เวนเก้น (Wengen) หรือ ‘เว็งเงิน‘ ตามการอ่านออกเสียงแบบภาษาเยอรมันเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค Bernese Oberland ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยอยู่ใกล้กับเมืองอย่างอินเตอร์ลาเก้น และหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในละแวกเดียวกัน อย่างเลาเทอร์บรุนเนิน (Lauterbrunnen) หรือกรินเดลวัลด์ (Grindelwald) และเมือร์เริน (Mürren) ครับ
บทความนี้จึงจะนำคุณไปรู้จักกับหมู่บ้านเวนเก้นอย่างคร่าวๆ ก่อนที่จะไปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองบริการต่างๆ ผ่านทางลิงค์ในบทความครับ
รู้จักเวนเก้น/เว็งเงิน (Wengen)
หมู่บ้านเวนเก้นตั้งอยู่บนแนวภูเขาที่อยู่สูงประมาณ 1,274 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยพื้นที่โดยรอบถูกโอบล้อมด้วยภูเขาที่สูงชัน ทำให้ทัศนียภาพโดยรอบสวยงามยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวครับ
ตัวหมู่บ้านมีประวัติความเป็นมาย้อนไปได้ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 โดยมีสถานะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชาวบ้านดำรงชีพด้วยการทำฟาร์มตามแนวภูเขาสืบเนื่องมาหลายชั่วอายุคน ด้วยความที่อยู่ในถิ่นที่ทุรกันดาร ทำให้เวนเก้นปลอดภัยและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากไฟสงครามที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งครับ
จนกระทั่งถึงสมัยศตวรรษที่ 19 อันเป็นยุคของ Alpinism ซึ่งการพิชิตภูเขาหิมะต่างๆ ที่ได้รับความนิยม เช่นเดียวกับกีฬาฤดูหนาวต่างๆ เวนเก้นจึงได้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนจำนวนมากมาย โรงแรมและเกสต์เฮ้าส์จึงได้ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเพื่อรองรับนักเดินทางจำนวนมหาศาล ส่งผลต่อเนื่องให้ตัวหมู่บ้านเจริญขึ้นตามลำดับ
ในช่วงปี ค.ศ.1920 เวนเก้นเป็นสถานที่จัดการแข่งขันเล่นสกีเป็นแห่งแรกๆ ของยุโรป ซึ่งในปัจจุบันตัวหมู่บ้านก็ยังเป็นสนามแข่งขันของ Lauberhorn ski races ที่มีผู้ชมเป็นอันดับต้นๆ ของโลกครับ
ทุกวันนี้เวนเก้นยังคงเป็นหมู่บ้านที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว แต่เอกลักษณ์ของที่นี่คือเป็นหมู่บ้านแบบ car-free ที่ไม่มีรถยนต์จากภายนอกในพื้นที่หมู่บ้าน (แต่ยังมีรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าของที่พักที่ให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยว) ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรนัก เพราะว่าตัวหมู่บ้านไม่มีถนนเชื่อมกับส่วนอื่นของสวิสเซอร์แลนด์ครับ ผลที่ตามมาคืออากาศที่หมู่บ้านจึงบริสุทธิ์มาก และบรรยากาศก็เงียบสงบ เพราะแทบจะปราศจากเสียงรบกวนครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปเวนเก้น (Wengen) ทำอย่างไร?
อย่างที่ผมได้ระบุไปแล้วด้านบนว่าเวนเก้นนั้นไม่มีถนนเชื่อมกับโลกภายนอก การเดินทางไปเวนเก้นจึงอาศัยรถไฟ Wengernalp railway จากเลาเทอร์บรุนเนินเท่านั้น
เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยู่ที่เมืองใหญ่ของสวิสเซอร์แลนด์อย่างซูริค คุณจะต้องเดินทางไปยังอินเตอร์ลาเก้น (Interlaken) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด หลังจากนั้นก็ต่อรถไฟไปลงที่เลาเทอร์บรุนเนิน (Lauterbrunnen) เพื่อขึ้นรถไฟ Wengernalp railway ไปยังสถานีเวนเก้นครับ สำหรับนักเดินทางทั่วไป ผมแนะนำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการใช้ Swiss Travel Pass ครับ
ไปเที่ยวเวนเก้นช่วงไหนดี?
เวนเก้นสวยงามในทุกฤดู เหมือนกับหมู่บ้านอื่นๆของสวิสเซอร์แลนด์ (กรินเดลวัลด์, เอนเกลเบิร์ก ฯลฯ) โดยในช่วงฤดูหนาวนั้น ที่นี่เป็นแดนสวรรค์สำหรับเหล่านักสกีที่จะไปเล่นในลานหลายแห่งในบริเวณโดยรอบ เช่นเดียวกับกิจกรรมที่ท้าทายสภาพร่างกายอย่าง Winter Hiking ด้วยครับ แทบทุกตารางนิ้วในหมู่บ้านจะปกคลุมด้วยหิมะจำนวนมหาศาล ทำให้ทัศนียภาพตระการตาอย่างที่สุด
ส่วนในช่วงอื่นของปีที่ไม่มีหิมะนั้น เวนเก้นก็ยังมีกิจกรรมหลากหลายให้ได้ทำ ตั้งแต่ hiking ไปจนถึง ขี่จักรยาน ล่องแก่ง ปีนเขา และ paragliding ส่วนวิวโดยรอบนั้นก็จะสวยไปคนละแบบ ตั้งแต่ผืนหญ้าที่เขียวชอุ่มในฤดูร้อน หรือผืนป่าที่มีสีส้มเหลืองในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ
ว่าด้วยเรื่องอากาศ
เรื่องอากาศเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งสำหรับการเที่ยวที่เวนเก้นครับ อย่างตอนที่ผมไปนั้น อากาศแย่มาก ทำให้ตอนขึ้นไป Jungfraujoch ผมมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอกครับ นี่จึงเป็นหนึ่งในความเสี่ยงสำคัญที่คุณจะต้องตระหนักไว้ล่วงหน้าครับ
นอกจากนี้ใครที่จะไปเล่นสกีหรือกิจกรรมฤดูหนาวทุกประเภท อากาศที่ไม่ดีนั้นจะเพิ่มโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้อย่างมาก ดังนั้นโปรดปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และถ้าสภาพอากาศเลวร้าย คุณไม่ควรเสี่ยงครับ (มิฉะนั้นอาจจะเผชิญกับหิมะถล่มได้)
1. The Lauberhorn Run
Lauberhorn หรือ The Lauberhorn Run เป็นลานสกีที่เป็นส่วนหนึ่งของ Grindelwald-Wengen Ski Area และจัดว่าเป็นอันดับหนึ่งของเวนเก้นและภูมิภาค Bernese Oberland อย่างปราศจากข้อสงสัย เพราะลานสกีความยาว 4.48 กิโลเมตรแห่งนี้เป็นสถานที่จัดแข่งขันสกีชิงแชมป์โลก (FIS Ski World Cup) ที่จัดขึ้นทุกปีครับ
ตัวเส้นทางนั้นมีความต่างของความสูงอยู่ที่ 1,028 เมตร และตลอดเส้นทางสามารถชมวิวสวยๆ ของยอดเขาทั้งสาม Eiger, Mönch และ Jungfrau ได้อย่างสวยงามยิ่งครับ แน่นอนว่าใครที่เป็นนักสกีอยู่แล้วสามารถไปเล่นที่นี่ได้เช่นกัน
สำหรับการแข่งขันสกีชิงแชมป์โลก (FIS Ski World Cup) จะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนมกราคม แน่นอนว่าคุณสามารถเข้าชมและเชียร์นักกีฬาได้อย่างใกล้ชิดที่ลานสกี สำหรับตั๋วเข้าชมจะอยู่ที่ 55-95 CHF (ต่างกันตามวันที่แข่งขันครับ) อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ในช่วงที่ไม่มีหิมะนั้น ลานสกีแห่งนี้จะกลายสภาพเป็นส่วนหนึ่งของ Lauberhorn Trail หนึ่งในเส้นทางเดิน hiking ที่มีชื่อเสียงซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมงครับ
2. Kleine Scheidegg
Kleine Scheidegg เป็นช่องเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,061 เมตร โดยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำหรับการเล่นสกีและกิจกรรมฤดูหนาวอันหลากหลายในแถบนี้ เช่นเลื่อนหิมะ (Toboggan) เป็นต้นครับ เพราะฉะนั้นคุณจะเห็นนักเล่นสกีจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่ครับ
ในช่วงที่ไม่มีหิมะ นักเดินทางนิยมขึ้นมาที่นี่เพื่อเริ่มเดิน Hiking บนเส้นทางที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของสวิสเซอร์แลนด์อย่าง Eiger Trail ซึ่งเริ่มจาก Eiger Glacier Station ที่ห่างจาก Kleine Scheidegg ไปประมาณ 10 นาทีครับ
นอกจากนี้บริเวณหมู่บ้านก็ยังสวยงามไม่เบา เพราะอยู่ทางตอนเหนือของยอดเขา Eiger ทำให้คุณสามารถมองเห็นตัวยอดได้ชัดเจนมาก เช่นเดียวกับยอดอื่นๆ อย่าง Jungfrau ด้วย แต่แน่นอนว่าอากาศจะต้องเป็นใจด้วยครับ บริเวณหมู่บ้านนั้นมีร้านอาหารอยู่ 4 ร้านที่คุณสามารถหาอะไรรับประทานและชมวิวสวยๆ ไปได้พร้อมๆ กันครับ
ใกล้กับช่องเขา Kleine Scheidegg มีทะเลสาบขนาดเล็กชื่อว่า Fallbodensee ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟไปประมาณ 1 กิโลเมตร จุดนี้เป็นอีกหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมวิวและถ่ายรูป เพราะทะเลสาบที่มีภูเขาหิมะเป็นฉากหลังนั้นงามจับใจครับ
3. Jungfraujoch
จุดชมวิวที่ Jungfraujoch นั้นตั้งอยู่ที่ความสูง 3,454 เมตรจากระดับน้ำทะเล เพราะฉะนั้นมีโอกาสสูงที่คุณจะเผชิญกับอาการแพ้ความสูง (Altitude Sickness) ตัวผมเองตอนที่ไปก็โดนไปเต็มๆ เพราะฉะนั้นโปรดเดินช้าๆ และห้ามวิ่งเด็ดขาดตอนที่ลงจากรถไฟใหม่ๆ ครับ
Jungfraujoch เป็นยอดเขาที่สูง 3,454 เมตรที่มีรถไฟขึ้นไปถึงจุดสูงสุดมาแล้วเกินกว่า 1 ศตวรรษ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของประเทศสวิสเซอร์แลนด์เลยครับ โดยด้านบนจะมีจุดชมวิวที่มีการตั้งสมญาว่า “Top of Europe” อย่าง Sphinx และ Plateau ที่ให้คุณชมวิวของภูเขาหิมะและธารน้ำแข็งโดยรอบอย่างพาโนรามาครับ และแน่นอนว่าร้านอาหารก็มีด้วยเช่นกัน
สำหรับใครชอบภูเขาที่มีหิมะหนาๆ จะชอบที่นี่มาก (แต่ก็ขึ้นอยู่กับดวงด้วยเช่นกันว่าจะเห็นหรือไม่เห็น น่าเสียดายที่ตอนที่ผมไปไม่เห็นอะไรเลย เพราะหมอกบังหมด)
ปัจจุบันในการขึ้นไปจุดชมวิวนั้นมีทางเลือกสองวิธีได้แก่ วิธีเดิมอย่างรถไฟ Jungfrau Railway กับวิธีใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จอย่างกระเช้าไฟฟ้า Eiger Cableway ครับ ซึ่งกระเช้าจะใช้เวลาน้อยกว่าถึง 40 นาทีเลยครับ แต่หลายคนก็ยังชอบความคลาสสิคของรถไฟแบบเดิม ทั้งนี้คุณสามารถซื้อตั๋วได้จาก Klook เพื่อความสะดวกสบายครับ
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจบนจุดชมวิวคือ Ice Palace ซึ่งเป็นถ้ำน้ำแข็งที่มีการสร้างประติมากรรมน้ำแข็งโดยศิลปินผู้เชี่ยวชาญ ถ้าคุณใฝ่ฝันถึงนครน้ำแข็งแบบในเทพนิยาย ที่นี่ไม่ควรพลาดชมเลยครับ
4. Männlichen
Männlichen เป็นสกีรีสอร์ทที่เข้าถึงได้จากจากเวนเก้นและกรินเดลวัลด์ โดยฝั่งเวนเก้นนั้นจะใช้เคเบิลคาร์ (Royal Ride Gondola) ที่ให้คุณเดินทางขึ้นไปอย่างสบายๆ พร้อมทั้งชมวิวสวยๆ ของยอดเขา Eiger, Monch และ Jungfrau ได้ด้วยครับ ส่วนราคากระเช้าไปกลับจะอยู่ที่ 58 CHF ครับ
จุดเด่นของที่นี่จะอยู่ที่กิจกรรมอย่าง Winter Hiking ซึ่งมีหลายเส้นทางให้เลือก แต่ที่นิยมที่สุดคือ Royal Walk ซึ่งมีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินประมาณ 30-40 นาทีจากสถานีกระเช้าไปยังจุดชมวิวรูปร่างเหมือนมงกุฎที่ตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดของยอดเขาครับ
แต่ถ้าคุณอยากได้เส้นที่ยาวกว่านั้น ที่นี่ก็มีให้เลือกไม่น้อยครับ อาทิเช่น Männlichen–Kleine Scheidegg ซึ่งจะใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมงครับ
นอกเหนือจากชมวิวแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้เลือกทำตั้งแต่เล่นสกี (มีสอนตั้งแต่ระดับพื้นฐาน) ไปจนถึงสโนว์บอร์ด ลากเลื่อน และอื่นๆ อีกหลากหลายเลยครับ อีกหนึ่งกิจกรรมที่ดูขำแต่ได้รับความนิยมไม่น้อยคือ Ricola Karaoke Gondola หรือร้องคาราโอเกะในกระเช้ากอนโดลา กล่าวคือคุณจะได้ร้องเพลงเพราะๆ หรือมันส์ๆ ภายในบรรยากาศแบบ alpine ที่รับรองว่าไม่เหมือนกับห้องคาราโอเกะที่ไหนแน่นอนครับ
5. เดิน Hiking/Trekking และขี่จักรยาน
นอกเหนือเส้นทางที่ผมแนะนำไปด้านบนบ้างแล้วนั้น ใกล้กับเวนเก้นยังมีหลากหลายเส้นทางให้คุณได้เดิน hiking หรือ trekking (เช่นเดียวกับขี่จักรยาน) สำรวจธรรมชาติและชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงามของที่นี่
โดยเส้นทางนั้นจะแบ่งออกเป็นสองส่วนได้แก่เส้นทางในช่วงฤดูร้อน และฤดูหนาว ซึ่งแต่เส้นจะมีความยากที่แตกต่างกัน ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่ลิงค์นี้เพื่อที่จะได้เส้นทางที่เหมาะสมครับ
References
- Lauberhorn Ski World Cup
- Wengen.Swiss Official Site
- Männlichen Official Site
- My Switzerland (Wengen Article)
- Jungfrau.ch