หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวยุโรป8 ไฮไลท์หุบเขาวาเคา (Wachau Valley) และกิจกรรมน่าสนใจ

8 ไฮไลท์หุบเขาวาเคา (Wachau Valley) และกิจกรรมน่าสนใจ

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

หุบเขาวาเคา (Wachau Valley) เป็นหุบเขาสุดสวยในรัฐ Lower Austria ของประเทศออสเตรียที่เกิดจากการไหลผ่านของแม่น้ำดานูบ นอกจากทัศนียภาพทางธรรมชาติแล้ว เมืองต่างๆ ในหุบเขาแห่งนี้นั้นมีความรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับไร่องุ่นระดับโลกหลายแห่งด้วยกัน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะชอบการท่องเที่ยวแบบใด ที่นี่จะตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอนครับ

บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักหุบเขาวาเคาคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ

เมลค์ (Melk) เมืองสำคัญในหุบเขาวาเคา
by Harry Painter/ShutterStock

รู้จักหุบเขาวาเคา (Wachau Valley)

ตัวหุบเขานั้นกินพื้นที่ระหว่างเมืองขนาดเล็กสองเมืองอย่าง Melk และ Krems และมีความยาวประมาณ 36 กิโลเมตร พื้นที่บริเวณนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีมนุษย์อยู่อาศัยต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์แล้วครับ

ในสมัยจักรวรรดิโรมัน พื้นที่บริเวณหุบเขาวาเคาเป็นพรมแดนของจักรวรรดิ ดังนั้นชาวโรมันจึงมีการสร้างแนวป้องกันไปจนถึงป้อมปราการอยู่หลายแห่งเพื่อสกัดกั้นการรุกรานและการอพยพของอนารยชนกลุ่มต่างๆ

หุบเขาวาเคา (Wachau Valley)
by Sergey Fedoskin/ShutterStock

ต่อมาในสมัยยุคกลาง ดินแดนบริเวณหุบเขาวาเคาได้อยู่ในการปกครองของรัฐ Babenberg ซึ่งได้มีส่วนทำให้หุบเขาวาเคาปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์สายหลัก เพราะดยุคแห่ง Babenberg ได้คุมขังริชาร์ดใจสิงห์ (Richard the Lionheart) กษัตริย์อังกฤษที่กำลังเดินทางกลับจากการทำสงครามครูเสดครับ

หลังจากนั้นหุบเขาวาเคาไม่ได้มีความสำคัญใดๆ ในหน้าประวัติศาสตร์มากนัก จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 17 พื้นที่ส่วนนี้ได้ถูกครอบครองโดยนายทุนซึ่งได้เปลี่ยนหุบเขาแห่งนี้เป็นไร่องุ่นมาจนถึงปัจจุบันครับ

หุบเขาวาเคา (Wachau Valley) ช่วงอาทิตย์อัสดง
by Sergey Fedoskin/ShutterStock

อย่างไรก็ดีในช่วงศตวรรษที่ 17-19 ก็ได้มีการสร้างโบสถ์และวิหารจำนวนมากส่วนหนึ่งเพราะศรัทธาของผู้คนแถบนี้ที่นับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งอาคารจำนวนมากยังหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน และด้วยความที่พื้นที่บริเวณนี้ห่างไกลเมืองใหญ่ ทำให้อาคารเก่าๆ รอดพ้นจากไฟสงคราม และเหลือมาจนถึงปัจจุบันครับ

ในช่วงปี ค.ศ.2000 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้หุบเขาวาเคาเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม หลังจากนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของรัฐ Lower Austria ครับ

by Pyty/ShutterStock

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปหุบเขาวาเคา (Wachau Valley) ทำอย่างไร?

วิธีการที่สะดวกสบายที่สุดคือการเช่ารถแล้วขับมาจากเมืองใหญ่ๆ ของออสเตรีย ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงอย่างเวียนนา หรือว่าเมืองรองลงมาอย่างลินซ์หรือกราซครับ

สำหรับใครที่ไม่ได้ขับรถ คุณสามารถนั่งรถไฟมาลงที่เมือง Melk หรือ Krems แล้วใช้บริการรถบัส (Wachau-Linien bus) หรือ Wachaubahn Rail Line เพื่อไปจุดต่างๆ ในหุบเขาวาเคาได้ครับ

1. Melk

เมลค์ (Melk) เป็นเมืองเก่าแก่ที่เป็นต้นทางของการสำรวจหุบเขาวาเคาของนักเดินทางจำนวนมาก ไฮไลท์ของเมืองอยู่ที่ Melk Abbey ศาสนสถานขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ด้านในได้รับการตบแต่งอย่างสวยงามอลังการครับ

by SCStock/ShutterStock

นอกจากนี้ในเมืองยังมีย่านเมืองเก่าที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์มาก แม้ว่าจะเล็กแต่อาคารแต่ละแห่งยังสวยงามเหมือนกับในอดีต แถมยังสวยมากเพราะอยู่ริมแม่น้ำครับ

by mairu10/ShutterStock

บริเวณนอกเมืองยังมีปราสาทที่สวยงามหลายแห่ง อย่างเช่น Artstetten Castle ปราสาทของอาร์กดยุคเฟอร์ดินานด์ ผู้ที่ถูกลอบสังหารแล้วเหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ปัจจุบันร่างของพระองค์ก็ได้รับการฝังลงที่นี่เคียงคู่กับพระชายาครับ

Artstetten Castle
by borisb17/ShutterStock

ส่วนอีกแห่งที่น่าสนใจคือ Schallaburg Castle ปราสาทอายุ 900 ปีที่เป็นส่วนผสมของสถาปัตยกรรมแบบ Gothic, Romanesque และ Renaissance ครับ นอกจากนี้ดา้นในยังมีสวนสวยๆ ให้ชมอีกด้วย

Schallaburg Castle
by Bertl123/ShutterStock

2. Aggstein Castle

Aggstein Castle เป็นปราสาทโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 13 และผ่านการทำลายและสร้างใหม่มาหลายต่อหลายครั้ง ปัจจุบันตัวปราสาทเสียหายไปมาก แต่ก็ยังเหลือโครงสร้างให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ที่พำนักในปราสาทแห่งนี้ได้พอสมควร

Aggstein Castle
by Sergey Fedoskin/ShutterStock

ทว่าสิ่งที่ทำให้ปราสาทแห่งนี้โดดเด่นคือวิวที่สวยสุดจะพรรณนา เพราะตัวปราสาทอยู่บนภูเขาที่สูง 300 เมตรเหนือแม่น้ำดานูบเบื้องล่าง ทำให้คุณชมวิวมุมสูงของหุบเขาวาเคาได้แบบยากที่หาที่ใดมาเปรียบครับ

3. Spitz

Spitz เป็นเมืองขนาดเล็กที่มีส่วนของเมืองเก่าที่งามมาก ด้านในมีอารามในคริสตศาสนาอย่าง Church of St.Maurice ที่มีอายุหลายร้อยปีและยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ครับ

Spitz
by Tomas Marek/ShutterStock

ใกล้กับเมืองมีปราสาทชื่อ Hinterhaus Castle ที่มีความเป็นมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 12 และเต็มไปด้วยตำนานรวมไปถึงเรื่องลี้ลับอย่างเช่นวิญญาณของอดีตเจ้าของท่านหนึ่งจะปรากฏตัวให้เห็นในวันที่สามีของเธอเสียชีวิตเป็นต้น

by Richard Semik/ShutterStock

ห่างจากเมือง Spitz ไปประมาณ 8 กิโลเมตรเป็นที่ตั้งของ Marillenhof Kausl ฟาร์มแอปริคอทขนาดใหญ่ที่ผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นยอดจากผลแอปริคอทสดๆ ใครที่สนใจสามารถไปเยี่ยมเยือนได้ครับ

4. Weissenkirchen

Weissenkirchen เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่เป็นพื้นที่ไร่องุ่นที่ใหญ่ที่สุดของหุบเขาวาเคา ตัวหมู่บ้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูบ และอยู่มีโบสถ์ทรงโกธิคตั้งตระหง่านเป็นเอกลักษณ์ ความสวยงามของที่นี่ทำให้นักเดินทางจำนวนมากมายมาเยี่ยมเยือนเพื่อชมทัศนียภาพครับ

Weissenkirchen
by Mostovyi Sergii Igorevich/ShutterStock

5. Dürnstein

Dürnstein เป็นหนึ่งในเมืองที่นักเดินทางจำนวนมากมองว่าสวยที่สุดในหุบเขาวาเคา แน่นอนว่าตัวเมืองนั้นเป็นเมืองแบบเดิมที่มีอายุหลายร้อยปี แต่ที่นี่จะมี Dürnstein Abbey วัดในศาสนาคริสต์ที่มีหอคอยสีน้ำเงินที่เรืองรองเหนือแม่น้ำดานูบ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กทำให้คุณตระหนักว่าได้เดินทางมาถึงที่นี่แล้วครับ

Dürnstein
by canadastock/ShutterStock

สำหรับใครที่ชอบประวัติศาสตร์ คุณสามารถไปเยี่ยมชมซากของ Dürnstein Castle ปราสาทที่ครั้งหนึ่งถูกใช้กักขังริชาร์ดใจสิงห์ หนึ่งในนักรบครูเสดที่มีชื่อเสียงที่สุดได้ครับ

Dürnstein Castle
by Arthur1970/ShutterStock

6. Krems

Krems เป็นเมืองที่อยู่ตอนเหนือสุดของหุบเขาวาเคา และเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจ แต่ที่น่าสนใจที่สุดคงไม่มีอะไรเกิน Göttweig Abbey โบสถ์แสนสวยในสไตล์บารอคด้วยโทนสีชมพู ด้านในได้รับการตบแต่งอย่างงดงามด้วยผลงานศิลปะอย่างเช่นภาพเขียนสีเฟรสโกเป็นต้น ทว่าที่สุดยอดที่สุดเห็นจะเป็นบันไดแบบบารอคที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในยุโรปครับ

Göttweig Abbey
by SSKH-Pictures/ShutterStock

อีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจคือ Museum Krems พิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการผลิตไวน์ในเมืองและหุบเขาวาเคา รวมไปถึงมัสตาร์ดหวานอย่าง Kremser Senf ที่เป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่มีชื่อเสียงครับ

7. ล่องแม่น้ำดานูบ

การล่องแม่น้ำดานูบเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเมื่อได้มาเหยียบหุบเขาวาเคา เพราะคุณจะได้เห็นความงดงามทางธรรมชาติไปพร้อมเมืองสวยที่เรียงรายกันไปตั้งแต่ Melk ไปจนถึง Krems ในแต่ละปีนั้นมีนักท่องเที่ยวถึงเกือบสี่แสนคนที่เลือกที่จะล่องเรือครับ ดังนั้นคุณเองย่อมไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน

by mistervlad/ShutterStock

สำหรับตัวเลือกในการล่องนั้นมีหลายแบบ ตั้งแต่ล่องเรือเล็กแบบส่วนตัวไปจนถึงเรือใหญ่แบบเรือเฟอร์รีและเรือชมวิว หรือแม้กระทั่งล่องแพ ในส่วนของราคานั้นก็จะแตกต่างกันออกไปครับ เลือกตัวเลือกที่ต้องการได้ที่นี่

8. Wachau World Heritage Trail

ถ้าคุณมีเวลาเพียงพอ มีสภาพร่างกายที่พร้อมสรรพ และอยากสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด การเดินเทรคตามเส้นทาง Wachau World Heritage Trail เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณ

Wachau World Heritage Trail
by A. Karnholz/ShutterStock

ตัวเส้นทางยาวประมาณ 180 กิโลเมตร และครอบคลุมพื้นที่ของหุบเขาวาเคา โดยจะผ่านปราสาท ไร่องุ่น เช่นเดียวกับอารามและวิหารมากมายที่ทั้งสวยงาม อย่างไรก็ดีคุณไม่จำเป็นต้องเดินครบทั้งเส้นก็ได้ เพราะในเส้นทางจะแบ่งออกเป็น 14 ส่วนด้วยกัน คุณอาจจะเลือกเส้นทาง Durnstein-Krems ที่มีระยะทางเพียง 12.5 กิโลเมตร และเดินจบได้ในวันเดียวก็ได้ครับ

References

  • Donau.com (Official Travel Site)
Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

สถานที่ท่องเที่ยวน่าไป

โรงแรมน่าจอง

error: Content is protected !!