12 โรงแรมที่พักใกล้สถานีโตเกียว (Tokyo Station) น่าจอง

สถานีรถไฟโตเกียว (Tokyo Station) เป็นสถานีรถไฟหลักของเมืองซึ่งเป็นสถานีเริ่มต้นของชินคันเซนหลายสาย อย่างเช่น Tohoku Shinkansen ที่นำนักเดินทางไปยังจังหวัดทางด้านตะวันออก อย่างเช่นมิยางิหรือยามากาตะ หรือว่า Tokaido Shinkansen ที่นำคุณไปสู่เมืองในเขตคันไซอย่างเช่นโอซาก้าและเกียวโตเป็นต้นครับ

นอกจากปัจจัยเรื่องการเดินทางแล้ว สถานีรถไฟโตเกียวยังอุดมไปด้วยร้านอาหารและร้านค้าจำนวนมหาศาล แถมยังอยู่ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลอีกด้วย นอกจากนี้โรงแรมต่างๆ ก็ยังมีมากมายทุกระดับ ตั้งแต่ระดับท็อปของมหานครไปจนถึงระดับ 3-4 ดาวที่เข้าถึงได้ง่าย ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่นักเดินทางจำนวนมากเลือกที่จะพักบริเวณนี้ยามที่ไปเยือนกรุงโตเกียวครับ

บทความนี้จึงจะมาแนะนำโรงแรมและที่พักต่างๆ ที่น่าจองในแถบนี้ พร้อมกับจุดเด่นซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการทำ research ครับ

Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองโรงแรมใกล้กับสถานีโตเกียวผ่านทางลิงค์ในบทความครับ

ข้อควรทราบ

โรงแรมระดับ Luxury ใกล้สถานีโตเกียวน่าจอง

1. Shangri-La Tokyo

Shangri-La Tokyo เป็นที่พักระดับสุดยอดอีกแห่งหนึ่งของเมือง และเรื่องทำเลนั้นก็จัดว่ายอดเยี่ยมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะตั้งอยู่ใน Marunouchi Trust Tower Main ซึ่งห่างจาก Nihonbashi Exit และ Yaesu North Exit ของสถานีโตเกียวไปแค่ 80 เมตรเท่านั้นเอง ช่วยให้คุณเดินไปช้อปปิ้งด้านในสถานี ตลอดจนลิ้มลองร้านอาหารมากมายละแวกนั้นโดยไม่ต้องเดินไปไหนไกลเลยครับ

• ที่ตั้ง: 1 Chome-8-3 Marunouchi, Chiyoda City, Tokyo 100-8283, Japan
• Check-in/out: 15.00/12.00

ห้องพัก

การตบแต่งห้องพักของที่นี่จะเป็นแบบโมเดิร์นที่มีทั้งความทันสมัยสะสมกับความคลาสสิกของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทำให้เกิดเป็นบรรยากาศในห้องที่ให้ความรู้สึกโอ่โถง อลังการ หรูหรา เช่นเดียวกับความรู้สึกผ่อนคลายครับ

รูปแบบห้องพักที่มีให้จองประกอบด้วย

• Deluxe – 50 ตร.ม. เลือกได้ระหว่างวิว Skyline หรือว่าวิวพระราชวังอิมพีเรียล
• Premier/Executive Suite – 68 ตร.ม.
• Premier Suite – 120 ตร.ม.
• Shangri-La Suite – 150 ตร.ม.
• Presidential Suite – 269 ตร.ม.

ห้องพักของที่นี่แต่ละห้องใหญ่สะใจสมกับเป็นที่พักระดับ upscale อย่างแท้จริง ด้าน room facilities ถือว่าทั้งทันสมัยและครบเครื่อง อย่างเช่น Smart TV ขนาดใหญ่แบบ 4K พร้อมด้วย Sony Soundbar, โต๊ะทำงานผู้บริหารพร้อม USB/HDMI Ports ไปจนถึงอุปกรณ์อาบน้ำจากแบรนด์ L’Occitane และแน่นอนว่าเครื่องทำกาแฟของ Nespresso ก็มีให้คุณใช้บริการ คุณจะได้จิบกาแฟอุ่นๆ และนั่งบนโซฟาเพื่อชมวิวมุมสูงของกรุงโตเกียวผ่านหน้าต่างบานใหญ่ครับ

ในส่วนของห้องสวีทนั้นจะมี Club Benefits (เข้า Executive Lounge ได้) อยู่แล้ว ทว่าสำหรับห้อง Deluxe และ Premier นั้นจะต้องจองเป็นห้องพิเศษที่มี Benefit ที่ว่ามาด้วย ถึงจะได้สิทธิ์ดังกล่าวครับ

Facilities และบริการอื่นๆ

• ร้านอาหาร บาร์ และ Lounge รวม 4 แห่ง
• Club Lounge ชั้น 37
• ห้องฟิตเนส
• บริการสปาแบบครบวงจร
• บริการจัดเลี้ยง ประชุม และสัมมนา
• ที่จอดรถของโรงแรม (ไม่ฟรี)

สรุป

2. The Tokyo Station Hotel

The Tokyo Station Hotel เป็นโรงแรมระดับ luxury ที่ตั้งอยู่ในสถานีโตเกียวมานานกว่า 1 ศตวรรษ ตัวโรงแรมได้รับการ renovate ให้เป็นที่พักแบบ European Classic ที่งดงามยิ่ง

ส่วนเรื่องทำเลนั้นอาจจะเรียกได้ว่าอยู่ในจุดที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งอยู่ในสถานีรถไฟโตเกียวเลยครับ เพราะฉะนั้นคุณจะเข้าถึงร้านอาหาร ร้านค้า แหล่งช้อปปิ้ง ตลอดจนการเดินทางทั้งในเมืองและระหว่างเมือง ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากโรงแรมครับ

• ที่ตั้ง: 1-9-1 Marunouchi, Chiyoda-ku, 100-0005, Tokyo, Japan
• Check-in/out: 15.00/12.00

ห้องพัก

ตัวโรงแรมเปิดในปี ค.ศ.1915 และตั้งอยู่ในอาคารอิฐสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของสถานีโตเกียว ซึ่งได้รับการประกาศว่าเป็นมรดกของประเทศญี่ปุ่นไปแล้วครับ ทั้งนี้ตัวโรงแรมได้รับการ renovate ใหญ่เสร็จสิ้นในปี ค.ศ.2012 ครับ

ในส่วนของตัวห้องนั้น ดีไซน์จะเป็นแบบ European Classic ที่ดูหรูหรา อลังการ และสวยงามไปในคราวเดียวกัน ตัวห้องนั้นจะมีความโดดเด่นตรงที่มีเพดานสูง โดยบางห้องอาจจะสูงถึง 3.7 เมตรเลยทีเดียว ทำให้คุณได้รับความปลอดโปร่งยิ่งกว่าการพักในห้องปกติไปอย่างมากครับ

นอกจากนี้ห้องของที่นี่จะมีจุดเด่นที่สว่าง เพราะว่ามีหน้าต่างบานใหญ่ที่นำ natural light เข้ามา แถมในห้องยังพร้อมด้วย Chandelier แบบฝรั่งเศสที่ให้แสงสว่างและความอบอุ่นครับ

ห้องพักที่มีให้เลือกประกอบด้วย

• Classic Room – 26-47 ตร.ม. มีหน้าต่างแต่ห้องนี้จะไม่มีวิวใดๆ ให้ชม
• City View/Dome Side Room – 26-44 ตร.ม.
• Palace Side – 34-45 ตร.ม. ตั้งอยู่ฝั่งพระราชวังอิมพีเรียล เห็นวิวย่านมารุโนะอุจิอย่างสวยงาม
• Palace View – 40-55 ตร.ม. เห็นวิวพระราชวังอิมพีเรียล
• Junior Suite – 58 ตร.ม.
• Maisonette – 65 ตร.ม. ห้องแบบสองชั้น
• Maisonette Suite – 72-120 ตร.ม.
• Ambassador Suite – 95 ตร.ม.
• Imperial Suite – 173 ตร.ม.

สำหรับขนาดห้องพักนั้นจัดว่ากว้างขวางแทบทุกห้อง (ยกเว้นห้องระดับเริ่มต้นบางห้องที่เล็กไปบ้างถ้าเทียบกับโรงแรมระดับเดียวกัน) ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นจัดว่าเยี่ยมยอด ตั้งแต่เตียงแบรนด์ Simmons พร้อมเทคโนโลยีแบบ pocket coil อุปกรณ์อาบน้ำแบบ original ที่ผลิตโดยแบรนด์อย่าง Histoires de Parfums ส่วนชากาแฟ LCD TV เตารีด โซฟา ทุกอย่างมีพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้คุณพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ และเตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่ครับ

Facilities และบริการอื่นๆ

• ร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่รวม 10 แห่ง
• ห้องฟิตเนส
• ออนเซ็น ซาวน่า และ cold bath (ไม่ฟรี 2,000 เยนต่อคน)
• บริการนวดและทรีตเมนต์
• ห้องประชุมและสัมมนา
• Meet & Greet Service (ไปรับที่สถานีรถไฟโตเกียว)
• ที่จอดรถ (ไม่ฟรี)

สรุป

3. Mandarin Oriental Tokyo

Mandarin Oriental Tokyo เป็นอีกหนึ่งโรงแรม 5 ดาวที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟโตเกียว โดยตั้งอยู่ใน Nihonbashi Mitsui Tower หรือประมาณ 900 เมตรจากสถานีครับ

ระยะทางนี้อาจจะดูไกลพอสมควรสำหรับการเดินไป แต่โรงแรมอยู่ติดกับสถานีรถไฟใต้ดินถึงสองแห่ง (Shin-Nihonbashi และ Mitsukoshimae) ทำให้คุณนั่งรถไฟไปสถานีรถไฟโตเกียว หรือย่านกินซ่าได้อย่างไม่ยากเย็น เช่นเดียวกับนั่งแท็กซี่ครับ

• ที่ตั้ง: 2 Chome-1-1 Nihonbashimuromachi, Chuo City, Tokyo 103-8328, Japan
• Check-in/out: 15.00/12.00

ห้องพัก

คอนเซปต์ของที่นี่คือ Futuristic Luxury ผสมกับความเป็นญี่ปุ่นเข้าไปกลายเป็นห้องพักแบบร่วมสมัยที่ทั้งทันสมัยแต่แสดงถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือเรื่องวิว เพราะไม่ว่าคุณจะพักห้องใด ห้องนั้นจะมีหน้าต่างแบบ floor-to-ceiling ช่วยให้คุณชมความสวยงามของ Tokyo Skyline ได้โดยไม่มีอะไรขวางกั้นครับ

รูปแบบห้องพักที่มีให้เลือกประกอบด้วย

• Deluxe – 50 ตร.ม. โทนสีในห้องจะเป็นส้มทองคำ ห้องฝั่งตะวันตกจะเป็นวิวภูเขาไฟฟูจิ มีห้องที่เห็นวิว Tokyo Skytree ให้เลือกจอง
• Mandarin Grand – 60 ตร.ม.
• Premier Suite – 90 ตร.ม.
• Mandarin/Oriental Suite – 100 ตร.ม.
• Presidential Suite – 250 ตร.ม.

ทั้งนี้ห้องพักเกือบทุกรูปแบบสามารถเลือกได้ระหว่าง Twin และ King ครับ เพราะฉะนั้นจะตอบโจทย์นักเดินทางได้ทุกกลุ่มแบบไม่มีอะไรติดขัด ในส่วนของพื้นที่ใช้สอยที่เริ่มต้นที่ 50 ตร.ม. ถือว่าใหญ่มาก ชนิดที่ว่าเหนือโรงแรม luxury ระดับใกล้เคียงกันไปพอสมควรเลยทีเดียว

ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นครบเครื่องไปด้วยทุกสิ่งแบบไม่มีอะไรตกบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น 4K TV ขนาด 55 นิ้วพร้อม Bluetooth Speaker เครื่องทำกาแฟ อุปกรณ์อาบน้ำของแบรนด์ Natura Bissé ไปจนถึงอ่างอาบน้ำ โซฟาตัวใหญ่สำหรับชมวิวที่ให้คุณชมแสงสียามค่ำคืนของกรุงโตเกียวจากหน้าต่างบานใหญ่ครอบคลุมพื้นที่จากพื้นสู่เพดานครับ

Facilities และบริการอื่นๆ

• ร้านอาหาร บาร์ และ Lounge รวม 11 แห่ง
• ฟิตเนสเซนเตอร์ โยคะและ pilates
• บริการสปาแบบครบวงจรซึ่งเคยชนะรางวัลมาแล้วมากมาย (ไม่ฟรี)
• บริการทัวร์และกิจกรรมต่างๆ ในเมือง
• ห้องจัดเลี้ยงและสัมมนา
• Gourmet Shop ของโรงแรม
• ที่จอดรถของโรงแรม (ไม่ฟรี)

สรุป

4. Four Seasons Hotel Tokyo at Otemachi

Four Seasons Hotel Tokyo at Otemachi เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ใน Otemachi One Tower ซึ่งอยู่ใกล้กับสวนตะวันออกของพระราชวังอิมพีเรียล แต่ก็อยู่ในระยะที่เดินถึงได้อย่างสบายๆ จากสถานีรถไฟโตเกียว (850 เมตร)

ทว่าถ้าคุณไม่ต้องการเดิน คุณอาจจะเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดิน (Marunouchi Line) ที่สถานี Otemachi ไปยังสถานีโตเกียวได้ครับ ซึ่งจะประหยัดเวลาและแรงไปได้พอสมควรครับ แต่แน่นอนว่าการใช้แท็กซี่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคณะที่มีกระเป๋าจำนวนมากครับ

• ที่ตั้ง: 1 Chome-2-1 Ōtemachi, Chiyoda City, Tokyo 100-0004, Japan
• Check-in/out: 15.00/12.00

ห้องพัก

ดีไซน์ของห้องพักของที่นี่จะเป็นแนวร่วมสมัยที่ใช้สีเทาอ่อนเป็นแกนหลัก ร่วมกับสีสุภาพอื่นๆ ที่สร้างบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายและซอฟต์ซึ่งจะช่วยให้คุณนอนหลับพักผ่อนได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนหน้าต่างก็เป็นบานใหญ่แบบ floor-to-ceiling ให้คุณได้ยลแสงสียามค่ำคืนของกรุงโตเกียวครับ

รูปแบบห้องพักที่มีให้เลือกประกอบด้วย

• Superior – 49 ตร.ม.
• Deluxe – 50-54 ตร.ม.
• Premier Studio – 61 ตร.ม.
• Executive Suite – 67 ตร.ม.
• Four Seasons Suite – 76 ตร.ม.
• Premier Suite – 81 ตร.ม.
• Panoramic Suite – 100 ตร.ม.
• Otemachi Suite – 162 ตร.ม.
• Imperial Suite – 283 ตร.ม.

นอกเหนือจากเรื่องพื้นที่ใช้สอยที่เป็นจุดแข็งของเครือ Four Seasons อยู่แล้วนั้น ห้องพักของที่นี่ยังมีวิวที่สวยมาก โดยมีให้เลือกระหว่างวิวพระราชวังอิมพีเรียล และวิว Skyline ห้องที่สวยพิเศษนั้นจะเป็นห้องที่อยู่มุมตึก (Corner Room) เพราะจะมีกระจกบานใหญ่ให้ชมวิวได้ทั้งสองมุมเลยครับ

ส่วนเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นไม่ต้องห่วงเลย เพราะมีตั้งแต่หมอนหลากหลายแบบให้เลือก ผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำเกรด luxury (แบรนด์ Diptyque หรือ Frederic Malle) โซฟาสำหรับนอนเล่น อ่างอาบน้ำไปจนถึง Smart TV พร้อม Bose Speaker และ iPad สำหรับเข้าถึงบริการต่างๆ ของโรงแรม ฯลฯ

ไม่เพียงเท่านั้นห้องพักทุกห้องจะได้รับการทำความสะอาดโดยพนักงานวันละสองครั้ง แถมยังมี sleep playlist ที่จัดการโดยทำโดยฝ่ายสปาที่ช่วยให้คุณนอนหลับได้อย่างง่ายดายและเต็มอิ่มครับ

Facilities และบริการอื่นๆ

• ร้านอาหาร 4 แห่ง
• ห้องฟิตเนสและบริการ training เช่นโยคะ
• สระว่ายน้ำแบบ indoor
• บริการสปาแบบครบวงจร
• บริการจัดเลี้ยง สัมมนา และประชุม
• บริการรับส่งสนามบิน
• ที่จอดรถฟรี

สรุป

5. HOSHINOYA Tokyo

Hoshinoya Tokyo เป็นเรียวกังระดับเรือธงใจกลางกรุงโตเกียวจากเครือ Hoshino Resorts ที่เป็นตัวเลือกอันยอดเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ตั้งของโรงแรมอยู่กึ่งกลางระหว่างสถานีโตเกียวและพระราชวังอิมพีเรียล เพราะฉะนั้นคุณสามารถเดินเข้าไปชมส่วนของพระราชวังอิมพีเรียลที่เปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้ในเวลาไม่กี่นาที เช่นเดียวกับได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางไปยังตัวสถานี (ห่างไปประมาณ 600 เมตรครับ)

ถ้าคุณไม่ต้องการเดิน ใกล้กับโรงแรมมีสถานี Otemachi Station ที่คุณสามารถนั่งรถไฟ Marunouchi Line ไปยังสถานีโตเกียวได้ครับ ในส่วนของร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อก็มีมากมายเช่นกันครับ อย่างไรก็ดีผู้เข้าพักของโรงแรมหลายคนได้ให้ข้อมูลว่า ทางเข้าโรงแรมนั้นหาค่อนข้างยากครับ

• ที่ตั้ง: 1 Chome-9-1 Ōtemachi, Chiyoda City, Tokyo 100-0004, Japan
• Check-in/out: 15.00/12.00

ห้องพัก

แม้ว่าจะดูภายนอกแล้วเหมือนกับเป็นโรงแรม แต่รากฐานตลอดจนการบริการของที่นี่จะเป็นรูปแบบเรียวกังครับ ทันทีที่คุณย่างก้าวเข้าไปในตัวตึก คุณจะได้รับการต้อนรับจากพนักงานในชุดกิโมโน หลังจากที่คุณถอดรองเท้าเรียบร้อยแล้ว พนักงานจะนำคุณไปสู่ล็อบบี้ตามโถงที่ปูด้วยเสื่อทาทามิอย่างดีครับ

แต่ละชั้นได้การจัดสรรราวกับว่าเป็นเรียวกังเดี่ยวแยกย่อยไป โดยทุกชั้นจะมีแค่ 6 ห้องเท่านั้น และเชื่อมด้วย Lounge ส่วนตัวแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่าโอชาโนมะ (Ochanoma) ที่เสิร์ฟของว่างและเครื่องดื่มครับ

ในส่วนของดีไซน์ในห้องพักนั้นจะเป็นแบบ traditional design ของญี่ปุ่นที่นำมาผสานกับการตบแต่งแบบร่วมสมัย ในห้องจะใช้ไฟอ่อนๆ ช่วยให้คุณเกิดความรู้สึกผ่อนคลายครับ อย่างไรก็ดีทุกห้องของที่นี่จะมีเตียง ไม่ใช่ฟุตง ดังนั้นถ้าจะว่าเป็นเรียวกังแท้ๆ แบบดั้งเดิมจริงๆ ก็คงจะไม่ใช่เช่นเดียวกัน แต่ก็ให้ความสบายใจสำหรับนักเดินทางที่มีปัญหาเรื่องการลุกนั่งครับ

รูปแบบห้องพักที่มีให้เลือกประกอบด้วย

• Sakura/Yuri – 41 ตร.ม. ทั้งนี้ Sakura คือห้องเตียง Twin ส่วน Yuri คือห้องเตียง King
• Kiku – 83 ตร.ม.

พื้นที่ใช้สอยของแต่ละห้องถือว่าใหญ่และกว้างขวางสำหรับเรียวกังทั่วไป ทว่าไม่มีห้องใหญ่ระดับสวีทให้เลือกจองเหมือนกับที่อื่นครับ ในส่วนของ room facilities นั้นถือว่ายอดเยี่ยม เพราะมีตั้งแต่อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ โซฟาที่ใหญ่พอที่จะนอนได้ โต๊ะทำงาน ฯลฯ ที่ช่วยให้คุณสัมผัสประสบการณ์ที่พักแบบญี่ปุ่นได้อย่างพร้อมสรรพที่สุดครับ

Facilities และบริการอื่นๆ

• ร้านอาหารของโรงแรม
• ออนเซ็นแบบในร่มและ open-air
• บริการทรีตเมนต์แบบครบวงจร
• บริการทัวร์และกิจกรรมต่างๆ
• บริการจัดเลี้ยง
• ที่จอดรถของโรงแรม (ไม่ฟรี)

สรุป

6. Ascott Marunouchi Tokyo

Ascott Marunouchi Tokyo เป็นที่พักที่แตกต่างจากที่อื่นที่ผมแนะนำไป เพราะว่าเป็นแบบ apartment hotel หรือเป็นอพาร์ตเมนต์ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ คล้ายโรงแรม ทำให้เป็นอีก option ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ

ตัวโรงแรมอยู่ใกล้กับทางเข้าพระราชวังอิมพีเรียลพอดี ส่วนสถานีโตเกียวนั้นห่างไปประมาณ 650 เมตร เพราะฉะนั้นยังพอเดินไปได้แบบไม่ไกลมากนักครับ แต่ถ้าสัมภาระมากจริงๆ การใช้แท็กซี่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ

• ที่ตั้ง: 1-9-1 Marunouchi, Chiyoda-ku, 100-0005, Tokyo, Japan
• Check-in/out: 15.00/12.00

ห้องพัก

อย่างที่ผมได้เกริ่นไปแล้วว่าที่นี่เป็น apartment hotel ซึ่งห้องที่มีให้เลือกนั้นจะเริ่มต้นที่ 38 ตร.ม.ไปจนถึงห้องใหญ่ที่สุดที่ 163 ตร.ม. เพราะฉะนั้นทุกห้องจะให้พื้นที่ใช้สอยที่ดีทีเดียวครับ แต่ละห้องเป็นสไตล์ร่วมสมัยที่น่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว

ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกแน่นอนว่าจะเป็นระดับอพาร์ตเมนต์ นั่นคือทุกห้องจะมีห้องครัวพร้อมเครื่องครัวอย่างเสร็จสรรพ นอกจากนี้ยังมีเครื่องทำกาแฟอีกด้วย ให้คุณทำอาหารมารับประทานที่โต๊ะกินข้าวได้อย่างอิสระครับ

นอกจากนี้ในห้องยังมี facilities มาตรฐานเหมือนโรงแรม เช่น Smart TV แบบ Flat Screen พร้อมระบบ Home Entertainment อ่างอาบน้ำ โต๊ะทำงาน ฯลฯ ดังนั้นคุณจะได้รับความสะดวกสบายไม่ต่างอะไรกับการพักที่คอนโดของคุณเองเลยครับ

Facilities และบริการอื่นๆ

• ร้านอาหาร
• ห้องฟิตเนสและสระว่ายน้ำในร่ม
• Business Center
• Outside Terrace สำหรับนั่งเล่น
• ห้องประชุมและสัมมนา
• ที่จอดรถและบริการรับส่งสนามบิน

สรุป

7. Palace Hotel Tokyo

Palace Hotel Tokyo เป็นหนึ่งในโรงแรมที่อยู่ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลมากที่สุด โดยอาจจะเรียกได้ว่าเดินออกนอกโรงแรมก็เข้าประตูอันไปสู่เขตพระราชฐานได้เลยทันทีครับ ส่วนสถานีโตเกียวนั้นอยู่ห่างไปประมาณ 650 เมตร ซึ่งใกล้พอสำหรับการเดินทางไปครับ แต่แน่นอนว่าถ้าคุณมีสัมภาระมากจริงๆ การใช้แท็กซี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าครับ

• ที่ตั้ง: 1 Chome-1-1 Marunouchi, Chiyoda City, Tokyo 100-0005, Japan
• Check-in/out: 15.00/12.00

ห้องพัก

ด้วยความที่ตั้งอยู่ใกล้กับสวนของพระราชวังอิมพีเรียลเป็นอย่างยิ่ง จุดแข็งของที่นี่จึงเป็นเรื่องวิวมุมสูงที่จะสวยมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะว่าต้นไม้มากมายในสวนจะเปลี่ยนสีให้ได้ชมอย่างเต็มๆ ตาครับ ห้องทั้งหมดยกเว้น Deluxe บางห้องจะมีระเบียงด้วยที่ช่วยให้คุณชมวิวได้ดียิ่งขึ้นไปอีกครับ

สำหรับดีไซน์ห้องพักนั้นเป็นแบบร่วมสมัยที่ใช้คอนเซปต์ earthy tone ที่เพิ่มกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติเข้าไป รูปแบบห้องพักที่มีให้เลือกประกอบด้วย

• Deluxe – 45 ตร.ม. บางห้องไม่มีระเบียง
• Grand Deluxe – 55 ตร.ม.
• Executive Suite/Garden Suite – 75 ตร.ม.
• Chiyoda Suite – 80 ตร.ม.
• Premier Suite – 90 ตร.ม.
• Park/Terrace Suite – 120 ตร.ม.
• Palace Suite – 210-250 ตร.ม.

ในส่วนของพื้นที่ใช้สอยนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลยเพราะว่าแต่ละห้องกว้างขวางมาก ทุกห้องจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัย เช่น 4K HDR TV ขนาด 55 นิ้ว พร้อม Bose Bluetooth Speaker เช่นเดียวกับเครื่องทำกาแฟ Nespresso และเซฟที่ทันสมัย

ด้านอุปกรณ์อาบน้ำนั้นก็เป็นของแบรนด์ระดับ luxury อย่าง Bamford เช่นเดียวกับผ้าอิมาบาริอย่างดี ชุดนอน และอื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยให้คุณพักผ่อนอย่างเต็มที่ครับ

สำหรับห้องสวีทนั้นจะได้รับ Club Lounge Access อยู่แล้ว ส่วนห้อง Deluxe และ Grand Deluxe นั้นจะยังไม่มี แต่สามารถเลือกจองห้องที่มี benefit ดังกล่าวได้ครับ

Facilities และบริการอื่นๆ

• ร้านอาหาร บาร์ และ Lounge รวม 10 แห่ง
• ห้องฟิตเนสและสระว่ายน้ำ
• บริการสปาแบบครบวงจรภายใต้การดูแลของ evian Spa Tokyo
• Club Lounge
• ห้องประชุม สัมมนา และจัดเลี้ยง
• ที่จอดรถฟรีและ Valet Parking
• บริการรับส่งสนามบินและสถานที่ต่างๆ ในกรุงโตเกียว

สรุป

8. Aman Tokyo

Aman Tokyo เป็นที่พักระดับ ultra luxury ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นระดับสุดยอดของญี่ปุ่น ราคาต่อคืนของที่นี่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศอย่างไม่มีข้อสงสัย แต่แน่นอนว่าคุณจะได้สัมผัสโอโมโตะนาชิระดับขั้นสูงสุดของญี่ปุ่นด้วยเช่นกันครับ

ตัวโรงแรมตั้งอยู่บน Otemachi Tower ตึกระฟ้าที่ด้านหนึ่งหันไปทางสวนอันเขียวขอุ่มอันเป็นเขตพระราชฐานขององค์พระจักรพรรดิ ส่วนอีกด้านหนึ่งคือตึกระฟ้าของมหานครโตเกียว ส่วนสถานีโตเกียวนั้นห่างไปแค่ 270 เมตรเท่านั้น ซึ่งคุณเดินไปถึงได้ในเวลาประมาณ 4 นาทีครับ

• ที่ตั้ง: The Otemachi Tower, 1 Chome-5-6 Ōtemachi, Chiyoda City, Tokyo 100-0004, Japan
• Check-in/out: 15.00/12.00

ห้องพัก

ห้องพักของที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบ้านพักชนชั้นสูงของญี่ปุ่น สถาปนิกนั้นได้ผสานศิลปกรรมญี่ปุ่นอย่างเช่นการใช้ไม้และกระดาษวาชิ เข้ากับสถาปัตยกรรมตะวันตก ก่อให้เกิดเป็นห้องพักสไตล์ Japanese Modern ที่สวยงามยิ่งยง

ทุกห้องของที่นี่จะมีหน้าต่างแบบ floor-to-ceiling ที่ให้คุณชมวิวสวยๆ ของกรุงโตเกียวได้อย่างเต็มๆ ตาครับ บางห้องอาจจะเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วยในวันฟ้าใสครับ

ทุกห้องของที่นี่จะเป็นระดับสวีทครับ เพราะฉะนั้นการันตีได้เลยเรื่องขนาดและความหรูหรา ขนาดห้องพักจะเริ่มต้นที่ 77 ตารางเมตร ส่วนห้องที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ 157 ตร.ม.ครับ ด้าน room facilities นั้น แน่นอนว่าเป็นระดับ luxury ให้คุณได้พักผ่อนอย่างสุขสบายครับ

Facilities และบริการอื่นๆ

• ร้านอาหารและคาเฟ่รวม 5 แห่ง
• ห้องฟิตเนสและสระว่ายน้ำในร่ม (ยาว 30 เมตร)
• บริการจัดเลี้ยงและประชุม
• บริการทัวร์ คลาส และ workshop ต่างๆ
• บริการสปาแบบครบวงจรตามแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น (พื้นที่สปาของที่นี่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโรงแรมทั้งหมดในโตเกียว)
• ที่จอดรถของโรงแรม

สรุป

ที่พักทั่วไปน่าจองใกล้สถานีโตเกียว

9. Hotel Ryumeikan Tokyo

Hotel Ryumeikan Tokyo เป็นตัวเลือกที่พักคุณภาพราคาประหยัดที่หลายคนยากจะเชื่อว่ามีอยู่จริงในย่านสถานีรถไฟโตเกียว แถม location ของโรงแรมยังไม่แย่อีกด้วย เพราะห่างจาก Nihonbashi Exit และ Yaesu North Exit ของสถานีโตเกียวไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเป็น hidden gem ที่นักเดินทางที่ชอบความคุ้มค่ามองข้ามไม่ได้เลยครับ

• ที่ตั้ง: 1 Chome-3-22 Yaesu, Chuo City, Tokyo 103-0028, Japan
• Check-in/out: 14.00/11.00

ห้องพัก

ดีไซน์ของห้องส่วนใหญ่นั้นอาจจะเรียกได้ว่าตรงกับ stereotype ของโรงแรมธุรกิจในญี่ปุ่นแบบแยกไม่ออก นั่นคือแบบโมเดิร์นที่เรียบง่าย และมีเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเพื่อประหยัดพื้นที่ทุกส่วนครับ อย่างไรก็ดีห้องพิเศษบางห้องจะได้รับการยกระดับขึ้นมา เช่นบางห้องจะเป็นแบบญี่ปุ่นที่สวยงามทีเดียวครับ

• Standard Single – 17.5 ตร.ม.
• Double – 19.7-31.4 ตร.ม. ห้องนี้ถือว่าใหม่กว่าห้องอื่น เพราะได้รับการ renovate ในช่วงปี 2019
• Twin – 32-37.8 ตร.ม.
• Triple – 32.7 ตร.ม.
• Japanese Junior Suite 44-50 ตร.ม. ห้องนี้จะตบแต่งในสไตล์ญี่ปุ่น แต่ว่าที่นอนยังคงเป็นเตียงแบบตะวันตกครับ
• Suite – 70 ตร.ม.

ในฐานะที่ชอบเดินทางคนเดียว ผมชอบห้องเดี่ยวของโรงแรมของที่นี่มาก เพราะถือว่าใหญ่มาก และหาได้ยากทีเดียว โดยเฉพาะในย่านชั้นนำอย่างเช่นสถานีโตเกียว ชินจูกุ หรือว่าชิบูย่าครับ แม้ว่าตัวห้องจะเป็นแนวยาวที่ไม่ค่อยสมดุลนักก็ตาม

ส่วนห้องระดับที่สูงขึ้นมานั้นคือว่ากว้างขวางกว่าที่พักระดับ 3-4 ดาวอื่นๆ โดยทั่วไป ด้าน room facilities ก็ถือว่าไม่มีอะไรตกหล่น ตั้งแต่โต๊ะทำงาน อุปกรณ์อาบน้ำและสกินแคร์ ชุดนอน ฯลฯ ดังนั้นถ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ คุณสามารถอาบน้ำแล้วนอนได้เลยโดยที่ยังไม่ต้องเปิดกระเป๋าเดินทางเลยก็ได้ครับ

Facilities และบริการอื่นๆ

• ร้านอาหาร 1 แห่ง
• เครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญ
• ที่จอดรถของโรงแรม (ไม่ฟรี แต่ถูกกว่าโรงแรมทั่วไปมาก โดยราคาอยู่ที่ 1,200 เยนต่อคืน)

สรุป

10. Hotel Metropolitan Marunouchi

Hotel Metropolitan Marunouchi เป็นโรงแรมธุรกิจราคาย่อมเยาที่อาจจะเรียกได้ว่าอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด เพราะอยู่ที่ชั้น 27-34 ของอาคาร Sepia Tower ที่อยู่หน้าทางออกสถานีโตเกียว (เดินไปประมาณ 80 เมตร หรือว่าใช้ทางเดินในร่มจากทางออก Nihonbashi ก็ได้ครับ) ทำให้สะดวกมากทั้งเรื่องหาอะไรรับประทาน ช้อปปิ้ง และการเดินทางครับ

• ที่ตั้ง: 1-9-1 Marunouchi, Chiyoda-ku, 100-0005, Tokyo, Japan
• Check-in/out: 15.00/12.00

ห้องพัก

ด้วยความที่เป็นโรงแรมธุรกิจ ห้องพักในโรงแรมจึงให้ความสำคัญกับเรื่องการใช้งานเป็นหลัก การตบแต่งจึงใช้เป็นโทนสีอ่อนแบบ minimalistic แต่ก็แฝงกลิ่นอายความญี่ปุ่นเข้ามาไม่น้อย บรรยากาศด้านในห้องจึงสบายๆ แต่ก็ดูสวยงามแบบเรียบง่ายครับ

ทั้งนี้รูปแบบห้องพักที่มีให้เลือกประกอบด้วย

• Double – 17-18 ตร.ม.
• Queen – 17-23 ตร.ม.
• King – 22-28 ตร.ม.
• Twin – 25-30 ตร.ม.

สำหรับห้อง Double และ Queen นั้นจะมีห้องที่ไม่มีหน้าต่างด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้คุณรู้สึกอึดอัดไม่น้อย แต่ก็แลกกับราคาที่ถูกลงครับ ส่วนห้องที่มีนั้น หน้าต่างจะเป็นแบบบานใหญ่ให้คุณชมวิวสวยๆ ของกรุงโตเกียวแบบไม่ต้องไปขึ้นจุดชมวิวที่ไหนเลยครับ

ว่ากันเรื่องพื้นที่ใช้สอยนั้น ห้องของที่นี่ถือว่ากว้างขวางใชได้เลยสำหรับโรงแรมธุรกิจระดับ 3-4 ดาว ดังนั้นถ้าคุณช้อปมาเยอะ หรือว่ามีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ รับรองได้ว่าไม่มีปัญหาครับ ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นแน่นอนว่าสู้โรงแรมระดับ 5 ดาวไม่ได้ แต่ก็มีทุกสิ่งที่จำเป็นตั้งแต่ เตียงของแบรนด์ Simmons กาน้ำร้อน ชุดนอน อุปกรณ์อาบน้ำและสกินแคร์ ฯลฯ

Facilities และบริการอื่นๆ

• ร้านอาหารและบาร์
• ห้องฟิตเนส
• Business Center
• ที่จอดรถ (ไม่ฟรี)

สรุป

11. Karaksa Hotel Colors Tokyo Yaesu

Karaksa Hotel Colors Tokyo Yaesu เป็นโรงแรมธุรกิจที่ตั้งอยู่ใกล้กับ Central Exit ของสถานีโตเกียว โดยห่างออกมาจากทางเข้าแค่ 400 เมตรเท่านั้นครับ ดังนั้นเดินไปไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว แถมรอบๆ ยังมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อจำนวนมากมาย เช่นเดียวกับห้าง Takashimaya และยังไม่นับรวมร้านค้าต่างๆ ในสถานีอีกด้วยครับ

• ที่ตั้ง: 3 Chome-5-13 Nihonbashi, Chuo City, Tokyo 103-0027, Japan
• Check-in/out: 15.00/11.00

ห้องพัก

คอนเซปต์ของที่นี่คือ Colors Style ดังนั้นคุณจะเห็นการใช้สีสันอันสดใสและน่าตื่นตามาประกอบกับห้องพักแนวร่วมสมัยที่ใช้โทนสีสบายตาแบบทั่วไป ก่อให้เกิดเป็นบรรยากาศที่ชวนให้คุณกระปรี้กระเปร่าพร้อมกับเริ่มเช้าวันใหม่อย่างสดใสครับ

รูปแบบห้องพักที่มีให้เลือกประกอบด้วย

• Standard Double/Superior Twin, Triple – 21.4 ตร.ม.
• Wide Twin – 30-31.5 ตร.ม.
• Quadruple – 30-31 ตร.ม. ห้องนี้มีเครื่องซักผ้าในห้องและ projector

ห้องพักระดับเริ่มต้นที่ 21.4 ตร.ม.นั้นถือว่าใหญ่มากถ้าเทียบกับโรงแรมระดับใกล้กันในโตเกียว เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยถ้าคุณอยากได้ห้องที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยในราคาต่อคืนที่ไม่เวอร์วังจนเกินไปครับ

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นไม่ได้หวือหวาอะไรมาก แต่ก็มีครบครันตั้งแต่ชุดนอน อุปกรณ์อาบน้ำ รองเท้าแตะไปจนถึงเครื่องฟอกอากาศและปรับความชื้นที่ช่วยให้คุณหลับสบายที่สุดครับ

Facilities และบริการอื่นๆ

• บริการอาหารเช้า (เสิร์ฟที่ Lounge)
• Lounge สำหรับนั่งเล่น (มีขนมและเครื่องดื่มให้ทานฟรี) และ Kids Space
• เครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญ

สรุป

12. Mitsui Garden Hotel Kyobashi / Tokyo Station

Mitsui Garden Hotel Kyobashi เป็นโรงแรมธุรกิจระดับ 4 ดาวของเครือ Mitsui Fudosan ที่ให้บริการห้องพักคุณภาพดีในราคาไม่แรงจนเกินไปนัก ทำให้เป็นตัวเลือกที่นักธุรกิจจำนวนมากชื่นชอบครับ

ที่ตั้งของโรงแรมอยู่ห่างจากสถานีโตเกียวไปแค่ 350 เมตรเท่านั้น รอบๆ โรงแรมนั้นมีร้านต่างๆ อย่างหลากหลาย เช่นเดียวกับร้านในสถานีที่คุณเข้าถึงได้อย่างไม่ยากอีกมากมายครับ

• ที่ตั้ง: 1 Chome-3-6 Kyobashi, Chuo City, Tokyo 104-0031, Japan
• Check-in/out: 15.00/11.00

ห้องพัก

ห้องพักของที่นี่ค่อนข้างเรียบง่ายตามแบบ minimalistic สีที่ใช้ก็จะเป็นสีขาวดำเป็นหลักแต่ก็มีความโดดเด่นของวัฒนธรรมเอโดะที่รุ่งโรจน์ในอดีตผ่านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งต่างๆ ครับ

รูปแบบห้องที่มีให้เลือกมีดังต่อไปนี้

• Moderate Double – 18 ตร.ม.
• Moderate Queen/Twin – 23.5 ตร.ม.
• Superior Queen – 25.7 ตร.ม.
• Triple – 31.7 ตร.ม.
• Superior Twin – 35.3 ตร.ม.
• Junior Suite – 58.8 ตร.ม.

ขนาดห้องโดยทั่วไปถือว่าใหญ่ทีเดียวถ้าเทียบกับโรงแรมธุรกิจทั่วไปในโตเกียว อาจจะยกเว้นห้อง Moderate Double ที่เล็กไปหน่อย ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นจัดว่าครบเครื่องทีเดียว อุปกรณ์อาบน้ำ ชุดนอน ชากาแฟ และรองเท้าแตะล้วนแต่มีพร้อมสำหรับการใช้งานครับ ถ้าขาดเหลืออะไร คุณสามารถหยิบหรือขอยืมได้จากที่ล็อบบี้ครับ

Facilities และบริการอื่นๆ

• คาเฟ่สำหรับใช้บริการอาหารเช้าและเที่ยง
• Exclusive Lounge
• เครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญ

สรุป