแต่โบราณครับ
แม้ว่าโมริโอกะจะไม่ได้เป็นจุดหมายหลักของนักเดินทางส่วนใหญ่ที่เดินทางมาเยี่ยมเยือนญี่ปุ่น แต่เมืองนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจ ควบคู่กับวัฒนธรรมดั้งเดิมที่โดดเด่นครับ
ในบทความนี้ผมจะเริ่มต้นด้วยการแนะนำความเป็นมาของตัวเมืองคร่าวๆ หลังจากนั้นจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
ความเป็นมาของโมริโอกะ (Morioka)
ถ้าว่ากันถึงเรื่องความเก่าแก่แล้ว โมริโอกะน่าจะถือว่าเป็นเมืองเก่าไม่แพ้เมืองใดในญี่ปุ่น เพราะบริเวณโดยรอบได้มีการค้นพบสุสานเก่าแก่ที่ย้อนไปได้ถึงยุคโจมง (10000-300 ปีก่อนคริสตกาล) ดังนั้นแสดงให้เห็นว่าพื้นที่บริเวณตัวเมืองมีมนุษย์อยู่อาศัยอยู่เป็นเวลานานแล้วครับ
ในช่วงยุคเฮอัน โมริโอกะได้กลายเป็นเมืองที่ราชสำนักใช้กำกับดูแลพื้นที่ทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู โดยมีการส่งทหารมาประจำที่นี่ ตัวเมืองจึงได้กลายเป็นเมืองสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคแห่งนี้ ต่อมาตัวเมืองก็ได้เจริญขึ้นตามลำดับภายใต้การปกครองของไดเมียวตระกูลอาเบะ (Abe)
อย่างไรก็ดีในช่วงศตวรรษที่ 11-16 โมริโอกะได้อยู่ในการครอบครองของตระกูลซามูไรที่พ่ายแพ้สงครามกลางเมืองติดๆ กัน และถูกแย่งชิงไปมาอีก ทำให้ตัวเมืองไม่ได้มีโอกาสที่ดีที่จะพัฒนาไปเป็นเมืองสำคัญของประเทศ
ช่วงยุคเซ็นโกกุและสมัยเอโดะ ตัวเมืองได้ถูกปกครองโดยตระกูลนันบุ (Nanbu) ซึ่งได้เปลี่ยนโมริโอกะเป็นเมืองปราสาทที่เป็นศูนย์กลางการปกครองดินแดนของตน ทำให้เมืองเจริญขึ้นตามลำดับ
แต่แล้วประวัติศาสตร์ก็กลับมาซ้ำรอยอีก เพราะโมริโอกะได้อยู่ฝั่งแพ้สงครามอีกครั้งในสงครามโบชิน (Boshin War) เนื่องจากตระกูลนันบุสนับสนุนรัฐบาลโชกุนโตกุกาวะ แต่ตัวเมืองไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก
รัฐบาลเมจิที่ได้เข้าปกครองเมืองนี้โดยตรงได้สถาปนาโมริโอกะเป็นเมืองหลวงของจังหวัดอิวาเตะในปี ค.ศ.1889 และได้มีการเชื่อมทางรถไฟระหว่างเมืองนี้เข้ากับเมืองหลวงอย่างโตเกียวในปีถัดมา ทำให้การคมนาคมของตัวเมืองพัฒนายิ่งขึ้น
นับตั้งแต่บัดนั้นก็ไม่ได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับเมืองเท่าไรนัก ในช่วงสงครามเอง โมริโอกะก็โดนทิ้งระเบิดเล็กน้อยเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ทำให้แทบไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แม้กระทั่งในตอนปี ค.ศ.2011 ที่มีแผ่นดินไหวใหญ่ในภูมิภาคโทโฮคุ ตัวเมืองก็ไม่มีอะไรเสียหายเลย นอกจากไฟดับทั้งเมืองเท่านั้นเองครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปยังโมริโอกะทำอย่างไร?
การเดินทางจากโตเกียวไปยังโมริโอกะถือว่าสะดวกสบายมาก โดยคุณมีตัวเลือกดังต่อไปนี้
- ชินคันเซ็น – วิธีการที่ง่ายและเร็วที่สุดในการเดินทางไปยังโมริโอกะคือการใช้บริการ JR Tohoku Shinkansen เพราะรถไฟชินคันเซ็นจะนำคุณไปถึงตัวเมืองได้ภายในเวลาไม่เกินสองชั่วโมงครึ่งเท่านั้น แถมคุณยังสามารถใช้ Japan Rail Pass ได้อีกด้วย แต่ถ้าจ่ายเต็มราคาจะอยู่ที่ 15,000 เยนครับ
- รถบัส – รถบัสเป็นตัวเลือกราคาประหยัดสำหรับการเดินทางจากโตเกียวมายังโมริโอกะ โดยค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 4,000-11,000 เยนต่อเที่ยว แต่การเดินทางจะใช้เวลานานถึง 8 ชั่วโมง ทั้งนี้รถส่วนใหญ่จะให้บริการแบบข้ามคืนครับ
- เช่ารถขับ – สำหรับใครที่เช่ารถขับท่องเที่ยวในญี่ปุ่น โมริโอกะเป็นเมืองทางผ่านสำคัญก่อนที่จะไปถึงจังหวัดทางตอนเหนือของเกาะฮอนชูอย่างอาโอโมริ รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในจังหวัดอิวาเตะ (อย่างเช่น Mount Iwate) ดังนั้นคุณสามารถพักชมวิวสั้นๆ ก่อนที่จะเดินทางไปต่อได้เช่นกัน
ข้อมูลต่างๆ อ้างอิงจากเว็บไซต์ Visit Iwate (เว็บไซต์ทางการของการท่องเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ) แต่โปรดตรวจสอบที่ต้นทางอีกครั้งก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลเหล่านี้เปลี่ยนได้ตลอดครับ
สำหรับใครที่ยังหาที่พักในเมืองไม่ได้ ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักในโมริโอกะของผมเพิ่มเติมครับ
1. ชมวิวที่ Morioka Castle Ruins Park
สวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle) ซึ่งน่าจะเป็นปราสาทที่โชคร้ายที่สุดในญี่ปุ่น ตัวปราสาทสร้างเสร็จสิ้นโดยตระกูลนันบุในปี ค.ศ.1633 แต่กลับเกิดไฟไหม้ทำให้ตัวปราสาท 3 ชั้นถูกทำลายจนหมดสิ้น
หลังจากนั้นตระกูลนันบุเองก็ไม่ได้ต้องการจะเสียทรัพย์สินในการสร้างปราสาทใหม่ขึ้นมา พวกเขาจึงทิ้งโครงร่างของปราสาทไว้เหลืออย่างที่เห็นในปัจจุบัน
หลายร้อยปีต่อมาตระกูลนันบุก็ได้มอบสวนนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเมืองโมริโอกะ ซึ่งทางตัวเมืองก็ได้ปลูกต้นซากุระกว่าสองร้อยต้น ที่นี่จึงเป็นจุดชมซากุระอันดับหนึ่งของเมืองครับ นอกจากนี้ต้นไม้อื่นๆ ก็มีการปลูกอย่างร่มรื่น โดยเฉพาะต้นพลัม ทำให้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สวนแห่งนี้จึงมีใบไม้เปลี่ยนสีอันสวยงามให้ชมไม่แพ้กัน
2. ชมตึกเก่าของธนาคารอิวาเตะ
โมริโอกะมีอาคารเก่ายุคต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งสวยงาม โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์อยู่แห่งหนึ่ง นั่นคือธนาคารอิวาเตะ (Bank of Iwate) สาขานากาโนะฮาชิ
ตัวตึกสร้างจากอิฐสีแดงในดีไซน์แบบตะวันตกที่หาชมได้ยากในประเทศญี่ปุ่น และจัดว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองเลยก็ว่าได้ครับ ในอดีตธนาคารอิวาเตะเคยใช้ที่นี่เป็นสำนักงานใหญ่ก่อนที่จะย้ายไปที่อื่นครับ
3. เยี่ยมเยือนฟาร์มโคอิไว
ฟาร์มโคอิไว (Koiwai Farm) เป็นฟาร์มวัวนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น โดยมีพื้นที่มากถึง 3,000 เฮกเตอร์ด้วยกัน นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในฟาร์มที่เก่าแก่ที่สุดด้วย เพราะดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1891 เลยครับ
นอกจากความใหญ่แล้ว ฟาร์มโคอิไวยังตั้งอยู่ที่เชิงเขาของภูเขาไฟอิวาเตะ ทำให้คุณสามารถชมวิวทุ่งหญ้าที่มีภูเขาไฟที่หิมะปกคลุม ซึ่งสวยงามมาก โดยเฉพาะจุดที่มีต้นซากุระอายุหนึ่งร้อยปีตั้งอยู่ครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการลิ้มรสผลิตภัณฑ์นมรสชาติเยี่ยมจากฟาร์มแห่งนี้ ไม่เพียงเท่านั้นคุณยังสามารถขี่ม้า ลองรีดนมวัว และชมการแสดงต่างๆ ได้อีกมากเลยครับ นอกจากนี้เทศกาลหิมะของจังหวัดอิวาเตะ (ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ) ก็ยังจัดขึ้นที่นี่อีกด้วยในทุกเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
ด้วยความที่มีกิจกรรมน่าสนใจจำนวนมาก คุณควรเผื่อเวลาหลายชั่วโมงสำหรับการมาเที่ยวชมฟาร์มแห่งนี้ครับ
4. ชมรูปปั้นพระ 500 องค์ที่วัดฮุนจิ
วัดฮุนจิ (Hoonji Temple) ในเมืองโมริโอกะเป็นวัดเซนเก่าแก่ที่มีรูปปั้นพระประดิษฐานอยู่ถึง 500 องค์ด้วยกัน ซึ่งสร้างมาจากไม้ และเป็นผลงานของช่างฝีมือจากเกียวโต พระเหล่านี้เป็นเหล่าสาวกของพระพุทธเจ้า ซึ่งคุณจะเห็นอย่างชัดเจนว่าแต่ละองค์มีสีหน้าและท่าทางที่แตกต่างกันครับ
5. ชมเทศกาลโมริโอกะซานซะโอโดริ
ในช่วงเดือนต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี เมืองโมริโอกะจะมีการจัดเทศกาลขนาดใหญ่ขึ้นชื่อว่าโมริโอกะซานซะโอโดริ (Morioka Sansa Odori Festival) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในห้าสุดยอดเทศกาลแห่งภูมิภาคโทโฮคุ และมีผู้เข้าร่วมการแสดงนับหมื่นคนเลยทีเดียว
การแสดงที่ว่าคือการแสดงตีกลองไทโกะ (Taiko) และการเต้นรำ โดยผู้แสดงนับหมื่นจะสวมใส่ชุดพื้นเมืองและเดินพาเหรดไปตามถนนอย่างยิ่งใหญ่ครับ ดังนั้นถ้าคุณไปเที่ยวโมริโอกะในช่วงนั้น ผมแนะนำว่าไม่ควรพลาดเลยครับ
6. ลิ้มรสอาหารพื้นเมือง
โมริโอกะเป็นเมืองที่มีร้านขายอาหารกว่า 1,500 แห่ง ดังนั้นถ้าไปถึงที่แล้ว คุณย่อมไม่ควรพลาดลิ้มลองอาหารพื้นเมืองแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนูเหล่านี้ครับ
- Wanko Soba – เส้นโซบะที่เสิร์ฟมาในรูปแบบพอดีคำในถ้วยขนาดเล็ก ซึ่งพ่อครัวจะเสิร์ฟให้เรื่อยๆ จนกว่าคุณจะแจ้งว่าอิ่มแล้ว ซึ่งการเสิร์ฟแบบนี้เป็นหนึ่งในธรรมเนียมของจังหวัดอิวาเตะครับ
- Morioka Reimen – เมนูหมี่เย็นซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากการคิดค้นสูตรโดยผู้อพยพชาวเกาหลี หมี่เย็นนี้จะเสิร์ฟคู่กับกิมจิ ไข่ แตงกวา ผลไม้ต่างๆ รวมไปถึงเนื้อหมูครับ
- Jajamen – เมนูหมี่แห้งซึ่งทางญี่ปุ่นรับมาจากจีน โดยทางร้านจะเสิร์ฟเส้นคู่กับมิโซะและไข่ดิบ วิธีการกินก็แค่คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากันเท่านั้นเองครับ หรือว่าคุณอาจจะขอซุปไข่ (ชิตันตัน – Chitantan) แล้วราดลงไปในเส้นเพื่อเพิ่มรสชาติก็ได้เช่นกัน
7. ช้อปปิ้งที่ตลาดในย่านไซโมคุโจ
ย่านไซโมคุโจ (Zaimokucho Neighborhood) ของเมืองโมริโอกะนั้นเป็นย่านการค้าขนาดใหญ่ที่ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นชื่นชอบ โดยในย่านนี้จะมีทั้งตลาดและร้านค้านับร้อยร้านเรียงรายติดกันเป็นระยะทางกว่า 400 เมตร ตามสองฝั่งของแม่น้ำคิตะคามิ
สินค้าที่ขายที่นี่มีตั้งแต่ผลไม้และผักสด และแน่นอนว่าอาหารญี่ปุ่นพื้นเมืองแบบ street food ให้ลองชิมหลายชนิด ตัวตลาดอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ (เดินประมาณ 10 นาที) ดังนั้นถ้าคุณมีเวลาเหลือในเมือง อย่าพลาดมาช้อปปิ้งที่ตลาดนี้ครับ