นิกโก้ (Nikko) หรือนิกโกะเป็นหนึ่งในเมืองสวยของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามทั้งทางด้านศิลปวัฒนธรรมและธรรมชาติ และยังจัดว่าเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย ที่นี่จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญมากมายในแต่ละปีครับ
ในบทความนี้ ผมจึงจะมาแนะนำที่พักและโรงแรมในนิกโก้ที่น่าสนใจ คุณจะได้เลือกที่พักชั้นยอดได้ในราคาที่เหมาะสมครับ
พักที่ย่านไหนในนิกโก้ดี?
ย่านที่น่าพักในนิกโก้นั้นมีหลายแห่งด้วยกัน แต่จุดที่ได้รับความนิยมคือจุดดังต่อไปนี้ครับ
- ศาลเจ้าโทโชกุและวัดวาอารามต่างๆ – สถานที่เหล่านี้เป็นที่เที่ยวอันดับต้นๆ ของเมือง ดังนั้นไม่ต้องใช้รถในการเดินทางมาชม และร้านอาหารก็มีมากมายให้เลือกสรรด้วยครับ
- ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) – ทะเลสาบสุดสวยที่ตั้งอยู่เคียงคู่กับยอดเขาหนานไตในอุทยานแห่งชาตินิกโก้ ตัวทะเลสาบห่างจากตัวเมืองประมาณ 19 กิโลเมตร วิวจากตรงนี้คือสุดยอดครับ ส่วนอาหารของกินก็มีพอสมควร
- คินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen) – ออนเซ็นแห่งนี้คือออนเซ็นอันดับ 1 ในนิกโก้ โดยห่างจากตัวเมืองประมาณ 21 กิโลเมตร ถ้าอยากแช่ออนเซ็น คุณควรหาที่พักที่นี่ครับ อีกหนึ่งข้อดีคือห้องพักโดยเฉลี่ยแล้วจะใหญ่กว่าจุดอื่น แต่ข้อเสียคืออยู่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวอย่างทะเลสาบชูเซ็นจิถึงเกือบ 40 กิโลเมตรครับ
- สถานีรถไฟ – ถ้าพักในเมืองนิกโก้ใกล้กับสถานีรถไฟ Tobu-Nikko Station และ JR Nikko Station คุณจะเดินทางเข้าออกตัวเมืองได้อย่างสะดวกสบาย และยังใกล้ร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่แน่นอนว่าถ้าจะไปเที่ยวก็ต้องนั่งรถออกจากเมืองไปครับ
ห้องพักแบบตะวันตก vs แบบเรียวกัง
ในนิกโก้นั้นหลักๆ แล้วจะมีที่พัก 2 แบบให้เลือกด้วยกัน ได้แก่
- ห้องพักแบบตะวันตก – ห้องพักแบบนี้เรารู้จักกันเป็นอย่างดี เตียงจะเป็นแบบ King, Queen, Single แบบโรงแรมทั่วไปครับ
- ห้องพักแบบญี่ปุ่น หรือเรียวกัง – ห้องพักแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ปูพื้นด้วยเสื่อทาทามิอย่างดี และตบแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ แบบดั้งเดิม ส่วนที่นอนก็จะไม่ใช่เตียง แต่จะเป็นสไตล์ฟูตง (Futon) ซึ่งจะวางผ้าปูนอนซ้อนกับฟูกแบบญี่ปุ่นในแนวราบจากพื้นครับ
จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมนั้น ผมบอกเลยว่าผมไม่ได้หลงใหลวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นพิเศษ แต่ผมชอบนอนแบบเรียวกังมาก เพราะรู้สึกว่านอนสบายกว่า แถมยังหาโอกาสนอนแบบนี้ได้ยากมากด้วย ดังนั้นถ้ามีโอกาส ผมแนะนำให้ลองนอนดูสักคืนครับ
อย่างไรก็ดีห้องพักแบบเรียวกังมีข้อเสียเหมือนกัน นั่นคือราคาโดยเฉลี่ยจะสูงกว่าห้องพักแบบตะวันตก บางห้องจะไม่มีห้องน้ำในตัว (คุณจะต้องไปใช้ห้องน้ำรวมแทนครับ) และไม่เหมาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาลุกขึ้นจากพื้นครับ
เกณฑ์การเลือกที่พักในบทความ
สำหรับที่พักที่อยู่ในบทความนั้นจะต้องเข้ากับเกณฑ์ต่อไปนี้
- ได้รับคะแนนรีวิวของผู้เข้าพักจริงจากเว็บไซต์จองโรงแรมและแพลตฟอร์มรีวิวต่างๆ อย่างน้อย 80% ขึ้นไป เช่น 8/10 หรือว่า 4/5 เป็นต้น และตัวคะแนนต้องสูงกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่
- Location ดี ไม่เปลี่ยวจนเกินไป
- ที่พักจะต้องไม่มีปัญหาหรือโดนติติงเรื่องความสะอาด
- ขนาดห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งนอกและในห้องพักต้องเหมาะสมกับระดับของโรงแรม
- ราคาต่อคืนต้องคุ้มค่ากับสิ่งที่ผู้เข้าพักได้รับ
- ต้องมี Free Wi-Fi ให้ผู้เข้าพักใช้บริการ
- โรงแรมต้องมีเว็บไซต์หรือ Social Media เป็นภาษาอังกฤษเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารและหาข้อมูลเพิ่มเติมได้
- ถ้าผมเคยเข้าพัก ผมต้องได้รับประสบการณ์ที่เป็นบวกเท่านั้น
ว่าด้วยเรื่องอาหารเช้า: ในช่วงเช้า คุณอาจจะหาอะไรรับประทานยาก โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ได้พักอยู่ในใจกลางเมืองนิกโก้ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ควรเลือกโรงแรมที่รวมอาหารเช้าไว้ในค่าห้องแล้ว หรือว่าซื้ออาหารเช้าแบบล่วงหน้าเอาไว้เลยครับ
สำหรับการเรียงลำดับโรงแรมในบทความนี้จะไม่ได้เรียงตามลำดับตามระดับดาวเหมือนกับบทความทั่วไปของ Tourist Sense แต่จะเรียงตามสถานที่ครับ เพราะฉะนั้นผมแนะนำให้ใช้สารบัญด้านล่าง คุณจะได้ข้ามไปหาโรงแรมในจุดที่ต้องการครับ
นอกจากนี้ในบทความ ผมจะระบุจุดเด่นจุดด้อยของแต่ละโรงแรมไว้ด้วย ซึ่งผมได้รวบรวมและสรุปมาจากการอ่านรีวิวของนักเดินทางในหลากหลายแพลตฟอร์มครับ
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองโรงแรมในนิกโก้ผ่านทางลิงค์ในบทความครับ
Top Pick โรงแรมในนิกโก้
Nikko Senhime Monogatari
- ใกล้สถานที่สำคัญทุกแห่ง
- สิ่งอำนวยความสะดวกครบเครื่อง
- การบริการดีเยี่ยม
- ราคาต่อคืนไม่แรงจนเกินไป
โรงแรมใกล้ศาลเจ้าโทโชกุและวัดวาอารามต่างๆ
1. Nikko Senhime Monogatari
Nikko Senhime Monogatari เป็นโรงแรม 4 ดาวที่อยู่ในละแวกวัดวาอารามและศาลเจ้าพอดิบพอดีในระยะ 300-500 เมตร ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าโทโชกุ ศาลฟุตาระซัง-จินจา หรือว่าวัดรินโนจิ ฯลฯ แถมร้านอาหารต่างๆ ยังล้อมรอบโรงแรมเลยด้วย เพราะฉะนั้ถ้าคุณอยากหาอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ รับประทาน ผมบอกได้เลยว่าง่ายมากๆ ครับ
- ที่อยู่: Yasukawa-cho 6-48, Nikko, Tochigi, Japan 321-1432
- เช็คอิน: บ่ายสาม เช็คเอาท์: สิบเอ็ดโมง
ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่มีทั้งแบบตะวันตกและแบบญี่ปุ่น โดยมีให้เลือกสรรในรูปแบบต่อไปนี้ครับ
- Twin (24 ตร.ม.) – ห้องพักสไตล์ตะวันตก โดยจะหันหน้าให้กับป่าอันเขียวชอุ่ม (เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง) ซึ่งติดกับศาลเจ้าโทโชกุ
- Deluxe Guest Room (25 ตร.ม.) – ห้องพักแบบญี่ปุ่นที่มีที่นอนแบบฟุตง โดยในห้องจะมีเก้าอี้นวดเพื่อช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าด้วยครับ
- Japanese Style Room (40 ตร.ม.) – ห้องพักสไตล์เรียวกังที่มีที่นอนแบบฟุตง และสามารถเลือกได้ว่าต้องการแบบมีหรือไม่มีอ่างอาบน้ำแบบ open-air จากตัวห้องจะเห็นความสวยงามของหุบเขาได้อย่างเต็มๆ ตาครับ
ห้องพักแต่ละห้องของโรงแรมนี้ถือว่าใหญ่ทีเดียว และสิ่งอำนวยความสะดวกก็ถือว่าสมบูรณ์แบบ แต่จุดเด่นของที่นี่คือ วิวจากห้องพักแต่ละห้องสวยงามมาก และคุณยังสามารถสูดอากาศอันสดชื่นได้อย่างเต็มปอดอีกด้วย
Facilities และการบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารญี่ปุ่น และ Coffee Lounge
- Club (มีบรรเลงดนตรีสดให้ฟัง) และห้องคาราโอเกะ
- ออนเซ็นและซาวน่า
- บริการนวดแบบญี่ปุ่นและตะวันตก และทรีตเมนต์อื่นๆ
- บริการทัวร์ที่ดูแลโดยไกด์ที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี โดยมีให้เลือก 2 ทัวร์ระหว่างทัวร์วัดและศาลเจ้า หรือสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติ
- ห้องประชุมและจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ (รองรับได้ถึง 250-300 คน)
- ที่จอดรถขนาดใหญ่
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- ตั้งอยู่ใกล้มากกับศาลเจ้าโทโชกุ และวัดวาอารามที่สำคัญในเมือง
- ห้องพักทุกห้องจะเห็นวิวภูเขาหรือวิวแม่น้ำอันสวยงามของนิกโก้ ซึ่งสวยงามมาก
- ขนาดห้องพักใหญ่ และในห้องมี amenities ที่ดี
- Facilities ในโรงแรมมีมากมาย ซึ่งรวมไปถึงห้องคาราโอเกะด้วย
- ผู้เข้าพักส่วนใหญ่ให้ข้อมูลว่าอาหารของโรงแรมรสชาติดี
- มีบริการรับส่งสถานี Tobu Nikko station และ JR Nikko Station
- พนักงานเอาใจใส่และให้บริการอย่างดีมาก และบางคนใช้ภาษาอังกฤษได้อีกด้วย
จุดด้อย
- ตู้เย็นไม่ค่อยเย็น และอัดแน่นไปด้วยเครื่องดื่มที่ต้องเสียเงินเพิ่ม
สรุป
โดยรวมแล้วผมมองว่าโรงแรม Nikko Senhime Monogatari เป็นโรงแรมที่ครบเครื่องมากโรงแรมหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก สิ่งอำนวยความสะดวก คุณภาพการบริการ และ location แถมราคาค่าห้องต่อคืนก็ไม่ได้แรงจนเกินไปอีกด้วย ดังนั้นที่นี่จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่คุณควรจะพิจารณาเลยครับ
2. Nikko Hoshinoyado Hotel
โรงแรมระดับ 3.5 ดาวที่ตั้งอยู่ในภูเขาและหลบมุมจากถนนสายหลักของตัวเมืองมาเล็กน้อย ทำให้ไม่พลุกพล่านจนเกินไป
โดยรวมแล้วตัวโรงแรมตั้งอยู่ในทำเลดีเยี่ยม เพราะสะพานชินเคียวห่างออกไปแค่ 200 เมตร ส่วนวัดรินโนจิและศาลเจ้าโทโชกุห่างออกไป 500 และ 800 เมตรตามลำดับ นอกจากนี้ร้านอาหารหลายแห่งก็ยังอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย ทำให้คุณแทบไม่ต้องนั่งหรือขับรถไกลๆ เลยครับ
- ที่อยู่: 1115, Kamihatsuishimachi, Nikko City, Tochigi Prefecture, 321-1401
- เช็คอิน: บ่ายสาม เช็คเอาท์: สิบโมงเช้า
ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่จะเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่น (เรียวกัง) ทั้งหมด โดยมีรูปแบบให้เลือกดังต่อไปนี้
- Standard – 21 ตร.ม. ไม่มีห้องน้ำในตัว
- Deluxe – 36 ตร.ม. มีห้องน้ำในตัว
ถ้าวัดถึงเรื่องขนาด ตัวเรียวกังถือว่าขนาดปานกลาง แต่ก็ใหญ่กว่าห้องพักแบบนี้ในโรงแรม 3 ดาวส่วนใหญ่ในนิกโก้ นอกจากนี้ห้องพักเป็นสไตล์เรียวกัง ดังนั้นไม่มีเตียงมากินที่ให้รู้สึกเกะกะ คุณจึงรู้สึกว่าใหญ่ขึ้นกว่าห้องสไตล์ตะวันตกที่เราคุ้นเคยครับ
สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องนั้นก็มีทุกอย่างที่จำเป็นเหมือนกับห้องพักในญี่ปุ่นทั่วไปครับ ตั้งแต่โทรทัศน์ โต๊ะ เก้าอี้ชมวิว ฯลฯ
Facilities และการบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารญี่ปุ่น 1 แห่ง สไตล์ไคเซกิ
- ออนเซ็น (ในช่วงฤดูร้อน ทางโรงแรมจะเปิดหน้าต่างบานใหญ่ออก เพื่อที่คุณสามารถชมวิวสวน และสูดอากาศที่สดชื่นไปได้พร้อมๆกับตอนที่แช่น้ำครับ)
- บริการนวด
- ห้องจัดเลี้ยงและห้องประชุม
- บริการรถรับส่งสถานีรถไฟฟรี + ที่จอดรถ
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- ทำเลดีมาก ใกล้กับวัดและศาลเจ้าสำคัญๆ รวมไปถึงร้านอาหารต่างๆ
- ตัวห้องพักเป็นแบบเรียวกังที่มี amenities ครบครัน และใหญ่ใช้ได้
- มีที่จอดรถให้ฟรี + ที่ชาร์จ EV
- อาหารเช้าและอาหารเย็นของโรงแรมรสชาติดี
- ผู้เข้าพักส่วนใหญ่ประทับใจในการบริการของพนักงาน
- ติดต่อสื่อสารกับพนักงานทาง real-time ผ่าน Live Chat บนเว็บไซต์โรงแรม
จุดด้อย
- พนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้
- ออนเซ็นแบบ open-air มีขนาดเล็ก ถ้าคุณไปในช่วงที่คนเยอะ มีโอกาสสูงที่จะต้องรอครับ
สรุป
โดยรวมแล้วโรงแรม Nikko Hoshinoyado Hotel ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวนิกโก้เป็นครั้งแรก เพราะทำเลยอดเยี่ยม ใกล้กับสถานที่สำคัญๆ ทุกแห่ง รวมไปถึงป้ายรถเมล์ด้วย ส่วนห้องพักก็ใหญ่ใช้ได้และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็จัดว่าครบถ้วนและมีคุณภาพครับ
3. Okunoin Hotel Tokugawa
ถ้าคุณต้องการสัมผัสกับความสงบและร่มรื่นของตัวเมืองนิกโก้ โรงแรมระดับ 4.5 ดาวขนาดเล็ก (22 ห้อง) แห่งนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งตัวโรงแรมตั้งอยู่ริมแม่น้ำทาโมซาวะ และห่างออกมาจากย่านร้านค้าพอสมควร ดังนั้นบริเวณโดยรอบจะไม่พลุกพล่านครับ
ทั้งนี้โรงแรมอยู่ไม่ไกลจากวัดและศาลเจ้าสำคัญๆ เท่าไรนัก (1.5 กิโลเมตร) ซึ่งอาจจะไกลเกินไปสำหรับการเดินไปให้ถึง แต่โรงแรมมีบริการรับส่งครับ เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาสักเท่าใด
- ที่อยู่: 2204 Nikko, Nikko City, Tochigi Prefecture 321-1415
- เช็คอิน: บ่ายสาม เช็คเอาท์: สิบโมงครึ่ง
ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่มีเพียง 22 ห้อง โดยจะมีทั้งห้องพักแบบเรียวกังและห้องพักแบบตะวันตกให้คุณได้เลือกครับ
Twin Room (22 ตร.ม.) – ห้องพักแบบตะวันตกทั่วไปในสไตล์โมเดิร์น ห้องนี้จะราคาถูกกว่าห้องแบบอื่นอย่างมากเลยครับ
Tsukishiro (40-44 ตร.ม.) – ห้องพักสไตล์ตะวันตกในสไตล์ร่วมสมัย ผสมผสานกับความเป็นญี่ปุ่นอย่างกลมกลืน ทุกห้องจะปูเสื่อทาทามิบางส่วน และมีระเบียงชมวิวครับ
Ginryu (49-55 ตร.ม.) – ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นที่ปูเสื่อทาทามิ ทั้งนี้จุดเด่นอยู่ที่ทุกห้องจะมีอ่างน้ำแร่ขนาดเล็กสำหรับนอนแช่ และมีระเบียงขนาดใหญ่สำหรับชมวิว นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกได้ระหว่าง นอนแบบฟุตง, นอนแบบตะวันตก (เตียง Twin) หรือแบบผสม (มีทั้งฟุตงและเตียง Twin) ในห้องเดียว
Annex Aqua (75-140 ตร.ม.) – ห้องพักอันดับ 1 ในโรงแรม ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนกับวิลล่า ตัวห้องมีจุดเด่นที่มีอ่างน้ำแร่แบบส่วนตัว สวนสไตล์ญี่ปุ่นแบบกลางแจ้งพร้อมสระน้ำ ซึ่งคุณจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างจับใจครับ
สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมนี้ถือว่าดีงาม เพราะมีครบถ้วนทุกอย่างที่คุณต้องการ และรวมไปถึงเครื่องทำกาแฟ ตัวปรับความชื้น เก้าอี้นวด (เฉพาะบางห้อง) ด้วย ดังนั้นคุณสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายมากอย่างแน่นอนครับ
ส่วนเรื่องขนาดห้องก็ถือว่าใหญ่ทีเดียว ยกเว้นห้อง Twin ที่ดูเล็กไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วผมจึงไม่แปลกอะไรที่โรงแรมนี้ได้คะแนนคุณภาพห้องพักสูงมากแทบจะทุกแพลตฟอร์มครับ
Facilities และการบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารญี่ปุ่น + ทุกการจองจะรวมอาหารเช้าและอาหารเย็น (สไตล์ไคเซกิ) ไว้เรียบร้อยแล้ว
- ออนเซ็นแบบกลางแจ้งและในร่ม ซึ่งคุณสามารถเลือกจองเป็นแบบส่วนตัวได้ (ใช้ได้ 45 นาที)
- บริการรับส่งฟรีไปยังศาลเจ้าโทโชกุ, JR Station และ Tobu Nikko Station แต่ต้องจองล่วงหน้าก่อนครับ
- Valet Parking ฟรี
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- Location พอใช้ เงียบสงบแต่ไม่ไกลจากศาลเจ้าและวัดสำคัญๆ มากเกินไป
- ห้องพักมีขนาดใหญ่ และมี amenities ที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอ่างน้ำแร่ในห้อง
- อาหารเช้าและเย็นฟรี (รวมอยู่ในค่าห้องแล้ว) และผู้เข้าพักทั้งหมดชมว่ารสชาติดีเยี่ยม
- สามารถจองออนเซ็นเป็นแบบส่วนตัวได้
- มีบริการรับส่งสถานที่ท่องเที่ยวและที่จอดรถฟรี
- การบริการของพนักงานเรียกได้ว่าไร้ที่ติ
จุดด้อย
- ที่พักห่างจากถนนใหญ่พอสมควร และบริเวณโดยรอบแทบไม่มีร้านอาหารหรือร้านค้าใดๆ
- ราคาค่าห้องต่อคืนสำหรับห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นสูงกว่าตัวเลือกอื่นแทบทุกแห่งในนิกโก้
สรุป
ที่นี่ถือเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในนิกโก้อย่างเป็นไม่มีข้อโต้แย้งเลยครับ ตัวที่พักมีบรรยากาศเงียบสงบ ห้องพักที่ใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนทั้งในห้องและในห้อง แถมด้วยการบริการที่ตอบโจทย์ผู้เข้าพักได้แทบทุกอย่าง
ข้อเสียมีอยู่อย่างเดียวคือไกลจากย่านร้านค้าต่างๆ พอสมควร และบริเวณโดยรอบไม่มีอะไรให้เดินเล่นด้วย ดังนั้นถ้าคุณไม่ได้เช่ารถขับ คุณจำเป็นต้องพึ่งพารถรับส่งของโรงแรมครับ
4. Nikko Kanaya Hotel
Nikko Kanaya Hotel เป็นโรงแรม 4 ดาวที่อยู่เยื้องกับ Nikko Hoshinoyado Hotel ที่ผมได้แนะนำไปแล้วด้านบน ดังนั้นเรื่องทำเลก็ถือว่าดีไม่แพ้กัน โดยอยู่ใกล้กับสะพานซินเคียว วัดรินโนจิ ศาลเจ้าโทโชกุ รวมไปถึงสถานที่สำคัญในเมืองอีกหลายแห่งและร้านค้าอีกด้วย ถ้าพักที่นี่เรียกได้ว่าประหยัดค่าเดินทางและเวลาไปเยอะเลยครับ
ทั้งนี้โรงแรมนี้เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1873 ครับ และเป็นรีสอร์ทที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ในปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมไปแล้วด้วยครับ
- ที่อยู่: 1300 Kamihatsuishimachi, Nikko, Tochigi 321-1401,
- เช็คอิน: บ่ายสาม เช็คเอาท์: สิบเอ็ดโมง
ห้องพัก
ตัวโรงแรมมีจุดเด่นคือสถาปัตยกรรมทั้งด้านในและด้านนอกจะผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออกอย่างลงตัว ซึ่งเป็นรูปแบบของยุคเมจิที่โรงแรมได้ถือกำเนิดขึ้นในเวลานั้น ส่วนห้องพักนั้นจะเป็นแบบตะวันตกในสไตล์โมเดิร์น แต่การตบแต่งห้องจะมีกลิ่นอายญี่ปุ่นให้เห็นอย่างชัดเจนครับ
ห้องพักที่นี่มีหลายแบบด้วยกัน ประกอบด้วย
- Standard – 21-38 ตารางเมตร
- Twin – 28-62 ตารางเมตร
- N35 – 37 ตารางเมตร
- Orange Suite – 62 ตารางเมตร
ถ้าว่ากันด้วยขนาดห้องพักก็ต้องถือว่าใหญ่ใช้ได้ทีเดียว ดังนั้นคุณจะไม่รู้สึกอึดอัดระหว่างพักเลยครับ นอกจากนี้ amenities ทั้งหลายก็ยังมีพร้อมตามแบบโรงแรม 4 ดาวทั่วไป นั่นคือคุณแทบไม่ต้องเตรียมอะไรไปเลย ไม่ว่าจะเป็นสบู๋ แปรงสีฟัน ที่โกนหนวด ฯลฯ เพราะโรงแรมจัดเตรียมให้หมดครับ
Facilities และการบริการอื่นๆ
- คาเฟ่ ร้านอาหาร และบาร์รวมกันกว่า 3 แห่ง
- สระว่ายน้ำแบบ outdoor
- บริการรับส่งสถานีรถไฟ
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- Location ดีมาก ใกล้กับศาลเจ้าโทโชกุ วัดเร็นโนจิ และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆ
- ตัวโรงแรมมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานและแสดงถึงสถาปัตยกรรมยุคเมจิที่งดงาม
- ขนาดห้องพักของที่นี่ถือว่าใหญ่ถ้าเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ ในระดับเดียวกัน
- ห้องพักสวยงามมีสไตล์และมี Amenities ที่ครบครัน
- ร้านอาหารของโรงแรมมีชื่อเสียง และผู้เข้าพักส่วนมากให้ข้อมูลว่ารสชาติดี
- ผู้เข้าพักส่วนใหญ่ประทับใจในการบริการของโรงแรม
จุดด้อย
- ไม่มีออนเซ็นให้บริการ
- ห้องพักบางห้องค่อนข้างเก่า
- อาหารราคาสูง
สรุป
โรงแรมแห่งนี้เป็นตัวเลือกที่ควรค่าต่อการพิจารณาสำหรับใครที่อยากได้ห้องพักสไตล์ตะวันตกในนิกโก้ที่ทั้งใหญ่และราคาไม่แรงจนเกินไป แถมยังอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยม ส่วน facilities ในโรงแรมถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง ที่น่าเสียดายอย่างเดียวคือน่าจะมีออนเซ็นเท่านั้นเองครับ
โรงแรมใกล้ทะเลสาบชูเซ็นจิ
5. The Ritz-Carlton Nikko
สำหรับใครที่อยากได้ห้องพักแบบหรูหราชั้นยอดใกล้ทะเลสาบ โรงแรมของแบรนด์ Ritz-Carlton แห่งนี้ คือตัวเลือกอันดับต้นๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ
ตัวโรงแรมตั้งอยู่ริมทะเลสาบพอดิบพอดี ดังนั้นคุณจะมีโอกาสได้ชมวิวทะเลสาบชูเซ็นจิและยอดเขาหนานไตจากห้องนอนของคุณ ซึ่งจะให้ประสบการณ์สุดวิเศษเลยครับ
- ที่อยู่: 2482 Chugushi, Nikko, Tochigi 321-1661
- เช็คอิน: บ่ายสาม เช็คเอาท์: เที่ยง
ห้องพัก
ห้องพักทุกห้องของที่นี่จะเป็นสไตล์ตะวันตกในรูปแบบร่วมสมัย (Contemporary) แต่ดีไซน์ของห้องจะแฝงศิลปวัฒนธรรมตะวันออกอย่างเช่น Kanuma-kumiko ของจังหวัดโทชิงิอยู่ด้วย ทำให้ตัวห้องมีเสน่ห์อย่างมากเลยครับ
- Standard – 57 ตร.ม. สามารถเลือกเตียงได้ระหว่าง King หรือ Double และเลือกวิวได้ระหว่างวิวแม่น้ำ วิวทะเลสาบชูเซ็นจิ ทั้งนี้ทุกห้องจะมีระเบียงชมวิวครับ
- Lake Chuzenji View Suite – 115 ตร.ม. ห้อง Suite ขนาดใหญ่ที่คุณสามารถนั่งชมวิวทะเลสาบชูเซ็นจิได้อย่างเต็มๆ ตาครับ
- The Ritz Carlton Suite – 277 ตร.ม. ห้องขนาดใหญ่โตเพดานสูงที่คุณสามารถชมทะเลสาบชูเซ็นจิได้แบบ 180 องศา และยังมีห้องฟิตเนส ห้องทำทรีตเมนต์ ห้องอาหาร และครัวส่วนตัวในห้องอีกด้วย
ถ้าว่ากันเรื่องขนาดแล้ว โดยรวมแล้วห้องพักของโรงแรมนี้น่าจะใหญ่ที่สุดในนิกโก้แล้วครับ ดังนั้นคุณจะมีพื้นที่สบายๆ สำหรับการนั่งชมวิว หรือนั่งทำงาน พร้อมกับพักผ่อนอิริยาบถได้อย่างอิสระ
ส่วนเรื่อง amenities นั้นก็มีอย่างครบเครื่อง โดยทุกห้องจะได้อุปกรณ์อาบน้ำชั้นยอดของ Asprey, ชุดยูกาตะและรองเท้าแตะแบบญี่ปุ่น ไปจนถึงเครื่องทำกาแฟ นอกจากนี้ทุกห้องจะได้รับการทำความสะอาดวันละสองครั้งอีกด้วยครับ
Facilities และการบริการอื่นๆ
- ร้านอาหาร บาร์ และเลาจน์รวมแล้วกว่า 4 แห่ง โดยแทบทุกแห่งจะเห็นวิวสวยๆ ของทะเลสาบด้วยครับ
- สปาและออนเซ็นแบบครบวงจร ซึ่งรวมไปถึงบริการทรีตเมนต์
- ห้องฟิตเนส
- ห้องสมุดและที่นั่งเล่น
- บริการทัวร์และกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่ การนำเที่ยววัดและสถานที่ทางศาสนา ชมการแสดงพื้นเมือง เข้าร่วมกิจกรรมแกะสลัก พายเรือ ขี่จักรยาน ฯลฯ
- ที่จอดรถและบริการรถรับส่ง (ไม่ฟรี)
- เฮลิคอปเตอร์ (จากโตเกียว)
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- Location ดีมาก ติดทะเลสาบชูเซ็นจิและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อย่างเช่นน้ำตกเคกอน ร้านอาหารใกล้โรงแรมก็มีให้เลือกสรรพอสมควร
- โรงแรมเพิ่งสร้างเสร็จในช่วงปี ค.ศ.2020 ดังนั้นตัวห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จะยังใหม่มาก เพราะผู้เข้าพักยังน้อยจากสถานการณ์โรคระบาด
- ห้องพักทุกห้องในโรงแรมมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของนิกโก้ และเห็นวิวสวยทุกห้อง (วิวแม่น้ำ, วิวทะเลสาบ หรือวิวยอดเขาหนานไต)
- ผู้เข้าพักชมว่าดีไซน์ของห้องสวย และบรรยากาศในห้องดีมาก
- ห้องพักทุกห้องได้รับการทำความสะอาดวันละสองครั้ง ดังนั้นเรื่องความสะอาดหายห่วงแน่นอนครับ
- เป็นที่พักแบบ smoke-free หรือโรงแรมไม่มีสถานที่ใดๆ ที่จัดสรรไว้ให้สูบบุหรี่
- อาหารของโรงแรมรสชาติดี
จุดด้อย
- ที่จอดรถไม่ฟรี (3,000 เยนต่อวัน)
- ไม่มีบริการรถรับส่งฟรี ดังนั้นถ้าคุณจะเข้าไปเที่ยวศาลเจ้าโทโชกุ คุณจะต้องนั่งรถบัส แท็กซี่ หรือไม่ก็ขับรถกลับเข้าไปเองครับ
สรุป
ที่นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดถ้าคุณต้องการที่พักใกล้กับทะเลสาบชูเซ็นจิอย่างไม่ต้องสงสัย คุณสามารถสัมผัสธรรมชาติอันงดงามได้จากห้องพักขนาดใหญ่ที่แสนจะสะดวกสบายของคุณ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ครบถ้วนสมกับเป็นโรงแรม 5 ดาวครับ อย่างไรก็ดีสิ่งเดียวที่ผมมองว่าทางโรงแรมน่าจะให้บริการเพิ่มก็คือ บริการรับส่งฟรีกลับเข้าไปในตัวเมืองหรือสถานีรถไฟครับ
6. Hatago Nagomi Hot Spring Hotel
โรงแรม 3 ดาวแห่งนี้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากพักริมทะเลสาบชูเซ็นจิ นอกจากนี้โรงแรมยังอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกเคกอนอันสวยงามของอุทยานอีกด้วยครับ
- ที่อยู่: 2478-4 Chugushi, Nikko, Tochigi 321-1661
- เช็คอิน: บ่ายสาม เช็คเอาท์: สิบโมง
ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่จะเป็นสไตล์ตะวันตกทั้งหมด และทุกห้องจะเห็นวิวทะเลสาบชูเซ็นจิอีกด้วย ทั้งนี้โรงแรมมีตัวเลือกห้องพักดังต่อไปนี้ครับ
- Standard Twin – 26 ตร.ม.
- Deluxe Twin – 38 ตร.ม.
ทั้งนี้ทั้งสองห้องนอนได้มากสุด 4 คน แต่ต้องเสริมเตียง ผมมองว่า 4 ท่านนี่พักสบายๆ ครับ เพราะขนาดห้องที่ 26 ตารางเมตรที่เป็นห้องระดับเริ่มต้นนี่ถือว่าใหญ่เกินโรงแรม 3 ดาวทั่วไปไปไกลทีเดียว
ส่วน amenities ก็ครบถ้วน โดยทุกห้องจะได้อุปกรณ์อาบน้ำและประทินผิวของเครือ DHC และยังมีระเบียงให้ออกไปชมวิวทะเลสาบด้วยครับ
Facilities และการบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารและบาร์
- รวมอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ และอาหารเย็นสไตล์ไคเซกิไว้ในการจองแล้ว (2 ท่านเท่านั้น)
- ออนเซ็นแบบในร่มและ open-air
- บริการรถรับส่งฟรี
- ที่จอดรถฟรี
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- Location ดี ติดกับทะเลสาบชูเซ็นจิ และใกล้กับน้ำตกเคกอน
- ขนาดห้องพักใหญ่ถ้าเทียบกับโรงแรม 3 ดาวในญี่ปุ่นทั่วไป
- ทุกห้องมีวิวทะเลสาบให้ชม
- ทุกการจองรวมอาหารเช้าและอาหารเย็น + ผู้เข้าพักจำนวนมากมองว่าอาหารของโรงแรมรสชาติดี
- ที่จอดรถฟรีและมีบริการรถรับส่งฟรี
- ผู้เข้าพักส่วนใหญ่พึงพอใจในคุณภาพการบริการ
จุดด้อย
- ออนเซ็นที่มีให้ใช้บริการมีขนาดเล็กมาก
- ที่พักไม่มีลิฟต์ ดังนั้นไม่มีตัวเลือกที่ดีสำหรับคณะที่มีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือว่ามีสัมภาระมาก
สรุป
Hatago Nagomi Hot Spring Hotel เป็นที่พักคุณภาพที่ให้บริการห้องพักขนาดใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งในห้องและนอกห้อง และทุกห้องยังมีวิวทะเลสาบอีกด้วย ถ้าคณะของคุณเป็นกลุ่ม 3-4 คนที่ไม่มีปัญหาในการเดินขึ้นบันไดแล้ว โรงแรมแห่งนี้ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากครับ
7. Chuzenji Pension
Chuzenji Pension เป็นโรงแรม 3 ดาวริมทะเลสาบชูเซ็นจิที่ควรค่าต่อการพิจารณา เพราะนอกจากจะทำเลดีแล้ว (ห่างจากน้ำตกเคกอนแค่ 500 เมตร และร้านค้าต่างๆ ก็อยู่ไม่ไกล) ราคาค่าห้องก็ถูกมากถ้าเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ ครับ
- ที่อยู่: 2482 Chugushi, Nikko City, Tochigi Prefecture
- เช็คอิน: บ่ายสาม เช็คเอาท์: สิบโมง
ห้องพัก
ห้องพักของโรงแรมมีสองแบบด้วยกันนั่นคือแบบตะวันตกและแบบญี่ปุ่น โดยทุกห้องจะเห็นวิวทะเลสาบทั้งหมดครับ
รูปแบบห้องพักที่มีให้เลือกมีดังต่อไปนี้
- Twin – 25 ตร.ม.
- Japanese Style – 15 ตร.ม. ตัวที่นอนจะเป็นแบบฟุตง
ตัวห้องถือว่ามีขนาดใหญ่ใช้ได้จะมาพร้อมกับ amenities ที่ครบถ้วนตั้งแต่ชุดยูกาตะไปจนถึงเครื่องเป่าผม แต่เสียอยู่อย่างเดียวคือไม่มีเครื่องปรับอากาศครับ
ถ้าถามผมว่าจำเป็นหรือไม่ ผมมองว่าถ้าคุณไปนิกโก้ในช่วงฤดูอื่นนอกจากฤดูร้อนนั้น คุณแทบจะไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์เลยครับ เพราะอากาศข้างนอกเย็นกว่าในห้องแน่นอนอยู่แล้ว จริงๆ แล้วถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่ตัวโรงแรมอยู่ในเขตภูเขา ดังนั้นอากาศจะเย็นๆ ผมจึงมองว่าไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลครับ
Facilities และการบริการอื่นๆ
- ร้านอาหารสำหรับให้บริการอาหารเช้าและอาหารเย็น (รวมอยู่ในค่าห้องพัก)
- ออนเซ็น (ใช้บริการได้ครั้งละ 25-45 นาที)
- ที่จอดรถฟรี
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- Location ดี ติดทะเลสาบและใกล้กับน้ำตกเคกอน บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ
- ห้องพักเห็นวิวทะเลสาบชูเซ็นจิทุกห้อง
- ขนาดห้องพักกว้างขวาง
- ค่าห้องรวมอาหารเช้าและอาหารเย็น ซึ่งผู้เข้าพักส่วนใหญ่ประทับใจรสชาติอาหาร
- ราคาห้องพักต่อคืนถือว่าต่ำกว่าตัวเลือกอื่นๆ ที่มีอยู่
- การบริการโดยทั่วไปดีมาก
จุดด้อย
- ไม่มีแอร์ในห้องพัก
สรุป
Chuzenji Pension ให้บริการห้องพักคุณภาพในราคาย่อมเยา ข้อเสียที่มีอยู่อย่างเดียวคือไม่มีแอร์ แต่ว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาสักเท่าใดนัก สิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการอยู่ในระดับดีมาก ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากับสิ่งกับราคาที่คุณจ่ายไปอย่างแน่นอนครับ
โรงแรมน่าสนใจที่คินุกาวะออนเซ็น
ข้อควรทราบ: คินุกาวะออนเซ็นมีโรงแรมชื่อคล้ายกันหลายที่ เวลาจะไป ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่อยู่ของโรงแรมให้ดีก่อน มิฉะนั้นอาจจะไปผิดโรงแรมได้ครับ
8. Kinugawa Kanaya Hotel
ถ้าคุณต้องการที่พักที่ให้คุณได้ทั้งความหรูหรา การบริการที่ยอดเยี่ยมแบบญี่ปุ่น และบรรยากาศอันอบอุ่นของคินุกาวะออนเซ็น Kinugawa Kanaya Hotel เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยครับ
ส่วนทำเลที่พักถือว่าดีมากทีเดียว เพราะใกล้กับสถานีรถไฟคินุกาวะออนเซ็น (300 เมตร) ทำให้การเดินทางไปที่พักง่ายดายและสะดวกสบายครับ
- ที่อยู่: 1394 Kinugawa Onsen Ohara, Nikko, Tochigi
- เช็คอิน: บ่ายสอง เช็คเอาท์: สิบเอ็ดโมง
ห้องพัก
ห้องพักที่นี่จะมีทั้งแบบตะวันตกและแบบญี่ปุ่น (เรียวกังที่มีที่นอนฟุตง) แต่เรื่องดีไซน์จะเป็นแบบญี่ปุ่นที่มีกลิ่นอายของสไตล์โมเดิร์นแบบตะวันตกเข้ามาอย่างชัดเจนครับ
ด้านล่างคือรูปแบบห้องพักที่มีให้เลือกจองครับ
- Standard Japanese/Japanese-Western Room – . สามารถเลือกได้ว่าต้องการที่นอนแบบฟุตงหรือ Twin และนอนได้มากสุดถึง 4 คน
- Club Floor Western Room – เตียงจะเป็นแบบ Twin เท่านั้น
- Deluxe Japanese Room – ห้องนี้จะมาพร้อมกับสระน้ำส่วนตัว ที่คุณสามารถแช่น้ำและชมวิวของหุบเขาไปพร้อมๆ กันได้
- Club Floor Western/Japanese Western Suite – มีสระน้ำส่วนตัว และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ครบครัน
- Club Floor Kanaya Suite – ห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม ตัวห้องจะเป็นแบบ Penthouse ที่มีการตบแต่งที่หรูหราและประณีตที่สุด พร้อมกับสระน้ำส่วนตัวครับ
ห้องพักทุกห้องจะมีขนาด 66 ตารางเมตร ยกเว้นแต่เพียง Club Floor Kanaya Suite เท่านั้นที่จะใหญ่ถึง 132 ตารางเมตร
สิ่งที่ต่างกันหลักๆ คือ amenities ในห้อง (บางห้องจะมีสระอาบน้ำส่วนตัว) หรือตั้งอยู่ชั้นไหน (ห้องราคาสูงจะอยู่ชั้นที่สูงกว่า ทำให้เห็นวิวดีกว่า) แต่ทุกห้องจะมีระเบียงส่วนตัวที่ชมวิวหุบเขาเบื้องล่างได้ทั้งสิ้นครับ
ถ้าว่ากันเรื่องขนาดห้องก็ถือว่าใหญ่มากเลยทีเดียว เพราะเริ่มต้นที่ 66 ตารางเมตร และนอนได้ถึง 3-4 คนแบบสบายๆ ครับ
อย่างไรก็ดีห้องพักที่นี่นั้นมีทั้งแบบให้สูบบุหรี่ได้และไม่สูบบุหรี่ ถ้าจองที่นี่ คุณควรจะจองห้องแบบที่ต้องการไปล่วงหน้าเลยครับ
Facilities และการบริการอื่นๆ
- ห้องอาหารและเลาจน์ของหวาน
- Chocolate Bar – เสิร์ฟช็อกโกแลตและเครื่องดื่ม
- ออนเซ็นขนาดใหญ่สองแห่งที่คุณจะได้แช่น้ำและสัมผัสกับสายลมของหุบเขาคินุกาวะไปพร้อมๆ กัน
- Spa & Treatment Salon
- Club – เลาจน์ขนาด 20 ที่นั่งที่คุณสามารถนั่งเล่นหรือร้องคาราโอเกะ
- Cigar Salon – เจ้าของโรงแรมหลงรักในการสูบซิการ์ ดังนั้นจึงมีซิการ์คุณภาพเยี่ยมให้คุณได้ทดลองครับ
- ห้องประชุมและจัดเลี้ยง
- ที่จอดรถฟรี
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- Location ยอดเยี่ยม อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟคินุกาวะ
- ห้องพักแต่ละห้องมีขนาดใหญ่ หรูหรา และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
- ดีไซน์ของแต่ละห้องสวยงาม เป็นการผสมผสานที่ลงตัวของศิลปะตะวันออกและตะวันตก
- วิวจากห้องพักทุกห้องเห็นแม่น้ำ ดังนั้นสวยงามมาก
- ทุกการจองรวมอาหารเช้าและเย็นไว้เรียบร้อยแล้ว และผู้เข้าพักแทบทั้งหมดให้ข้อมูลว่าอาหารรสชาติดีมาก
- การบริการของพนักงานยอดเยี่ยม
จุดด้อย
- ราคาค่าห้องต่อคืนสูงมาก (ประมาณ 20,000 บาทต่อคืนขึ้นไป)
สรุป
Kinugawa Kanaya Hotel เป็นโรงแรมที่ให้คุณได้แทบทุกสิ่งที่คุณต้องการ ตั้งแต่ห้องพักหรูหราสวยงามกว้างขวางที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในและนอกห้องพักที่ครบครัน และการบริการที่ไร้ที่ติ ถ้าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณแล้ว ที่นี่ถือว่าเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ทีเดียวครับ
9. Kinugawa-Onsen Sanraku
Kinugawa-Onsen Sanraku เป็นโรงแรม 4 ดาวที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคินุกาวะและใกล้กับโรงแรมยังมีสวนสาธารณะที่ร่มรื่นสองแห่ง บรรยากาศที่นี่จึงเงียบสงบอย่างมากเลยครับ
สำหรับการเดินทางนั้น โรงแรมจะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟพอสมควร (800 เมตร) แต่ก็ไม่ไกลจนเกินไป และใกล้กับโรงแรมก็มีร้านอาหารและร้านค้าอยู่หลายแห่ง ดังนั้นคุณสามารถหาอะไรรับประทานนอกโรงแรมโดยที่ไม่ยากเกินไปนักครับ
- ที่อยู่: 1060 Kinugawaonsen Ohara, Nikko, Tochigi 321-2522
- เช็คอิน: บ่ายสาม เช็คเอาท์: สิบเอ็ดโมงครึ่ง
ห้องพัก
ห้องพักของโรงแรมแห่งนี้จะมี 4 รูปแบบด้วยกัน ซึ่งจะมีทั้งห้องแบบตะวันตกและญี่ปุ่น และการตบแต่งห้องจะต่างกันออกไปครับ
- Japanese Style Room – 74 ตร.ม. พักได้สูงสุดถึง 6 คน ที่นอนจะเป็นแบบฟุตงครับ ส่วนดีไซน์จะเป็นแบบญี่ปุ่นแท้ที่ปูด้วยเสื่อทาทามิอย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับว่าเป็นบ้านโบราณของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
- Japanese Western Style Room – 74 ตร.ม. พักได้สูงสุดถึง 5 คน ที่นอนจะเป็นแบบตะวันตก (ถ้าพักมากกว่า 3 คนจะต้องเสียเงินค่าฟุตงเพิ่ม) ส่วนดีไซน์นั้นจะแยกส่วนระหว่างตะวันตกกับญี่ปุ่น กล่าวคือห้องนอนเป็นแบบตะวันตก ส่วนห้องนั่งเล่นเป็นแบบญี่ปุ่น
- Royal Suite Western Style – 180 ตร.ม. ตบแต่งในสไตล์โมเดิร์นอันเรียบง่ายแต่สวยงาม มีห้องนั่งเล่นสำหรับชมวิวขนาดใหญ่
- Royal Suite Japanese Style – 180 ตร.ม. ห้องที่ตบแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นแบบประณีต มีการปูเสื่อทาทามิแบบสมบูรณ์ จุดเด่นคือมีอ่างแช่น้ำแบบ open-air หน้าต่างกว้างๆ ที่ช่วยให้คุณชมวิวแบบพาโนรามา ห้องนี้พักได้สูงสุดถึง 6 คนเลยครับ
ขนาดห้องทุกระดับถือว่าใหญ่มาก และมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบครัน แต่น่าเสียดายที่ห้อง Royal Suite แบบญี่ปุ่นเท่านั้นที่มีสระอาบน้ำแบบ open-air ครับ แต่โดยรวมแล้วห้องพักถือว่าเหมาะกับคณะที่มากัน 5-6 คนมาก เพราะหารออกมาแล้วอาจจะประหยัดกว่าการจองห้องพัก 2-3 ห้องที่โรงแรมอื่นๆ ครับ
ทั้งนี้ถ้าอยากได้ห้องที่งดสูบบุหรี่ ควรแจ้งให้ทางโรงแรมทราบล่วงหน้าครับ
Facilities และการบริการอื่นๆ
- ห้องอาหารและบาร์ (มีห้องคาราโอเกะไว้บริการ)
- ทุกการจองรวมอาหารเช้าและอาหารเย็นไว้แล้วเรียบร้อย
- ออนเซ็นและสปาแบบครบวงจร (พร้อมรับของว่างและเครื่องดื่มฟรี)
- เช่าจักรยานฟรี
- ที่จอดรถฟรี
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- Location ดี ไม่ไกลจากสถานีรถไฟและร้านค้าต่างๆ
- ห้องพักของโรงแรมกว้างขวางและเห็นวิวสวยๆ ของหุบเขาคินุกาวะทุกห้อง
- ดีไซน์ห้องสวยงามทั้งแบบโมเดิร์นและแบบญี่ปุ่น
- ห้องพักแทบทุกห้อง พักได้สูงสุดถึง 5-6 คน
- อาหารรสชาติดีมาก และออนเซ็นใหญ่โตแช่น้ำสบาย
- การบริการโดยทั่วไปดีมาก
จุดด้อย
- มีห้องพักรูปแบบเดียวที่มีสระอาบน้ำแบบ open-air
สรุป
ด้วยขนาดห้องที่ใหญ่โต และสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการที่ดีไม่แพ้โรงแรม 5 ดาว ขณะที่ค่าห้องอยู่ในระดับโรงแรม 4 ดาว ทำให้ Kinugawa-Onsen Sanraku เป็นโรงแรมอีกแห่งที่ให้ในสิ่งที่คุ้มค่ากับราคาที่คุณจ่ายไป และเป็นโรงแรมที่คุณควรพิจารณาเมื่อมาเยือนคินุกาวะออนเซ็นครับ
10. Kinugawa Onsen Hotel
Kinugawa Onsen Hotel เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวที่ให้บริการห้องพักแบบญี่ปุ่นในราคาที่เหมาะสม ดังนั้นจะเหมาะมากสำหรับใครอยากได้ห้องพักแบบเรียวกัง แต่ไม่อยากจะจ่ายแพงจนเกินไปครับ
ตัวโรงแรมห่างจากสถานีรถไฟคินุกาวะออนเซ็นประมาณ 1.5 กิโลเมตร แต่ก็เดินทางไม่ได้ยากอะไร เพราะตัวเมืองมีรถบัสรับส่งของเมืองอยู่แล้ว (มาทุกๆ 50 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง) แต่ถ้าไม่อยากรอก็จะต้องใช้บริการแท็กซี่ครับ
- ที่อยู่: 545 Kinugawaonsen Taki, Nikko-shi, Tochigi-ken
- เช็คอิน: บ่ายสาม เช็คเอาท์: สิบโมง
ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่จะเป็นแบบญี่ปุ่นทั้งหมด แต่สามารถเลือกได้ระหว่างที่นอนแบบฟุตงกับเตียงทั่วไปแบบ Twin ครับ รวมทั้งหมดแล้วมีทั้งหมด 4 แบบให้เลือกได้แก่
- Japanese Room with Bed – 31.6 ตร.ม. ห้องนี้จะว่าไปแล้วแปลกดี นั่นคือตบแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ปูเสื่อทาทามิ แต่มีเตียงนอน น่าจะมีไว้ให้แขกที่อยากได้สัมผัสบรรยากาศห้องพักแบบเรียวกัง แต่ไม่สะดวกจะนอนบนฟุตงนั่นเองครับ
- Japanese Western Room – 31.6 ตร.ม. ห้องพักที่ตบแต่งในสไตล์ตะวันตก แต่ก็แฝงกลิ่นอายญี่ปุ่นเอาไว้พอสมควร ในห้องปูเสื่อทาทามิบางส่วนครับ
- Traditional Japanese Style – 38.9-46.6 ตร.ม. ห้องพักแบบญี่ปุ่น ที่นอนจะเป็นแบบฟุตง แต่นอนได้มากถึง 5 คนด้วยกัน
ถ้าเทียบกับโรงแรม 4 ดาวอื่นๆที่คินุกาวะออนเซ็นที่ผมแนะนำไปแล้ว ขนาดห้องของที่นี่แน่นอนว่าสู้ที่อื่นไม่ได้เลย แต่ถ้าเปรียบเทียบเรื่องราคาแล้วก็ถูกกว่า 50% หรือมากกว่าเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณจองห้อง Traditional Japanese Style และเข้าพัก 5 คน หารกันแล้วเหลือแค่ประมาณพันกว่าบาทต่อคืนเท่านั้นเอง
สื่งที่ผมชอบในตัวโรงแรมนี้คือ ห้องแบบไม่สูบบุหรี่กับห้องที่อนุญาตให้สูบได้นั้นตั้งอยู่คนละอาคารกันเลย ดังนั้นคุณจะไม่มีปัญหากลิ่นลอยลงมาจากชั้นบนเหมือนกับโรงแรมบางแห่งครับ
Facilities และการบริการอื่นๆ
- ห้องอาหารและเลาจน์
- ทุกการจองรวมอาหารเช้าและอาหารเย็น (เลือกได้ระหว่างแบบบุฟเฟต์หรือไคเซกิ)
- ออนเซ็นแบบในร่มและ open-air
- ทรีตเมนต์และ Aromatherapy
- ห้องคาราโอเกะ ห้องเกม และห้อง Mahjong
- ห้องประชุมและจัดเลี้ยง
- ที่จอดรถฟรี
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- ขนาดห้องใหญ่พอสมควร ขณะที่ราคาห้องถูกกว่าที่อื่นถึง 50% หรือมากกว่า
- สิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนทั้งในและนอกห้อง
- โรงแรมจะแยกโซนห้องที่สูบบุหรี่และห้องที่ห้ามสูบอย่างชัดเจน
- อาหารรสชาติดี + ทุกการจองรวมอาหารเช้าและเย็นไว้แล้ว
- การบริการโดยทั่วไปดีมาก
จุดด้อย
- ห่างจากสถานีรถไฟคินุกาวะออนเซ็นพอสมควร ดังนั้นคุณจำเป็นต้องนั่งรถบัสไปครับ
สรุป
Kinugawa Onsen Hotel เป็นตัวเลือกที่ผมมองว่าคุ้มค่าเป็นอันดับต้นๆ ในคินุกาวะออนเซ็นหรือแม้กระทั่งทั้งหมดในนิกโก้เลยด้วยซ้ำไป คุณจะจ่ายเพียงคืนละ 6,000-9,000 บาทแต่ได้ห้องพักขนาดใหญ่พอสมควร สิ่งอำนวยความสะดวกที่เพรียบพร้อม รวมไปถึงการบริการที่ยอดเยี่ยมไม่ได้ต่างอะไรกับการพักที่โรงแรมราคาแพงกว่าเลยครับ
ที่พักใกล้สถานีรถไฟนิกโก้
โรงแรมใกล้กับสถานีรถไฟนั้นจะมีราคาเฉลี่ยถูกกว่าการพักที่สถานที่ท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นถ้าคุณต้องการเที่ยวนิกโก้แบบประหยัดงบ คุณสามารถพักที่โรงแรมเหล่านี้ และนั่งรถบัสไปเที่ยวสถานที่อื่นๆ ได้ครับ
11. Nikko Station Hotel Classic
สำหรับใครที่อยากได้โรงแรมใกล้กับสถานีรถไฟ Tobu-Nikko Station และ JR Nikko Station ที่นี่คือตัวเลือกอันยอดเยี่ยมที่คุณควรจะพิจารณาครับ ตัวโรงแรมอยู่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับทั้งสองสถานีรถไฟเลยก็ว่าได้ โดยห่างออกไปไม่ถึง 200 เมตรเท่านั้น ดังนั้นเหมาะเป็นพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่จำเป็นต้องออกจากเมืองตั้งแต่เช้าครับ
- ที่อยู่: 〒321-1413 Tochigi, Nikko, Aioicho, 3−1
- เช็คอิน: บ่ายสาม เช็คเอาท์: สิบโมง
ห้องพัก
ห้องพักที่นี่จะเป็นห้องพักแบบตะวันตกหรือโมเดิร์นแบบญี่ปุ่น ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วไม่ได้แตกต่างอะไรมากนัก โดยมีห้องพักให้เลือกตามนี้ครับ
- Twin Room – ตบแต่งแบบตะวันตก 18-25 ตร.ม.
- Double Room – ตบแต่งแบบตะวันตกหรือญี่ปุ่นสมัยใหม่ 16-22 ตร.ม.
- Triple Room – ตบแต่งแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่ 22-25 ตร.ม.
- Suite Room – ตบแต่งแบบตะวันตก 25-50 ตร.ม.
ขนาดห้องพักของที่นี่เทียบเท่ากับ Business Hotel ทั่วไปที่ห้องพักไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกก็ยังจัดเต็มตามสไตล์ญี่ปุ่นครับ ดังนั้นเป็นโรงแรมที่คุณสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายๆ เลยทีเดียว
Facilities และการบริการอื่นๆ
- ร้านอาหาร บาร์ และคอฟฟี่ช็อป รวมแล้วกว่า 5 แห่ง
- ออนเซ็นแบบในร่มและ open-air รวมไปถึงสปา
- ที่จอดรถฟรี
จุดเด่นจุดด้อย
จุดเด่น
- ใกล้กับสถานีรถไฟทั้งสองแห่ง และบริเวณโดยรอบยังมีร้านค้าพอสมควร
- สิ่งอำนวยความสะดวกดีทั้งในห้องและนอกห้อง โดยเฉพาะออนเซ็น
- การบริการโดยรวมดีมาก
- ราคาต่อคืนย่อมเยา คุ้มค่ากับคุณภาพห้องและ facilities ต่างๆ
จุดด้อย
- ห้องพักบางห้องค่อนข้างเก่า
สรุป
ที่นี่เป็นโรงแรมที่ครบเครื่องมาก เพราะในราคาค่าห้องแค่ 3,000-5,000 บาทต่อคืน คุณสามารถได้ห้องพักกว้างขวางพอสมควรที่มี amenities ในห้องที่สมบูรณ์แบบ และยังมีออนเซ็นให้ใช้บริการได้อีก แถมตัว location ของโรงแรมก็ยังดีเยี่ยมอีกด้วย
ผมมองว่าถ้าคุณไม่ซีเรียสเรื่องการนั่งรถไกลๆ (เพราะได้เช่ารถขับมาแล้ว) หรือว่าไม่ได้ต้องการนอนชมวิวจากห้องพักของคุณ การเลือกพักที่นี่ถือว่าน่าสนใจ เพราะคุณจะประหยัดค่าที่พักไปได้หลายพันบาทต่อคืนเลยครับ
ที่พักราคาประหยัดในเมืองนิกโก้และตัวเลือกอื่นๆ
Stay Nikko Guesthouse – เป็นเกสต์เฮ้าส์ไซส์เล็กเหมาะสำหรับใครที่อยากได้ที่พักใกล้สถานีรถไฟราคาไม่แรง แถมยังพักได้หลายคนด้วยครับ แต่บริเวณนั้นค่อนข้างเงียบและห่างไกลร้านค้าพอสมควร
Vrbo – Vrbo เป็นเว็บไซต์จองบ้านพักต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก ซึ่งบ้านพักในเว็บจะมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ห้องราคาประหยัดไปจนถึงห้องพักหรูหรา จากที่ผมตรวจสอบพบว่ามีบ้านพักและอพาร์ตเมนต์มากมายที่ราคาคุ้มค่า ซึ่งถูกกว่าโรงแรมทั่วไปในนิกโก้ ถ้าคุณไม่ซีเรียสกับเรื่องการบริการมากนัก ผมมองว่าจองห้องผ่าน Vrbo ก็เป็นทางออกที่ดีครับ