จังหวัดนากาโน่ (Nagano Prefecture) หรือนากาโนะเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศ ด้วยสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงที่เต็มไปด้วยภูเขามากมาย นากาโน่จึงมีภูมิประเทศแบบอัลไพน์ที่เย็นสบาย ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่พักตากอากาศชั้นยอด ไม่เพียงเท่านั้นนากาโน่ยังมีสกีรีสอร์ทระดับประเทศที่เคยเป็นสถานที่จัดโอลิมปิกฤดูหนาวมาแล้วอีกด้วย
เมืองหลวงของจังหวัดนากาโน่ก็คือเมืองนากาโน่ (Nagano City) ซึ่งมีชื่อเดียวกันกับตัวจังหวัด ในบทความนี้ผมจะแนะนำความเป็นมาของเมืองนากาโน่คร่าวๆ และจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในตัวเมืองและจังหวัดต่อไปครับ
ประวัติความเป็นมาของเมืองนากาโน่
เมืองนากาโน่มีต้นกำเนิดย้อนไปได้ถึงยุคนารา (ศตวรรษที่ 8) โดยตัวเมืองเติบโตขึ้นในฐานะเป็นเมืองที่ขยายขึ้นจากวัดเซ็นโคะจิ ทำให้นากาโน่เป็นเมืองที่ได้รับอิทธิพลของพระพุทธศาสนามาอย่างเต็มเปี่ยม
ตลอด 700 ปีหลังจากนั้น ตัวเมืองอยู่ในความสงบสุขมาโดยตลอด แต่ในช่วงศตวรรษที่ 16 นั้น ไดเมียวที่ทรงอำนาจที่สุดในแผ่นดินอย่างทาเคดะ ชินเก็น และอุเอะสึกิ เคนชินต่างทำสงครามใหญ่กันเพื่อแย่งชิงดินแดนบริเวณเมืองเหล่านี้ ทำให้พื้นที่โดยรอบเมืองได้รับความเสียหายอย่างหนัก
อย่างไรก็ดีตัวเมืองได้ฟื้นคืนกลับมาอย่างดีในสมัยเอโดะ โดยได้รับการปกครองโดยตระกูลซานาดะ (Sanada) ช่วงนี้นากาโน่ได้กลายเป็นเมืองแวะพักสำคัญของเหล่าพ่อค้าที่เดินทางระหว่างทะเลญี่ปุ่นและเมืองหลวงอย่างเอโดะ
หลังจากการปฏิวัติเมจิ นากาโน่ได้รับสถานะเป็นเมือง และได้สืบเนื่องมาต่อจนถึงปัจจุบัน ตัวเมืองและจังหวัดมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในปี ค.ศ.1998 เพราะการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวได้ถูกจัดขึ้นที่นี่นั่นเอง นับตั้งแต่บัดนั้นนากาโน่จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ถ้าคุณอยากมาเล่นสกีหรือชมความงามของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น (Japan Alps) ครับ
การเดินทางไปเที่ยวเมืองนากาโน่ทำอย่างไร?
เมืองนากาโน่ (Nagano) เป็นประตูสู่การท่องเที่ยวสถานที่อื่นๆ ในจังหวัดแห่งนี้ ซึ่งคุณสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายจากโตเกียว ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- Hokuriku Shinkansen – คุณสามารถนั่งชินคันเซนจากโตเกียวไปยังนากาโน่โดยตรง เวลาที่ใช้จะอยู่ที่ประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนราคาอยู่ที่ 8,000 เยน ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมอยู่ใน Japan Rail Pass แล้วครับ ดังนั้นวิธีนี้ถือว่าสะดวกสบายที่สุดเลยก็ว่าได้
- รถบัส – มีผู้ให้บริการหลายเจ้าที่ให้บริการรถบัสจากโตเกียวไปยังนากาโน่ เวลาที่ใช้จะอยู่ที่ 3-4 ชั่วโมง แต่ค่าบริการจะอยู่ที่ 2,000-4,000 เยน ซึ่งถูกกว่าชินคันเซนอยู่พอสมควรแล้วครับ
- เช่ารถขับ – นากาโน่อยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 240 กิโลเมตร ซึ่งถ้าคุณเช่ารถขับจากโตเกียว คุณสามารถขับไปได้ภายในเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครับ นอกจากนี้คุณยังสามารถขับไปสถานที่อื่นๆ นอกเมืองนากาโน่ได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย ทำให้การเช่ารถถือเป็นตัวเลือกที่ไม่แย่เลยครับ
สำหรับใครที่เที่ยวเมืองอื่นๆ ในจังหวัดอิชิกาวะ (อย่างเช่นคานาซาว่า) คุณสามารถนั่งชินคันเซนมาถึงนากาโน่ได้จากคานาซาว่า ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครับ
เลือกซื้อ Japan Rail Pass (JR Pass) แบบไหนดี?
เนื่องจากจังหวัดนากาโน่มีสถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมาก และยังอยู่ใกล้กับจังหวัดอื่นๆ ที่ที่น่าสนใจอย่างกิฟุและนีงาตะ การซื้อ Japan Pass แบบ Regional ที่ครอบคลุมเฉพาะภูมิภาคอย่างเช่น JR East Nagano/Niigata Area Pass หรือว่า Hokuriku Arch Pass ก็เป็นตัวเลือกที่เพียงพอแล้วครับ
ในส่วนของการซื้อนั้นควรซื้อล่วงหน้านอกญี่ปุ่นอย่างเช่นผ่าน Klook เพราะจะได้ราคาที่ถูกกว่าเล็กน้อยครับ
อย่างไรก็ดีคุณควรจะดูสถานที่ที่คุณอยากจะเดินทางไปประกอบด้วย เช่นเดียวกับแผนการเดินทางของคุณ เพราะเนื่องจากการปรับราคาขึ้นของ JR Pass ระยะหลัง ทำให้การซื้อตั๋วแบบปกติโดยไม่ใช้ JR Pass อาจจะเป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่าครับ
ไปเที่ยวนากาโน่ช่วงไหนดี?
นากาโน่สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ช่วงที่จะสวยพิเศษคือช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะเหล่าต้นไม้ตามแนวภูเขาในจังหวัดนากาโน่จะเปลี่ยนสีเป็นสีส้มสีแดงทั้งหมด ซึ่งวิวจะสวยระดับท็อปเลยทีเดียวครับ
ส่วนการไปเที่ยวฤดูอื่นก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน ช่วงฤดูหนาวเป็นอีกหนึ่งช่วงยอดนิยม เพราะสกีรีสอร์ทที่ฮาคุบะจะเปิดทำการ ทำให้นักสกีมหาศาลจากทั้งในและนอกญี่ปุ่นเดินทางมาที่นี่ครับ
ส่วนช่วงฤดูใบไม้ผลิก็งดงามไม่เบา เพราะซากุระจะเบ่งบานทั่วทั้งจังหวัด ซึ่งให้บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ เหมาะกับคู่รัก สำหรับช่วงฤดูร้อนนั้นก็เป็นช่วงที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ เช่นวิ่ง ขี่จักรยาน ฯลฯ
สำหรับใครที่ต้องการพักในเมืองนากาโน่ และยังไม่ได้จอง ผมแนะนำให้อ่านบทความโรงแรมในเมืองนากาโน่น่าจองของผมเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
สถานที่เที่ยวและกิจกรรมน่าสนใจในเมืองนากาโน่
1. ชมวัดเซ็นโคะจิ
วัดเซ็นโคะจิ (Zenkoji Temple) เป็นวัดที่สำคัญที่สุดในเมืองนากาโน่ เพราะเป็นรากฐานที่ให้กำเนิดตัวเมืองแห่งนี้ ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นวัดสำคัญลำดับต้นๆ ของประเทศด้วย เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปฮิบุตสึ (Hibutsu) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกของญี่ปุ่นที่นำมาจากอินเดียครับ
พระพุทธรูปองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์มาก ในความเชื่อของศาสนาพุทธมหายานนิกายสุขาวตีของญี่ปุ่นกล่าวไว้ว่า องค์พระฮิบุตสึสามารถนำศาสนิกทุกคนไปสู่ดินแดนสุขาวตีได้หลังจากที่ล่วงลับไปแล้ว ตัววัดจึงเป็นสถานที่แสวงบุญของชาวพุทธญี่ปุ่นมาทุกยุคทุกสมัย แม้กระทั่งในปัจจุบันครับ
อย่างไรก็ดีทางวัดไม่ได้อนุญาตให้ใคร (แม้กระทั่งเจ้าอาวาส) เข้าชมองค์พระฮิบุตสึนี้ แต่จะนำองค์จำลองออกมาให้ผู้แสวงบุญบูชาทุก 6 ปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งช่วงต่อไปจะจัดขึ้นในปี ค.ศ.2028 ครับ
ตัววัดเซ็นโคะจินี้สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.642 แต่ตัววัดหลงเหลือในปัจจุบันนั้นส่วนมากจะมาจากการสร้างใหม่ในปี ค.ศ.1707 ครับ ซึ่งตัวประตูทางเข้า โบสถ์ และอารามต่างๆ ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และงดงามยิ่ง
ภายในวัดมีพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ที่สวยงามอยู่หลายองค์ด้วยกัน รวมไปถึงพระอรหันต์ด้วย องค์พระที่คนญี่ปุ่นจำนวนมากศรัทธาคือพระบินสึรุ (Binzuru) หนึ่งในสิบหกอรหันต์ เพราะเชื่อกันว่ามีฤทธิ์มากและสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ครับ
แต่กิจกรรมที่ผู้แสวงบุญทุกคนจะต้องไปทำก็คือ การเดินในอุโมงค์ใต้ดินครับ ซึ่งทางเดินในอุโมงค์จะยาวแค่ 45 เมตร แต่อยู่ภายใต้ความมืดสนิทที่เป็นสัญลักษณ์ของโลกหลังความตาย เป้าหมายของการเดินคือคุณจะต้องสัมผัสกับ “กุญแจสู่ความสุขนิรันดร์” ซึ่งติดอยู่ที่บริเวณทางเดินด้านขวาครับ ถ้าสัมผัสโดน คุณก็จะได้ไปสู่ดินแดนสุขาวตีนั่นเอง
ในช่วงตอนเช้าตรู่ วัดเซ็นโคะจิจะมีพิธีกรรมอำนวยพรให้กับเหล่าศาสนิก ซึ่งคุณจะเห็นชาวญี่ปุ่นคุกเข่าลงและนั่งรับพรจากพระผู้ใหญ่ของวัดครับ แน่นอนว่าคุณสามารถเข้าร่วมพิธีนี้ได้เช่นกัน
2. สักการะศาลเจ้าโทกะกุชิ
ศาลเจ้าโทกะกุชิ (Togakushi Shrine) เป็นศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ห้าแห่งซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองนากาโน่ ที่นี่เป็นสถานที่แสวงบุญของชาวชินโตและพุทธมานานถึง 800 ปีด้วยกันครับ โดยแบ่งออกเป็นสามส่วนหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่ Hoko-Sha, Chu-Sha และ Oku-Sha
ตัวศาลเจ้าจะตั้งอยู่บนภูเขา ซึ่งคุณสามารถเลือกระหว่างนั่งรถบัสตรงไปที่ศาลเจ้าใดศาลเจ้าหนึ่ง หรือว่าไปที่ศาลเจ้าล่างหรือบนสุด แล้วเดินตามเส้นทางขึ้นหรือลงมาก็ได้ครับ
ถ้าเลือกแบบหลังนี่คุณจะเดินหลายกิโลเมตร แต่คุณจะได้เดินตามเส้นทางที่มีต้นไม้เก่าแก่อายุหลายร้อยปีเรียงกันตามสองข้างทาง ซึ่งจะให้บรรยากาศอันเงียบสงบ เหมาะสำหรับการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานครับ นอกจากนี้ตามเส้นทางยังมีร้านอาหาร ร้านขายของ รวมไปถึงร้านขายไอศกรีมอีกด้วยครับ
3. เที่ยวหมู่บ้านนินจา
ในอดีตนากาโน่มีสำนักนินจาที่มีชื่อเสียงอย่างสำนักโตกากุเระ ดังนั้นจึงได้มีการสร้างหมู่บ้านนินจาขึ้นมาเพื่อนำเสนอเทคนิคต่างๆ ของนินจาในสมัยนั้น และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ลองฝึกภาคปฏิบัติของนินจาหลายอย่างด้วยกัน เช่นปาดาวกระจาย รวมไปถึงชมห้องหับซึ่งซ่อนกับดักเอาไว้ครับ
หมู่บ้านนี้จริงๆ แล้วจะเป็นสวนสนุกสำหรับเด็ก แม้ว่าผู้ใหญ่ก็สามารถเล่นได้เช่นกัน แต่ถ้าคุณคิดว่ากิจกรรมของที่นี่ดูเด็กเกินไป คุณสามารถไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ Togakure Ninpo Museum ซึ่งอยู่ใกล้กันได้ พิพิธภัณฑ์นี้จัดแสดงอุปกรณ์ของจริงของเหล่านินจา รวมไปถึงเปิดโอกาสให้คุณได้ชมบ้านนินจาที่ซ่อนกลไกเอาไว้มากมายอีกด้วยครับ
4. ลิ้มลองอาหารเลิศรสของจังหวัด
เมืองนากาโน่เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการลิ้มลองอาหารพื้นเมืองแสนอร่อย เมนูที่คุณไม่ควรพลาดได้แก่
- Shinshu Miso Ramen – นากาโน่เป็นจังหวัดที่ผลิตมิโซะได้มากที่สุดในญี่ปุ่น ดังนั้นราเมนของที่นี่จึงเป็นมิโซะราเมงรสชาติเยี่ยมที่คุณไม่ควรพลาดครับ
- Soba – นากาโน่ผลิตโซบะชั้นเยี่ยมซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ นี่จึงเป็นอีกเมนูที่ไปแล้วต้องกินสักครั้งครับ
- Sauce Tonkatsu – ทงคัตสึแบบพิเศษของนากาโน่ ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือเชฟจะราดซอสมาแล้วเรียบร้อยครับ
- Basashi – ซาชิมิเนื้อม้า สำหรับใครที่พร้อมจะลองแต่ยังไม่เคย คุณควรลองสักครั้งครับ
- ขนมหวานต่างๆ – นากาโน่มีเมนูขนมหวานหลายอย่างที่น่าสนใจอย่างเช่นขนมปังนม (Gyunpu Pan) และโมจิราดซอสหวาน (Gohei Mochi) ครับ
สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในจังหวัดนากาโน่
5. มัตสึโมโตะ
มัตสึโมโตะเป็นเมืองในจังหวัดนากาโน่ที่จัดว่าเป็นเมืองสวยแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะมีปราสาทมัตสึโมโตะที่งดงามอลังการ รวมไปถึงธรรมชาติรายล้อมเมืองที่สวยงามไม่แพ้กันครับ
ทั้งนี้นอกจากเมืองนากาโน่แล้ว คุณสามารถใช้มัตสึโมโตะเป็นจุดเริ่มต้นการเที่ยวสถานที่อื่นในจังหวัดได้เช่นกัน เพราะคุณสามารถนั่งรถไฟ JR “Azusa” Train จากโตเกียวไปถึงมัตสึโมโตะโดยไม่ต้องแวะที่ไหนเลยครับ
6. ฮาคุบะ (Hakuba)
ฮาคุบะเป็นเมืองสกีรีสอร์ทยอดนิยมของนากาโน่และประเทศญี่ปุ่น โดยที่นี่ประกอบด้วยสกีรีสอร์ทถึง 10 แห่งด้วยกัน ซึ่งคุณสามารถเข้าได้ทุกแห่งด้วยการซื้อบัตรผ่าน Hakuba Valley Pass ครับ
กิจกรรมที่สกีรีสอร์ทนั้นไม่ได้มีแข่งการเล่นสกีเท่านั้น แต่มีกิจกรรมฤดูหนาวทุกรูปแบบ ซึ่งรวมไปถึงสโนว์โมบิลด้วย นอกจากนี้ถ้าคุณมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง คุณสามารถชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีและภูเขาหิมะอันงดงามจับใจได้อีกด้วยครับ
วิธีการไปฮาคุบะจากเมืองนากาโน่นั้นไม่ยากเลย คุณแค่นั่งรถบัสของ Alpico Group ไปก็ถึงแล้วครับ ไม่ต้องเปลี่ยนรถบัสใดๆ ทั้งสิ้น
ที่พัก
สำหรับใครที่สนใจจะไปเที่ยวฮาคุบะ คุณสามารถอ่านบทความที่พักฮาคุบะของผมเพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจครับ
7. คามิโคจิ (Kamikochi)
คามิโคจิเป็นส่วนของอุทยานแห่งชาติ Chubu-Sangaku National Park ซึ่งจะเปิดเฉพาะช่วงกลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น ด้านในคามิโคจิจะมีวิวภูเขาหิมะและทะเลสาบที่สวยงามตลอดจนผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ที่นี่เป็นอีกสถานที่ยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นในการชมใบไม้เปลี่ยนสีครับ
จุดที่สวยในคามิโคจิได้แก่
- Kappa Bridge – สะพานกัปปะที่พาดผ่านลำธารในคามิโคจิ โดยมีภูเขาหิมะอันยิ่งใหญ่เป็นฉากหลัง จุดนี้เป็นจุดชมวิวอันดับหนึ่งครับ
- Myojin Pond – สระน้ำที่มีศาลเจ้าเล็กๆ แบบญี่ปุ่นตั้งอยู่
- Taisho Pond – สระน้ำที่ถือกำเนิดขึ้นเพราะการระเบิดของภูเขาไฟ ซึ่งได้กั้นส่วนหนึ่งของแม่น้ำอะซุสะเอาไว้ครับ น้ำในสระจะใสมาก ซึ่งในวันฟ้าใสนั้นวิวภูเขาหิมะจะสะท้อนบนพื้นน้ำ ทำให้วิวสวยสุดๆ เลยครับ
สำหรับใครที่อยากปีนเขา คุณสามารถปีนได้หลายยอดในคามิโคจิครับ โดยเฉพาะ Mount Chougatake และ Mount Yari ซึ่งยอดหลังนั้นมีอีกชื่อหนึ่งว่า Matterhorn แห่งญี่ปุ่นครับ
วิธีการเดินไปคามิโคจิถือว่าซับซ้อนพอสมควร สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ Official ครับ
ที่พัก
สำหรับใครที่อยากไปคามิโคจิ แต่ยังไม่ได้จองที่พักในอุทยาน อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความที่พักคามิโคจิครับ
8. คารุอิซาวะ (Karuizawa)
คารุอิซาวะเป็นเมืองในจังหวัดนากาโน่ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงโตเกียวมากนัก ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นในโตเกียว ซึ่งรวมไปถึงสมาชิกในพระราชวงศ์ญี่ปุ่นด้วยครับ (อดีตจักรพรรดิและจักรพรรดินีพบรักกันที่นี่)
ตัวเมืองเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีชั้นยอดของนากาโน่ และยังมีกิจกรรมกลางแจ้งให้ทำมากมายอีกด้วย ถ้าคุณอยู่ที่โตเกียวอีกไม่นานนัก แต่อยากสัมผัสธรรมชาติของญี่ปุ่น ผมแนะนำให้เดินทางไปที่นี่ครับ
ที่พัก
ถ้าใครวางแผนไปเที่ยวคารุอิซาวะ แต่ยังไม่มีที่พัก ผมแนะนำให้อ่านบทความที่พักคารุอิซาวะของผมเพิ่มเติมครับ
9. ที่ราบสูงชิงะ
ที่ราบสูงชิงะ (Shiga Highlands) หรือชิงะโคเก็นเป็นที่ตั้งของสกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ด้านในประกอบด้วยสกีรีสอร์ทย่อย 18 แห่งที่คุณสามารถไปเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดได้อย่างอิสระด้วยการซื้อตั๋วเหมารายวันเพียงใบเดียว เรียกได้ว่าเล่นยังไงก็ยากที่จะหมดครับ
นอกจากนี่ในช่วงอื่นของปี ที่นี่ยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ไม่ได้ด้อยกว่าที่ใดในญี่ปุ่นอีกด้วยครับ
10. ชมลิงหิมะที่จิโกคุดานิ
สวนจิโกคุดานิ (Jigokudani Park) เป็นเขตอุทยานที่มีบ่อน้ำร้อนอยู่หลายแห่ง ซึ่งเหล่าลิงหิมะหน้าแดงมักจะลงมาแช่น้ำที่นี่ในช่วงฤดูหนาว เพื่อรับความร้อนเข้าร่างกายครับ
ภายในอุทยานมีเส้นทางเดินที่ทำขึ้นเป็นอย่างดี ซึ่งตลอดเส้นทางนั้นคุณจะได้ชมกลุ่มลิงหิมะเหล่านี้อาศัยอยู่แบบกลุ่มตามธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
ข้อเสียของการไปที่นี่คือการเดินทางไปค่อนข้างซับซ้อน (ยกเว้นคุณเล่นสกีอยู่ที่ชิงะโคเก็นอยู่แล้ว ซึ่งมีรถประจำทางให้บริการ) ผมแนะนำให้อ่านวิธีการไปจากเว็บไซต์ทางการของสวนลิง ก่อนออกเดินทางครับ แต่ที่แน่ๆ คือคุณต้องเดินเข้าไปประมาณ 25-30 นาทีครับ เพราะฉะนั้นต้องเตรียมเครื่องแต่งกายให้พร้อมด้วย
11. ชมวิวที่ Senjojiki Cirque
Senjojiki Cirque เป็นพื้นที่ที่มีภูเขาล้อมรอบซึ่งเกิดจากธารน้ำแข็ง นอกจากภูเขาหิมะแล้ว บริเวณนี้มีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์และดอกไม้นานาชนิด ทำให้เป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาดสำหรับใครที่รักในการชมธรรมชาติครับ ที่นี่ยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชั้นยอดอีกด้วย ซึ่งจะได้ชมเร็วกว่าที่อื่น กล่าวคือช่วงปลายเดือนกันยายนก็ชมได้แล้วครับ
การจะขึ้นไปถึงพื้นที่ตรงนี้นั้น คุณจะต้องนั่งกระเช้าอย่าง Komagatake Ropeway ซึ่งเป็นกระเช้าแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นขึ้นไปครับ
12. ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่จุดต่างๆ
นากาโน่เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องสถานที่สำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสีอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยจุดที่น่าสนใจได้แก่
- คามิโคจิ
- คารุอิซาวะ
- Senjojiki Cirque
- Hakuba Mountain Harbor – จุดชมวิวของอิวาตาเกะรีสอร์ทที่ฮาคุบะ
- Shiga Kogen – เขตอนุรักษ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก คุณสามารถเดินเทรคเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ครับ
- หุบเขามัตสึกาวะ (Matsukawa Ravine) – จุดสวยใกล้กับเมืองนากาโน่ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ทราบ ใบไม้สีแดงสีส้มจะโอบล้อมสะพานข้ามเขาสีแดง ซึ่งงดงามมากทีเดียวครับ
- หุบเขาทาคาเซะ (Takase Ravine) – อยู่ด้านหลังของเมืองโอมาจิ ตัวหุบเขาจะมีทะเลสาบที่ห้อมล้อมด้วยผืนป่าอันหนาแน่นซึ่งจะเปลี่ยนสีอย่างสวยงามในช่วงเดือนตุลาคมครับ
- Fujimi Panorama Resort – ชมทั้งใบไม้เปลี่ยนสีและภูเขาไฟฟูจิไปพร้อมๆ กัน
13. ชมดอกซากุระสุดสวย
เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ของญี่ปุ่น นั่นคือนากาโน่มีสถานที่ชมดอกซากุระที่ยอดเยี่ยมอยู่หลายแห่ง อาทิเช่น
- ปราสาทมัตสึโมโตะ
- สวนโออิเดะโคเอ็นที่ฮาคุบะ
- สวนของปราสาททาคาโตะ (Takato Castle Park) ที่เมืองอินะ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามจุดชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่มีต้นซากุระหลากหลายพันธุ์รวมแล้วกว่า 1,500 ต้น และยังมีการเปิดไฟกลางคืนอีกด้วย
14. ขับรถชมวิวตามถนนสวยๆ ของจังหวัดนากาโน่
จังหวัดนากาโน่เป็นจังหวัดที่มีเส้นทางขับรถอันสวยงามอยู่หลายเส้น ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับการชมธรรมชาติผ่านสองข้างทาง เส้นทางที่น่าสนใจได้แก่
- Venus Line – เส้นทางยาว 76 กิโลเมตรซึ่งมีชื่อเสียงที่สุด จากสองข้างทาง คุณจะเห็นวิวเมืองมัตสึโมโตะ เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ซึ่งตลอดเส้นทางมีจุดชมวิวให้แวะพักหลายแห่งครับ
- Mountain to Sea – เส้นทางจากเมืองมัตสึโมโตะไปสู่ทะเลญี่ปุ่นที่เมืองอิโตอิกาวะ สองข้างทางจะมีเทือกเขา Japan Alps ไล่เรียงกันไป ซึ่งจะสวยที่สุดเลยครับ
- Shiga-Kusatsu – เส้นทางความยาว 41 กิโลเมตรที่เชื่อมระหว่าง Shiga Kogen (Shibu Onsen) และ Kusatsu Onsen ในจังหวัดกุนมะโดยไฮไลท์อยู่ที่คุณมีโอกาสเห็นภูเขาไฟฟูจิและทะเลญี่ปุ่นอยู่ในเฟรมเดียวกัน แต่ข้อเสียคือเส้นนี้จะไม่เปิดในช่วงฤดูหนาวครับ
15. ท่องไปตามเส้นทางนากะเซนโดะ
นากะเซนโดะ (Nakasendo) เป็นทางหลวงโบราณความยาว 534 กิโลเมตรที่เชื่อมเมืองเกียวโตและเอโดะเข้าด้วยกัน ในอดีตที่นี่เป็นเส้นทางสำคัญที่มีผู้เดินทางไปมาอย่างคับคั่ง ทำให้มีเมืองและหมู่บ้านที่สร้างขึ้นเป็นที่พักนักเดินทางถึง 69 แห่งด้วยกัน ซึ่งกว่า 26 แห่งอยู่ในจังหวัดนากาโน่ครับ
ในปัจจุบันเมืองที่พักนักเดินทางเหล่านี้ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ โดยอยู่ในสภาพเดียวกับเมื่อหลายร้อยปีก่อน ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสกับวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นโบราณจึงมักจะมาเดินเทรคตามบางส่วนของทางหลวง อย่างเช่นระหว่างสึมาโกะ (Tsumago) และมาโกเมะ (Magome) ในเขตหุบเขาคิโซะของจังหวัดนากาโน่ครับ
ถ้าคุณเดินตามทางหลวงเหล่านี้นั้น นอกจากจะได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแล้ว คุณยังจะได้ชมธรรมชาติด้วยเช่นกัน ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนั้น สองข้างทางจะงดงามไม่เบาเลยครับ
16. แช่ออนเซ็น
นากาโน่มีเมืองและหมู่บ้านออนเซ็นสำหรับไปพักเพื่อแช่น้ำผ่อนคลายอยู่หลายแห่ง โดยออนเซ็นที่น่าสนใจได้แก่
- Bessho Onsen – หนึ่งในหมู่บ้านออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในนากาโน่ น้ำของที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องทำให้ผิวพรรณอ่อนนุ่ม นอกจากออนเซ็นแล้วยังมีวัดพระโพธิสัตว์กวนอิมให้ชมอีกด้วย
- Shirahone Onsen – ออนเซ็นอายุกว่า 400 ปีซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องน้ำที่มีสีเหมือนน้ำนม และมีปริมาณของแคลเซียมและแมกนีเซียมอยู่จำนวนมาก โดยมีความเชื่อว่าสามารถรักษาโรคของระบบทางเดินอาหารได้ นอกจากนี้วิวจากที่นี่ยังสวยมากเพราะห้อมล้อมด้วยหมู่เขาของโนริคุระครับ
- Shinshu Takayama – รีสอร์ทออนเซ็นที่ประกอบด้วยหมู่บ้านออนเซ็นขนาดเล็กถึง 8 แห่งในหมู่บ้านทาคายามะ โดยจะโดดเด่นที่ออนเซ็นกลางแจ้งที่จะเห็นวิวเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นครับ
- Nozawa Onsen – ออนเซ็นที่มีโรงอาบน้ำหลายแห่งที่รักษาวัฒนธรรมออนเซ็นโบราณของจังหวัดนากาโน่ไว้ได้อย่างดีที่สุด และยังอยู่ใกล้กับสกีรีสอร์ทอีกด้วย
17. ชมดาวที่หมู่บ้านอาชิ
หมู่บ้านอาชิ (Achi Village) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดนากาโน่ (ใกล้กับจังหวัดกิฟุ) เป็นหนึ่งในสถานที่ดูดาวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น โดยในปี 2006 ที่นี่ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 จากกระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นครับ
ตัวสถานที่ดูดาวจะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,400 เมตร และรายล้อมไปด้วยภูเขาสูง รวมไปถึงไม่มีเมืองใดๆ อยู่ใกล้ๆ ดังนั้นเรื่องแสงไฟมารบกวนนั้นไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน ถ้าอากาศดีคุณสามารถเช่ากล้องดูดาว เพื่อส่องดูดาวฤกษ์ต่างๆ รวมไปถึงทางช้างเผือกได้ไม่ยากเลย ใครที่ชมดูดาวแบบผม ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งครับ
18. จิคุมะ
จิคุมะ (Chikuma) ถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแบบ unseen ของนากาโน่ ตัวเมืองมีหมู่บ้านแอปริคอทที่ออกดอกงามสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และนาข้าวอันเขียวขอุ่มในช่วงฤดูร้อน
สำหรับใครที่อยากได้สถานที่ที่ห่างไกลจากนักท่องเที่ยวคนอื่น และหลงเหลือความเป็นญี่ปุ่นอย่างเต็มเปี่ยม หรือว่าอยากลองลิ้มรสผลไม้สดๆ นานาชนิด ที่นี่ถือว่าน่าสนใจมากครับ
19. สุวะ
สุวะ (Suwa) เป็นเมืองอันเป็นที่ตั้งของทะเลสาบสุวะ (Lake Suwa) ทะเลสาบที่เป็นแหล่งน้ำจิดที่สำคัญ และเป็นอู่อารยธรรมของจังหวัดนากาโน่ นอกจากความสวยงามแล้ว ที่ทะเลสาบแห่งนี้ยังมีปรากฏการณ์ธรรมชาติและเทศกาลดอกไม้ไฟอันโด่งดังให้ได้ชมกันอีกด้วย
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือศาลเจ้าสุวะไทฉะ (Suwa Taisha) ที่เป็นศูนย์กลางการปกครองศาลเจ้าแบบเดียวกันนี้ทั่วทั้งญี่ปุ่นครับ
สถานที่เที่ยวอื่นๆ
Tateyama Kurobe Alpine Route – คุณสามารถท่องไปตาม Tateyama Kurobe Alpine Route เพื่อขึ้นไปชมกำแพงหิมะที่มูโรโดอันมีชื่อเสียงได้จากฝั่งมัตสึโมโตะได้เช่นกัน ซึ่งการเดินทางจะสลับฝั่งกับการมาจากโทยามะครับ
ตัวอย่างแพลนทริปจังหวัดนากาโน่
จังหวัดนากาโน่เป็นจังหวัดที่ผมชื่นชอบเป็นการส่วนตัว เพราะฉะนั้นผมจึงได้จัดทำตัวอย่างแพลนทริปเอาไว้แล้วในหลากหลายเส้นทาง โดยจะเป็นแบบ infographic ทั้งนี้คุณสามารถดาวน์โหลดนำไปใช้และปรับแก้ได้ตามความเหมาะสมได้เลยครับ แต่ต้องตรวจสอบเรื่องวิธีการเดินทางเองอีกรอบหนึ่ง เพราะข้อมูลที่จัดไว้อาจจะเปลี่ยนได้ครับ
References
- go-nagano (เว็บไซต์ทางการของการท่องเที่ยวจังหวัดนากาโน่)
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใสผมขอแจ้งให้ทราบว่าบทความนี้มี Affiliate Links ซึ่งถ้าคุณจองบริการผ่านลิงค์ ผมจะได้รับค่าคอมมิชชั่นบางส่วนจากผู้ให้บริการครับ