ทาคายาม่า (Takayama) เป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุของประเทศญี่ปุ่น ตัวเมืองเป็นสถานที่เที่ยวที่สำคัญเพราะนอกจากจะมีศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่สวยงามแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้ว ยังมียังมีธรรมชาติที่สวยงามอย่างเทือกเขาฮิดะตั้งอยู่อีกด้วยครับ ทำให้ทาคายาม่าเป็นเมืองสวยอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
สำหรับในบทความนี้ ผมจะนำทุกท่านให้ไปรู้จักกับเมืองทาคายาม่าก่อน หลังจากนั้นจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักทาคายาม่า (Takayama)
ชื่อเต็มของเมืองทาคายาม่าที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดกิฟุนั้นคือ ฮิดะ-ทาคายาม่า ซึ่งฮิดะก็คือเทือกเขาฮิดะนั่นเอง ชื่อนี้มักจะใช้เรียกเพื่อแยกเมืองนี้ออกจากเมืองอื่น เพราะในญี่ปุ่นมีเมืองชื่อทาคายาม่าหลายแห่งนั่นเอง
ความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นนั้น ทาคายาม่าไม่อาจจะเปรียบได้กับคามาคุระ นารา หรือ นิกโก้ แต่ตัวเมืองก็มีผู้คนอยู่อาศัยมาตั้งแต่ยุคโจมง (10000-300 ปีก่อนคริสตกาล) แล้วครับ
ในช่วงยุคกลางและยุคเอโดะ ทาคายาม่าเป็นแหล่งผลิตไม้คุณภาพดี ตลอดจนให้กำเนิดช่างฝีมือมากมาย ด้วยเหตุนี้โชกุนโตกุกาวะจึงไม่ได้ยกเมืองนี้ให้กับไดเมียวคนใด แต่ปกครองเมืองนี้โดยตรง ซึ่งตัวเมืองก็ได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างช้าๆ แม้ว่าจะไม่ได้หวือหวา แต่ก็ก้าวไปอย่างมั่นคง
โชคเป็นของทาคายาม่าที่ตัวเมืองไม่ได้รับความเสียหายมากมายนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (ส่วนหนึ่งเพราะตัวเมืองอยู่ในหุบเขา และห่างจากเมืองสำคัญอื่นๆ) ทำให้ย่านเมืองเก่ายังอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงปัจจุบัน
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเมืองทาคายาม่าทำอย่างไร?
การเดินทางมาเที่ยวทาคายาม่าถือว่าซับซ้อนกว่าเมืองอื่นๆ อยู่บ้าง เพราะไม่มีรถไฟจากเมืองใหญ่ๆ มาถึงทาคายาม่าโดยตรงครับ
- นั่งรถบัสจากโตเกียว – วิธีการนี้ถือว่าง่ายและประหยัดที่สุดแล้ว นั่นคือคุณนั่งรถบัสจากโตเกียวมายังทาคายาม่าโดยตรง การเดินทางจะใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมงครับ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 6,000-6,500 เยนต่อเที่ยว
- นั่งรถไฟ – นั่งชินคันเซนสาย Tokaido จากโตเกียวมายังนาโกย่า หลังจากนั้นก็นั่ง JR Hida Express Train มายังทาคายาม่า วิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง และค่าเดินทางจะรวมอยู่ใน JR Rail Pass แล้ว นั่นแปลว่าคุณไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
- เช่ารถและขับไปเอง – อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ และน่าจะเป็นทางเลือกที่เร็วที่สุดด้วย ทาคายาม่าอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 312 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เวลาขับประมาณ 3-4 ชั่วโมงครับ นอกจากนี้ถ้าคุณเช่ารถขับ คุณสามารถขับไปชิราคาวาโกะหรือกระเช้าชินโฮตากะโดยไม่ต้องยุ่งยากเปลี่ยนหรือรอรถบัสครับ
เที่ยวทาคายาม่าเดือนไหนดี?
สำหรับช่วงที่ดีที่สุดนั้น จริงๆ แล้วทาคายาม่าเที่ยวได้ทุกฤดูเหมือนกับเมืองอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่น ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-เมษายน) แน่นอนว่าจะมีซากุระให้ชม ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน) ก็มีใบไม้เปลี่ยนสี อุณหภูมิในทาคายาม่าของทั้งช่วงนี้จะกำลังดีประมาณ 10 องศาครับ
ส่วนช่วงฤดูร้อนก็แน่นอนว่าอากาศในทาคายาม่าจะอบอุ่นที่สุด โดยอยู่ที่ประมาณ 24 องศา แต่เรื่องวิวจะสู้ช่วงอื่นไม่ได้ครับ โดยส่วนตัวผมมองว่าช่วงนี้ด้อยที่สุด
ส่วนหน้าหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ก็มีหิมะครับ อากาศจะหนาวเย็นพอสมควร (-1 ถึง 3 องศา) แต่ก็ไม่ได้หนาวจัดจนเกินไป เหมาะสำหรับใครที่ชอบอากาศเย็นๆ ครับ
สรุปแล้วช่วงที่เดินทางไปจะเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะเห็นวิวแบบไหนนั่นเอง แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเอนเอียงไปช่วงฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาวครับ
สำหรับใครที่กำลังหาที่พักในเมืองอยู่ สามารถอ่านบทความที่พักดีๆ ในทาคายาม่าของผมเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ครับ
1. เมืองเก่าทาคายาม่า (Old Town)
เมืองเก่าทาคายาม่าเป็นสิ่งเดียวที่หลงเหลือจากอดีตอันรุ่งเรืองของตัวเมืองในช่วงยุคเอโดะ ในปัจจุบันอาคารที่สร้างด้วยศิลปกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เรียงรายไปตามสองข้างทาง ดังนั้นถ้าคุณมาเที่ยวที่นี่จะเหมือนกับว่าได้ย้อนยุคกลับไปในสมัยนั้นทีเดียวครับ
ภายในย่านเมืองเก่าทาคายาม่ามีร้านค้าหลายแห่ง อาทิเช่น ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายงานศิลปะ หลายๆ ร้านได้ทำธุรกิจอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้วครับ
ด้วยบรรยากาศตรงนี้ที่เหมือนกับในอดีตสุดๆ นักท่องเที่ยวหลายคนจึงนิยมใส่ชุดกิโมโน และเช่ารถสองล้อที่มีคนลาก ซึ่งดูเหมือนกับว่าคุณเป็นชนชั้นสูงญี่ปุ่นในช่วงยุคศตวรรษที่ 19 นั่นเองครับ
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือตลาดเช้า ซึ่งอยู่ในย่านเมืองเก่า โดยพ่อค้าจะนำผัก ผลไม้ รวมไปถึงดอกไม้สดคุณภาพดีมาวางขายให้ชาวเมืองให้ซื้อกันครับ
2. เข้าร่วมเทศกาลทาคายาม่า
เทศกาลทาคายาม่า (Takayama Festival) เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของเมืองแห่งนี้ โดยจะจัดขึ้นสองครั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง และดำเนินสืบกันมาหลายร้อยปี ตั้งแต่ช่วงยุคศตวรรษที่ 17 เลยทีเดียว
ไฮไลท์ของงานคือการแห่ขบวนรถ (ยาไต) ที่มีขนาดใหญ่และประณีตที่ตบแต่งโดยศิลปกรรมต้นยุคเอโดะ แสดงให้เห็นถึงฝีมือทางด้านจิตรกรรมของช่างฝีมือจากทาคายาม่าครับ
การแห่จะมีทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน แต่ช่วงกลางคืนจะสวยกว่าอย่างชัดเจน เพราะว่าขบวนรถแห่จะมีการจุดตะเกียงให้แสงสว่าง ซึ่งเมื่อรับกับย่านเมืองเก่าแล้ว จะให้บรรยากาศที่น่าประทับใจมากเลยทีเดียวครับ
นอกเหนือจากขบวนรถแห่แล้ว ในช่วงเทศกาลจะมีการแสดงคาราคุริ ซึ่งเป็นหุ่นที่ติดมากับขบวนรถแห่บางคัน ซึ่งเจ้าหุ่นนี้มีเครื่องกลที่ทำให้ตัวมันเคลื่อนไหวและเต้นรำได้ครับ
สำหรับใครที่สนใจ เทศกาลทาคายาม่าช่วงฤดูใบไม้ผลิจะจัดช่วงวันที่ 14-15 เมษายนของทุกปี ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะจัดช่วงวันที่ 9-10 ตุลาคม ซึ่งถ้าคุณจะไปในช่วงนี้ คุณควรจองที่พักในเมืองทาคายาม่าล่วงหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะช่วงนี้นักท่องเที่ยวล้นหลามเลยครับ
ส่วนใครที่ชอบรถแห่เหล่านี้เป็นพิเศษ คุณสามารถไปที่พิพิธภัณฑ์รถแห่ (Takayama Matsuri Yadai Kaikan) เพื่อชมรถแห่อื่นๆ ที่ชาวเมืองที่สร้างเอาไว้เพิ่มเติมได้ครับ
3. ทาคายาม่า จินยา
อย่างที่ผมได้เล่าไปแล้วว่าในสมัยเอโดะนั้น ทาคายาม่าถูกปกครองโดยตรงจากโชกุน ดังนั้นรัฐบาลกลางจึงส่งข้าราชการมาปกครอง ซึ่งพวกเขาก็ได้อาศัยอยู่ที่ทาคายาม่า-จินยา (Takayama Jinya) แห่งนี้นั่นเองครับ
แต่ที่นี่ไม่ใช่เป็นสถานที่พำนักของข้าราชการอย่างเดียว ตัวอาคารเป็นทั้งสถานที่ว่าราชการ ห้องต้อนรับแขกเมือง ห้องประชุม และรวมไปถึงห้องสอบสวนอีกด้วย นอกจากนี้ใกล้กับอาคารหลักยังมียุ้งฉางเก็บข้าวอายุ 400 ปีซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน
ในปัจจุบันสภาพของอาคารยังสมบูรณ์ดี แต่ละห้องปูเสื่อทาทามิอันสวยงาม แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของข้าราชการในยุคนั้นได้เป็นอย่างดีครับ
ค่าเข้าชม: 440 เยน
4. สะพานนาคาบาชิ
สะพานนาคาบาชิ (Nakabashi Bridge) เป็นสะพานสีแดงที่ชาวเมืองใช้ข้ามแม่น้ำมิยากาวะ ตัวสะพานนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กในทาคายาม่าเลยก็ว่าได้
ในช่วงเทศกาลทาคายาม่า ขบวนแห่จะข้ามผ่านสะพานแห่งนี้ และถ้าคุณเลือกไปช่วงฤดูใบไม้ผลิ สองฝั่งของแม่น้ำใกล้กับสะพานจะมีดอกซากุระผลิบาน เมื่อรวมกับบรรยากาศโบราณของเมือง และตัวขบวนแห่แล้ว คุณจะได้สัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นจริงๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยครับ
5. ชมซากุระที่สวนต่างๆ
นอกจากสะพานนาคาบาชิแล้ว ทาคายาม่ายังมีจุดชมดอกซากุระที่สวยงามอีกหลายแห่งด้วยกัน อย่างเช่น
- สวนมิยากาวะ เรียวกูชิ (Miyagawa Ryoguchi Park) – สวนไซส์กะทัดรัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมิยากาวะ ภายในสวนมีต้นซากุระหลายสิบต้นที่จะผลิดอกอันงดงามในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี
- ริมแม่น้ำเอโนะกาว่า – แม่น้ำสายแคบๆ ที่อยู่ตอนเหนือของย่านเมืองเก่า สองฝั่งของแม่น้ำมีต้นซากุระเรียงรายกันไปตามถนนสายเก่าของเมืองครับ
6. เดินเที่ยวตามทางเดินฮิกาชิยาม่า
ทางเดินฮากาชิยาม่า (Higashiyama Walking Course) เป็นทางเดินความยาว 3.5 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางเดินนี้จะผ่านวัดวาอารามและศาลเจ้าเก่าแก่ที่ชาวเมืองเคารพนับถือ ไปจนถึงซากปรักหักพังของปราสาททาคายาม่า และป่าอันอุดมสมบูรณ์ของตัวเมืองครับ
การเดินตลอดเส้นทางไม่มีอะไรซับซ้อน ดังนั้นยากที่จะหลงทางได้ และเส้นทางก็ไม่ได้วิบากอะไรมากนัก กิจกรรมนี้จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบบรรยากาศที่เงียบสงบ และเบื่อหน่ายความพลุกพล่านวุ่นวายครับ
7. หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะ
หมู่บ้านฮิดะเป็นหมู่บ้านที่มีบ้านเก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่นประมาณ 30 หลัง ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยเอโดะ อย่างไรก็ดีบ้านแต่ละหลังไม่ได้สร้างขึ้นที่นี่ แต่ถูกย้ายมาจัดแสดงที่นี่โดยรัฐบาลญี่ปุ่นในช่วงปี ค.ศ.1971 ครับ
อาคารแต่ละห้องไม่ใช่มีแต่เคหสถานแต่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมียุ้งฉาง กระท่อมสำหรับเก็บไม้ที่ชาวบ้านตัดมา รวมไปถึงบ้านแบบกาสโชซูคูริที่ถูกนำมาจากหมู่บ้านชิราคาวาโกะครับ
นอกจากนี้ใกล้กับตัวหมู่บ้าน คุณยังสามารถไปลองเรียนงานช่างที่ขึ้นชื่อของทาคายาม่าได้ที่ Hida Takayama Crafts Experience Center ได้อีกด้วย
8. ชิราคาวาโกะ
ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นยอดนิยมที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ตัวหมู่บ้านห่างออกไปจากตัวเมืองทาคายาม่าประมาณ 54 กิโลเมตร โดยตัวหมู่บ้านจะอยู่ในหุบเขา และมีบ้านโบราณแบบกาสโซสึคูริที่มีอายุ 200-300 ปีอยู่หลายหลังด้วยกัน ทั้งนี้ตัวหมู่บ้านได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในปี ค.ศ.1995 ครับ
ทั้งนี้เขตมรดกโลกชิราคาวาโกะนั้นไม่ได้เป็นหมู่บ้านเดี่ยวๆ แค่แห่งเดียว แต่จริงๆ แล้วเป็นกลุ่มหมู่บ้านทั้งในจังหวัดกิฟุ และโทยามะ (โกคายามะ, Gokayama) ได้แก่
- หมู่บ้านโอกิมาจิ (Ogimachi Village) – หมู่บ้านที่เป็นไฮไลท์ของชิราคาวาโกะ โดยมีบ้านแบบกาสโซซูคูริ 59 หลัง แต่ละหลังอยู่ใกล้กันและมีฟาร์มและพื้นที่เพาะปลูกคั่นกลาง ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว วิวที่นี่จะสวยและโรแมนติกอย่างมากเลยครับ
- หมู่บ้านไอโนคุระ (Ainokura Village) – หมู่บ้านที่อยู่บนที่ราบสูงแคบๆ ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำโช ตัวหมู่บ้านมีบ้านแบบกาสโซสึคูริ 23 หลัง ข้อดีของที่นี่คือนักท่องเที่ยวไม่ค่อยมา ทำให้บรรยากาศเดิมๆ ยังอยู่แบบครบถ้วน
- หมู่บ้านซูกะนุมะ (Suganuma Village) – หมู่บ้านที่มีขนาดเล็กที่สุดในหมู่บ้านทั้งสาม โดยมีบ้านแบบโบราณแค่ 9 หลัง แต่มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจที่แสดงให้เห็นถึงชีวิตของชาวบ้านญี่ปุ่นในสมัยเอโดะและเมจิครับ
9. ขึ้นกระเช้าชมภูเขาหิมะที่ Shinhotaka Ropeway
กระเช้าชินโฮตากะ (Shinhotaka Ropeway) เป็นสถานีกระเช้าที่อยู่ห่างจากทาคายาม่าประมาณ 53 กิโลเมตร โดยกระเช้าแห่งนี้จะนำคุณขึ้นไปสู่จุดชมวิวความสูง 2,156 เมตร
เมื่อขึ้นไปถึงแล้ว คุณจะได้ชมวิวแบบพาโนรามาของ Japan Alps ซึ่งความสวยงามไม่ได้ด้อยกว่าที่สวิสเซอร์แลนด์หรือออสเตรียเลยครับ สำหรับใครที่ชอบปีนเขาหรือเทรคกิ้งมีหลายเส้นทางให้คุณได้เลือกเช่นเดียวกัน แต่แน่นอนว่าสภาพร่างกายและอุปกรณ์ต่างๆ ต้องพร้อมครับ
ค่าเข้าชมจะอยู่ที่ 3,300 เยนต่อคนสำหรับกระเช้าไปกลับ (อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของกระเช้าครับ)
10. ลิ้มรสเนื้อฮิดะ (Hida Beef)
ทาคายาม่าเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเนื้อวากิวชั้นยอดของจังหวัดกิฟุ ซึ่งเนื้อที่ว่าก็คือเนื้อฮิดะนั่นเอง ตัวเนื้อได้รับการจัดอันดับว่ายอดเยี่ยมเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศครับ ดังนั้นถ้าไปถึงทาคายาม่าแล้ว แน่นอนว่าไม่ควรพลาดโอกาสลิ้มรสเนื้อฮิดะสักครั้ง
ในทาคายาม่ามีร้านอาหารหลายร้านที่ขายเนื้อฮิดะ และราคาก็ไม่แรงเกินไปอีกด้วย อาทิเช่น
- Hida Soba Kobune – ร้านที่ขายโซบะที่เสิร์ฟเนื้อฮิดะเลิศรสควบคู่กันไปด้วย ตัวร้านเปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1936 เลยทีเดียว
- Maruaki Hida Takayama – ร้านเนื้อที่ขายเนื้อฮิดะโดยเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ว่าจะกินแบบยากินิกุ สุกี้ยากี้ หรือชาบูครับ
นอกจากนี้ในย่านเมืองเก่าทาคายาม่ายังมีอีกหลายร้านด้วยกันที่ขายเมนูจากเนื้อฮิดะในแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมครับ
ตัวอย่างแพลนทริปทาคายาม่า
สำหรับ infographic ด้านล่างจะเป็นแพลนทริปแบบคร่าวๆ ที่ผมจัดทำไว้แล้วสำหรับทาคายาม่า ทั้งนี้คุณสามารถนำไปปรับใช้ในการแพลนทริปได้เลยอย่างอิสระ แต่ว่าเรื่องวิธีการเดินทางจะต้องตรวจสอบอีกครั้งด้วยตนเอง เพราะผู้ให้บริการอาจเปลี่ยนแปลงได้ในทุกเวลาครับ