หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวยุโรป5 ที่เที่ยวเวนเก้น (Wengen) และกิจกรรมน่าสนใจไม่ควรพลาด

5 ที่เที่ยวเวนเก้น (Wengen) และกิจกรรมน่าสนใจไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

เวนเก้น (Wengen) หรือ ‘เว็งเงิน‘ ตามการอ่านออกเสียงแบบภาษาเยอรมันเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค Bernese Oberland ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยอยู่ใกล้กับเมืองอย่างอินเตอร์ลาเก้น และหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในละแวกเดียวกัน อย่างเลาเทอร์บรุนเนิน (Lauterbrunnen) หรือกรินเดลวัลด์ (Grindelwald) และเมือร์เริน (Mürren) ครับ

บทความนี้จึงจะนำคุณไปรู้จักกับหมู่บ้านเวนเก้นอย่างคร่าวๆ ก่อนที่จะไปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ

Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองบริการต่างๆ ผ่านทางลิงค์ในบทความครับ

รู้จักเวนเก้น/เว็งเงิน (Wengen)

หมู่บ้านเวนเก้นตั้งอยู่บนแนวภูเขาที่อยู่สูงประมาณ 1,274 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยพื้นที่โดยรอบถูกโอบล้อมด้วยภูเขาที่สูงชัน ทำให้ทัศนียภาพโดยรอบสวยงามยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวครับ

ตัวหมู่บ้านมีประวัติความเป็นมาย้อนไปได้ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 โดยมีสถานะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชาวบ้านดำรงชีพด้วยการทำฟาร์มตามแนวภูเขาสืบเนื่องมาหลายชั่วอายุคน ด้วยความที่อยู่ในถิ่นที่ทุรกันดาร ทำให้เวนเก้นปลอดภัยและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากไฟสงครามที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งครับ

หมู่บ้านเวนเก้น (Wengen)
by Jarko/Pixabay

จนกระทั่งถึงสมัยศตวรรษที่ 19 อันเป็นยุคของ Alpinism ซึ่งการพิชิตภูเขาหิมะต่างๆ ที่ได้รับความนิยม เช่นเดียวกับกีฬาฤดูหนาวต่างๆ เวนเก้นจึงได้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนจำนวนมากมาย โรงแรมและเกสต์เฮ้าส์จึงได้ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเพื่อรองรับนักเดินทางจำนวนมหาศาล ส่งผลต่อเนื่องให้ตัวหมู่บ้านเจริญขึ้นตามลำดับ

ในช่วงปี ค.ศ.1920 เวนเก้นเป็นสถานที่จัดการแข่งขันเล่นสกีเป็นแห่งแรกๆ ของยุโรป ซึ่งในปัจจุบันตัวหมู่บ้านก็ยังเป็นสนามแข่งขันของ Lauberhorn ski races ที่มีผู้ชมเป็นอันดับต้นๆ ของโลกครับ

หมู่บ้านเวนเก้น (Wengen) และภูเขาหิมะโดยรอบ
by Dmitry Djouce/Flickr/CC By 2.0 DEED

ทุกวันนี้เวนเก้นยังคงเป็นหมู่บ้านที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว แต่เอกลักษณ์ของที่นี่คือเป็นหมู่บ้านแบบ car-free ที่ไม่มีรถยนต์จากภายนอกในพื้นที่หมู่บ้าน (แต่ยังมีรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าของที่พักที่ให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยว) ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรนัก เพราะว่าตัวหมู่บ้านไม่มีถนนเชื่อมกับส่วนอื่นของสวิสเซอร์แลนด์ครับ ผลที่ตามมาคืออากาศที่หมู่บ้านจึงบริสุทธิ์มาก และบรรยากาศก็เงียบสงบ เพราะแทบจะปราศจากเสียงรบกวนครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปเวนเก้น (Wengen) ทำอย่างไร?

อย่างที่ผมได้ระบุไปแล้วด้านบนว่าเวนเก้นนั้นไม่มีถนนเชื่อมกับโลกภายนอก การเดินทางไปเวนเก้นจึงอาศัยรถไฟ Wengernalp railway จากเลาเทอร์บรุนเนินเท่านั้น

เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยู่ที่เมืองใหญ่ของสวิสเซอร์แลนด์อย่างซูริค คุณจะต้องเดินทางไปยังอินเตอร์ลาเก้น (Interlaken) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด หลังจากนั้นก็ต่อรถไฟไปลงที่เลาเทอร์บรุนเนิน (Lauterbrunnen) เพื่อขึ้นรถไฟ Wengernalp railway ไปยังสถานีเวนเก้นครับ สำหรับนักเดินทางทั่วไป ผมแนะนำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการใช้ Swiss Travel Pass ครับ

ไปเที่ยวเวนเก้นช่วงไหนดี?

เวนเก้นสวยงามในทุกฤดู เหมือนกับหมู่บ้านอื่นๆของสวิสเซอร์แลนด์ (กรินเดลวัลด์, เอนเกลเบิร์ก ฯลฯ) โดยในช่วงฤดูหนาวนั้น ที่นี่เป็นแดนสวรรค์สำหรับเหล่านักสกีที่จะไปเล่นในลานหลายแห่งในบริเวณโดยรอบ เช่นเดียวกับกิจกรรมที่ท้าทายสภาพร่างกายอย่าง Winter Hiking ด้วยครับ แทบทุกตารางนิ้วในหมู่บ้านจะปกคลุมด้วยหิมะจำนวนมหาศาล ทำให้ทัศนียภาพตระการตาอย่างที่สุด

ส่วนในช่วงอื่นของปีที่ไม่มีหิมะนั้น เวนเก้นก็ยังมีกิจกรรมหลากหลายให้ได้ทำ ตั้งแต่ hiking ไปจนถึง ขี่จักรยาน ล่องแก่ง ปีนเขา และ paragliding ส่วนวิวโดยรอบนั้นก็จะสวยไปคนละแบบ ตั้งแต่ผืนหญ้าที่เขียวชอุ่มในฤดูร้อน หรือผืนป่าที่มีสีส้มเหลืองในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ

ว่าด้วยเรื่องอากาศ

เรื่องอากาศเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งสำหรับการเที่ยวที่เวนเก้นครับ อย่างตอนที่ผมไปนั้น อากาศแย่มาก ทำให้ตอนขึ้นไป Jungfraujoch ผมมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอกครับ นี่จึงเป็นหนึ่งในความเสี่ยงสำคัญที่คุณจะต้องตระหนักไว้ล่วงหน้าครับ

นอกจากนี้ใครที่จะไปเล่นสกีหรือกิจกรรมฤดูหนาวทุกประเภท อากาศที่ไม่ดีนั้นจะเพิ่มโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้อย่างมาก ดังนั้นโปรดปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และถ้าสภาพอากาศเลวร้าย คุณไม่ควรเสี่ยงครับ (มิฉะนั้นอาจจะเผชิญกับหิมะถล่มได้)

1. The Lauberhorn Run

Lauberhorn หรือ The Lauberhorn Run เป็นลานสกีที่เป็นส่วนหนึ่งของ Grindelwald-Wengen Ski Area และจัดว่าเป็นอันดับหนึ่งของเวนเก้นและภูมิภาค Bernese Oberland อย่างปราศจากข้อสงสัย เพราะลานสกีความยาว 4.48 กิโลเมตรแห่งนี้เป็นสถานที่จัดแข่งขันสกีชิงแชมป์โลก (FIS Ski World Cup) ที่จัดขึ้นทุกปีครับ

ตัวเส้นทางนั้นมีความต่างของความสูงอยู่ที่ 1,028 เมตร และตลอดเส้นทางสามารถชมวิวสวยๆ ของยอดเขาทั้งสาม Eiger, Mönch และ Jungfrau ได้อย่างสวยงามยิ่งครับ แน่นอนว่าใครที่เป็นนักสกีอยู่แล้วสามารถไปเล่นที่นี่ได้เช่นกัน

สำหรับการแข่งขันสกีชิงแชมป์โลก (FIS Ski World Cup) จะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนมกราคม แน่นอนว่าคุณสามารถเข้าชมและเชียร์นักกีฬาได้อย่างใกล้ชิดที่ลานสกี สำหรับตั๋วเข้าชมจะอยู่ที่ 55-95 CHF (ต่างกันตามวันที่แข่งขันครับ) อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

ในช่วงที่ไม่มีหิมะนั้น ลานสกีแห่งนี้จะกลายสภาพเป็นส่วนหนึ่งของ Lauberhorn Trail หนึ่งในเส้นทางเดิน hiking ที่มีชื่อเสียงซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมงครับ

2. Kleine Scheidegg

Kleine Scheidegg เป็นช่องเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,061 เมตร โดยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำหรับการเล่นสกีและกิจกรรมฤดูหนาวอันหลากหลายในแถบนี้ เช่นเลื่อนหิมะ (Toboggan) เป็นต้นครับ เพราะฉะนั้นคุณจะเห็นนักเล่นสกีจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่ครับ

by Andy Harbach/Flickr/CC By 2.0 DEED

ในช่วงที่ไม่มีหิมะ นักเดินทางนิยมขึ้นมาที่นี่เพื่อเริ่มเดิน Hiking บนเส้นทางที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของสวิสเซอร์แลนด์อย่าง Eiger Trail ซึ่งเริ่มจาก Eiger Glacier Station ที่ห่างจาก Kleine Scheidegg ไปประมาณ 10 นาทีครับ

นอกจากนี้บริเวณหมู่บ้านก็ยังสวยงามไม่เบา เพราะอยู่ทางตอนเหนือของยอดเขา Eiger ทำให้คุณสามารถมองเห็นตัวยอดได้ชัดเจนมาก เช่นเดียวกับยอดอื่นๆ อย่าง Jungfrau ด้วย แต่แน่นอนว่าอากาศจะต้องเป็นใจด้วยครับ บริเวณหมู่บ้านนั้นมีร้านอาหารอยู่ 4 ร้านที่คุณสามารถหาอะไรรับประทานและชมวิวสวยๆ ไปได้พร้อมๆ กันครับ

Fallbodensee
by shalev cohen/Unsplash

ใกล้กับช่องเขา Kleine Scheidegg มีทะเลสาบขนาดเล็กชื่อว่า Fallbodensee ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟไปประมาณ 1 กิโลเมตร จุดนี้เป็นอีกหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมวิวและถ่ายรูป เพราะทะเลสาบที่มีภูเขาหิมะเป็นฉากหลังนั้นงามจับใจครับ

3. Jungfraujoch

Warning

จุดชมวิวที่ Jungfraujoch นั้นตั้งอยู่ที่ความสูง 3,454 เมตรจากระดับน้ำทะเล เพราะฉะนั้นมีโอกาสสูงที่คุณจะเผชิญกับอาการแพ้ความสูง (Altitude Sickness) ตัวผมเองตอนที่ไปก็โดนไปเต็มๆ เพราะฉะนั้นโปรดเดินช้าๆ และห้ามวิ่งเด็ดขาดตอนที่ลงจากรถไฟใหม่ๆ ครับ

Jungfraujoch เป็นยอดเขาที่สูง 3,454 เมตรที่มีรถไฟขึ้นไปถึงจุดสูงสุดมาแล้วเกินกว่า 1 ศตวรรษ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของประเทศสวิสเซอร์แลนด์เลยครับ โดยด้านบนจะมีจุดชมวิวที่มีการตั้งสมญาว่า “Top of Europe” อย่าง Sphinx และ Plateau ที่ให้คุณชมวิวของภูเขาหิมะและธารน้ำแข็งโดยรอบอย่างพาโนรามาครับ และแน่นอนว่าร้านอาหารก็มีด้วยเช่นกัน

Jungfraujoch
Photo by subhashfcb on Unsplash

สำหรับใครชอบภูเขาที่มีหิมะหนาๆ จะชอบที่นี่มาก (แต่ก็ขึ้นอยู่กับดวงด้วยเช่นกันว่าจะเห็นหรือไม่เห็น น่าเสียดายที่ตอนที่ผมไปไม่เห็นอะไรเลย เพราะหมอกบังหมด)

ปัจจุบันในการขึ้นไปจุดชมวิวนั้นมีทางเลือกสองวิธีได้แก่ วิธีเดิมอย่างรถไฟ Jungfrau Railway กับวิธีใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จอย่างกระเช้าไฟฟ้า Eiger Cableway ครับ ซึ่งกระเช้าจะใช้เวลาน้อยกว่าถึง 40 นาทีเลยครับ แต่หลายคนก็ยังชอบความคลาสสิคของรถไฟแบบเดิม ทั้งนี้คุณสามารถซื้อตั๋วได้จาก Klook เพื่อความสะดวกสบายครับ

อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจบนจุดชมวิวคือ Ice Palace ซึ่งเป็นถ้ำน้ำแข็งที่มีการสร้างประติมากรรมน้ำแข็งโดยศิลปินผู้เชี่ยวชาญ ถ้าคุณใฝ่ฝันถึงนครน้ำแข็งแบบในเทพนิยาย ที่นี่ไม่ควรพลาดชมเลยครับ

4. Männlichen

Männlichen เป็นสกีรีสอร์ทที่เข้าถึงได้จากจากเวนเก้นและกรินเดลวัลด์ โดยฝั่งเวนเก้นนั้นจะใช้เคเบิลคาร์ (Royal Ride Gondola) ที่ให้คุณเดินทางขึ้นไปอย่างสบายๆ พร้อมทั้งชมวิวสวยๆ ของยอดเขา Eiger, Monch และ Jungfrau ได้ด้วยครับ ส่วนราคากระเช้าไปกลับจะอยู่ที่ 58 CHF ครับ

วิวจากจุดสูงสุดของ Männlichen by Richard Mortel, Flickr, CC By 2.0 DEED

จุดเด่นของที่นี่จะอยู่ที่กิจกรรมอย่าง Winter Hiking ซึ่งมีหลายเส้นทางให้เลือก แต่ที่นิยมที่สุดคือ Royal Walk ซึ่งมีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินประมาณ 30-40 นาทีจากสถานีกระเช้าไปยังจุดชมวิวรูปร่างเหมือนมงกุฎที่ตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดของยอดเขาครับ

แต่ถ้าคุณอยากได้เส้นที่ยาวกว่านั้น ที่นี่ก็มีให้เลือกไม่น้อยครับ อาทิเช่น Männlichen–Kleine Scheidegg ซึ่งจะใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมงครับ

นอกเหนือจากชมวิวแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้เลือกทำตั้งแต่เล่นสกี (มีสอนตั้งแต่ระดับพื้นฐาน) ไปจนถึงสโนว์บอร์ด ลากเลื่อน และอื่นๆ อีกหลากหลายเลยครับ อีกหนึ่งกิจกรรมที่ดูขำแต่ได้รับความนิยมไม่น้อยคือ Ricola Karaoke Gondola หรือร้องคาราโอเกะในกระเช้ากอนโดลา กล่าวคือคุณจะได้ร้องเพลงเพราะๆ หรือมันส์ๆ ภายในบรรยากาศแบบ alpine ที่รับรองว่าไม่เหมือนกับห้องคาราโอเกะที่ไหนแน่นอนครับ

5. เดิน Hiking/Trekking และขี่จักรยาน

นอกเหนือเส้นทางที่ผมแนะนำไปด้านบนบ้างแล้วนั้น ใกล้กับเวนเก้นยังมีหลากหลายเส้นทางให้คุณได้เดิน hiking หรือ trekking (เช่นเดียวกับขี่จักรยาน) สำรวจธรรมชาติและชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงามของที่นี่

โดยเส้นทางนั้นจะแบ่งออกเป็นสองส่วนได้แก่เส้นทางในช่วงฤดูร้อน และฤดูหนาว ซึ่งแต่เส้นจะมีความยากที่แตกต่างกัน ผมแนะนำให้ตรวจสอบที่ลิงค์นี้เพื่อที่จะได้เส้นทางที่เหมาะสมครับ

References

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

Most Popular

error: Content is protected !!