หยางซั่ว (Yangshuo, 阳朔) เป็นเมืองขนาดเล็กที่อยู่ห่างจากกุ้ยหลิน เมืองท่องเที่ยวชั้นนำของมณฑลกว่างซีไปประมาณ 65 กิโลเมตร ด้วยภูมิประเทศแบบภูเขาและสายน้ำที่สวยงามตระการตา ทำให้หยางซั่วได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากทั้งในประเทศจีนเองและจากต่างประเทศครับ
จากที่ได้เคยเดินทางไปมาแล้ว ผมบอกได้เลยว่าหยางซั่วคือไฮไลท์ของทริปมณฑลกว่างซีอย่างแท้จริง ทุกวันนี้ลึกๆ แล้วผมเองก็อยากจะกลับไปอีกสักครั้งหนึ่งครับ บทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับเมืองหยางซั่วโดยคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองบริการต่างๆ ผ่านทางลิงค์ในบทความครับ
รู้จักหยางซั่ว (Yangshuo)
ลักษณะภูมิประเทศของหยางซั่วนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์สูงมาก เพราะเป็นพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำจะถูกล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูนที่มีรูปร่างขรุขระตะปุ่มตะป่ำ (Karst) ส่วนอีกด้านหนึ่งคือแม่น้ำหลีเจียง (漓江) สาขาหนึ่งของแม่น้ำซีเจียง แม่น้ำสายหลักทางภาคใต้ของจีนครับ
หยางซั่วนั้นมีประวัติยาวนานไปได้ถึงปี ค.ศ.265 หรือในสมัยสามก๊กเลยทีเดียว โดยเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ในการปกครองของเมืองกุ้ยหลิน ด้วยความที่อยู่ทางใต้สุดของแผ่นดินจีน และเป็นพื้นที่ทุรกันดาร ทำให้ความสำคัญของพื้นที่บริเวณนี้มีไม่มากนักมาทุกยุคทุกสมัย ชาวบ้านจึงอยู่กันอย่างสุขสงบในระดับหนึ่ง
ตัวเมืองเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1980 โดยโด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก่อน หลังจากนั้นตัวเมืองถึงเป็นที่รู้จักมากขึ้นในหมู่ชาวจีน และได้รับการขนานนามว่าเป็นส่วนที่งดงามที่สุดของแม่น้ำหลีเจียง ทำให้นักเดินทางจำนวนมากมายแห่มาที่นี่ครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางไปหยางซั่ว (Yangshuo) ทำอย่างไร?
วิธีเดินทางไปหยางซั่วที่ง่ายที่สุดจากประเทศไทยคือบินไปลงที่เมืองหนานหนิง (Nanning) เมืองเอกของมณฑลกว่างซี หรือกุ้ยหลิน (Guilin) ทั้งนี้กุ้ยหลินจะใกล้กับหยางซั่วมากกว่า แต่แทบไม่มีไฟลต์บินตรงจากกรุงเทพเลยครับ ทำให้คุณจะต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องซึ่งจะเสียเวลาพอสมควรครับ
ขั้นต่อมาคือนั่งรถไฟความเร็วสูงของจีนจากหนานหนิงหรือกุ้ยหลินไปยังหยางซั่ว ซึ่งถ้าจากหนานหนิงนั้นจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 10 นาที ส่วนจากกุ้ยหลินจะใช้เวลา 24 นาทีครับ สำหรับตั๋วรถไฟความเร็วสูง ผมแนะนำให้ซื้อผ่าน Trip.com เพราะง่ายดาย สะดวกสบาย และเชื่อถือได้มากที่สุดครับ
อีกตัวเลือกหนึ่งจากกุ้ยหลินคือนั่งรถบัสไปยังหยางซั่ว วิธีนี้จะประหยัดกว่า แต่เรื่องความสะดวกสบายนั้นด้อยกว่าแน่นอน จากที่ได้เคยนั่งทั้งรถบัสและรถไฟความเร็วสูงในจีนมาแล้วหลายสิบรอบ ผมแนะนำให้นั่งรถไฟจะสะดวกกว่ามากครับ
อย่างไรก็ดีจากประสบการณ์ส่วนตัวแล้วนั้น ผมแนะนำให้บินไปลงกุ้ยหลิน หรือนั่งรถไฟความเร็วสูงจากหนานหนิงไปกุ้ยหลินก่อน หลังจากนั้นก็เที่ยวกุ้ยหลินให้เสร็จสิ้น ส่วนการไปหยางซั่วนั้น คุณควรจะไปพร้อมกับเรือล่องแม่น้ำหลีเจียงครับ
ไปเที่ยวหยางซั่วช่วงไหนดี?
อันที่จริงแล้วหยางซั่วนั้นเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ช่วงนิยมกันคือช่วงเดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน แต่โดยส่วนตัวแล้วผมชอบเมษายนไม่ก็ตุลาคมหรือพฤศจิกายนไปเลย เพราะอากาศจะเย็นนั่นเองครับ
1. ล่องแม่น้ำหลีเจียง
แม่น้ำหลีเจียง (Lijiang River) เป็นแม่น้ำที่มีต้นกำเนิดจากภูเขาเหมาเอ๋อซานซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกุ้ยหลิน โดยจะไหลผ่านกุ้ยหลินและหยางซั่วไปบรรจบกับแม่น้ำซีเจียงเมืองอู่โจว
ทั้งนี้ส่วนที่งดงามที่สุดนั้นคือระยะทาง 83 กิโลเมตรจากกุ้ยหลินไปถึงหยางซั่ว โดยในช่วงดังกล่าวนั้น แม่น้ำจะไหลคดเคี้ยวผ่านภูเขาหินปูนเกิดเป็นทัศนียภาพแบบ “ภูเขาและแม่น้ำ” ที่งดงามแบบยากที่จะหาที่ใดมาเปรียบ ทำให้ที่นี่เป็นจุดยอดนิยมสำหรับการล่องเรือชมแม่น้ำครับ
นอกเหนือจากทัศนียภาพแล้ว คุณจะได้เห็นชุมชนต่างๆ ที่อาศัยอยู่กันอย่างสงบสุข และยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบเดิมที่อยู่คู่กับสายน้ำไว้ได้ สิ่งนี้เป็นอีกสิ่งที่ผมประทับใจมากระหว่างที่ล่องเรือครับ
ทั้งนี้การล่องเรือจะใช้เวลาประมาณ 3.5 ชั่วโมง โดยเรือจะเริ่มออกจากท่าเรือนอกเมือง ซึ่งต้องนั่งรถไปประมาณ 40 นาทีจากตัวเมืองกุ้ยหลิน ซึ่งเดินทางไปไม่ง่ายเลย วิธีที่สะดวกที่สุดคือซื้อบริการล่องเรือที่มีรถบัสรับส่งด้วยผ่านลิงค์ด้านล่างครับ
2. แม่น้ำอวี่หลง
แม่น้ำอวี่หลง (Yulong River) เป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำหลีเจียงที่ไหลผ่านหยางซั่ว ตัวแม่น้ำนั้นจะไหลผ่านแนวภูเขาหินปูนซึ่งได้รับการขนานนามว่าสวยที่สุดในพื้นที่บริเวณนี้เลยครับ
นักเดินทางจึงนิยมไปชมทัศนียภาพของสองฝั่งแม่น้ำอวี่หลงด้วยเช่นกัน โดยจะไปล่องแพไม้ไผ่แบบเดียวกับที่ชาวบ้านใช้สัญจรกันในชีวิตจริง ซึ่งจะให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกับการล่องเรือทั่วไปอย่างสิ้นเชิง คุณจะได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านสองฝั่งแม่น้ำอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้หนึ่งในไฮไลท์ของที่นี่คือสะพานฟู่หลี่ (Fuli Bridge) สะพานโบราณที่เป็นโค้งที่สวยงามยิ่งครับ
สำหรับใครที่ชอบซีรีส์จีนนั้น ผู้ให้บริการบางเจ้าอาจจะมีชุดฮั่นฝูให้คุณเปลี่ยนด้วย ซึ่งคุณจะเหมือนกับได้ย้อนยุคไปเป็นพระเอกนางเอกในซีรีส์เลยครับ
3. ชมการแสดงหลิวซันเจี่ย
หลิวซันเจี่ย (Impression Liu Sanjie) เป็นการแสดงที่เป็นอีกสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดในหยางซั่ว โดยการแสดงนั้นจะเป็นแบบแสงสีเสียงในช่วงกลางคืนที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตของชาวบ้านในแถบนั้นครับ
โชว์นี้นั้นริเริ่มโดยจางอี้โหมวในปี ค.ศ.2004 และได้แสดงอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันครับ ส่วนชื่อโชว์นั้นได้มาจากตำนานหลิวซันเจี่ย หญิงสาวชาวจ้วงในตำนาน (บ้างว่ามีชีวิตอยู่จริงในสมัยราชวงศ์ซ่ง) ที่ได้รับการเรียกขานว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการร้องเพลงครับ
สถานที่แสดงนั้นจะเป็นแบบกลางแจ้งที่มีแม่น้ำหลีเจียงพร้อมกับภูเขาหินปูนอันงดงามเป็นฉากหลัง ซึ่งมักได้รับการเปรียบว่าเป็นโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยรวมแล้วสวยงามอลังการมาก เมื่อรวมกับด้วยจำนวนผู้แสดงและ production อันยิ่งใหญ่ของจีนครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจมากคือ ผู้แสดงจะสวมใส่เครื่องแต่งกายชุดพื้นบ้านของแต่ละชนเผ่าที่อาศัยอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นชาวจ้วง เหมียว และเหยาครับ
4. Moon Hill
เย่ว์เลี่ยงซาน (Yueliangshan) หรือที่รู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติว่า Moon Hill นั้นภูเขาที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ โดยตัวภูเขาหินปูนนั้นจะมีรูครึ่งวงกลมราวกับว่ามนุษย์สร้าง แต่จริงๆ แล้วทุกสิ่งเป็นของธรรมชาติครับ นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังมีภูเขารูปร่างแปลกตาให้ได้ชมอีกมากมายอีกด้วย
ปัจจุบันคุณสามารถเดินขึ้นไปถึงรูครึ่งวงกลมได้โดยเดินขึ้นบันไดไป 800 ขั้น หรือถ้าคุณชอบปีนเขา จุดนี้มี 14 เส้นทางให้คุณเลือกปีนครับ ซึ่งบางเส้นจะง่ายมากถึงขนาดที่มือใหม่ปีนได้ หรือบางเส้นที่ต้องใช้ทักษะอย่างสูงครับ
5. ชมสวนสาธารณะต่างๆ
ภายในตัวเมืองหยางซั่วนั้นมีสวนสาธารณะที่สวยงามอยู่หลายแห่งด้วยกัน อาทิเช่น
- Yangshuo Park – สวนสาธารณะอันเป็นที่ตั้งของ Man Hill หรือภูเขาที่ชาวจีนมองว่าเหมือนกับชายหนุ่มที่ก้มศีรษะด้วยความเขินเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาว (ภูเขาเสี่ยวกูซาน หรือภูเขาสาวน้อยที่อยู่ใกล้ๆ กัน) ในสวนมีทัศนียภาพที่สวยงาม และมีภูเขารูปทรงแปลกๆ อีกหลายยอดให้ได้ชมและถ่ายรูป
- Shangri-La Park – สวนที่ตั้งอยู่ห่างจากหยางซั่วประมาณ 15 กิโลเมตร ในสวนมีทั้งภูเขา สายน้ำ และบ้านเรือนแบบดั้งเดิมให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และยังมีโชว์พื้นเมืองให้ได้ชมอีกด้วย
6. West Street
West Street เป็นถนนยาวประมาณ 500 เมตรที่มีประวัติยาวนานถึง 1,400 ปี ตัวถนนนั้นเป็นถนนหินอ่อนอย่างดี โดยในช่วงปี ค.ศ.1980 นั้นที่นี่เป็นย่านที่มีชาวต่างชาติมาอาศัยอยู่อย่างคับคั่ง และได้เปิดร้านต่างๆ ขึ้นในบริเวณนี้ ทำให้ร้านต่างๆ ในถนนแห่งนี้ยังมีทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ ต่างจากส่วนอื่นๆ ของเมืองหยางซั่วครับ
สำหรับร้านต่างๆ นั้นก็มีหลากหลาย ตั้งแต่ร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ ไปจนถึงร้านขายสินค้าพื้นเมืองต่างๆ สำหรับใครที่ชอบเดินเล่นถือว่าน่าสนใจไม่น้อยครับ
7. ภูเขาเซี่ยงกง
ภูเขาเซี่ยงกง หรือเซี่ยงกงซาน (Xianggong Hill) เป็นภูเขาที่อยู่ในเมืองซิ่งผิง ซึ่งอยู่ห่างจากหยางซั่วประมาณ 28 กิโลเมตร ที่นี่มีชื่อเสียงว่าเป็นจุดชมวิวแม่น้ำหลีเจียงที่งามที่สุดอีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินที่มีเสน่ห์สุดแสนจะพรรณนาครับ
การเดินขึ้นไปยังด้านบนสุดของภูเขานั้นไม่ยากอะไรนัก โดยใช้เวลาเดินเท้าไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้วครับ เมื่อขึ้นไปถึงแล้ว ความสวยงามจะทำให้คุณลืมหายใจเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดีเนื่องด้วยการเดินทางจากตัวเมืองไม่ง่ายนัก และคุณยังต้องไปช่วงเช้ามากหรือเย็นเพื่อให้ได้ทัศนียภาพที่ดีที่สุด ผมแนะนำให้จองบริการด้านล่างเพื่อที่ทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้นมากครับ
8. ภูเขาหรูอี้
ภูเขาหรูอี้ (Ruyi Peak) เป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ของหยางซั่ว โดยที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการชมวิวมุมสูงของเมือง และภูเขา Karst โดยรอบ การขึ้นไปจุดชมวิวจะอาศัยการนั่งกระเช้าประมาณ 15 นาที (ราคากระเช้าไปกลับอยู่ที่ 1,200 บาทโดยประมาณ) ซึ่งวิวจะเริ่มสวยขึ้นตามลำดับเมื่อกระเช้าเพิ่มระดับความสูงขึ้นไปครับ
นอกจากนี้ภูเขาหรูอี้ยังไม่ได้มีแค่จุดชมวิวธรรมดาเท่านั้น แต่ยังมีสะพานเชือก (Rope Bridge) ความยาว 142 เมตรที่พาดอยู่ระหว่างภูเขาสองลูก ซึ่งคุณสามารถเดินข้ามเพื่อท้าทายความกลัวในใจของคุณเองด้วย สะพานแห่งนี้จะสูงจากหุบเขาด้านล่างถึง 59 เมตร รับรองว่ามันส์สุดๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะตอนที่สายลมบนภูเขาพัดผ่านตัวคุณไปครับ
แต่ถ้าคุณรู้สึกว่ายังไม่พอ ผมแนะนำให้ไปเดินเล่นที่ทางเดินกระจก (Glass Skywalk) ซึ่งทางเดินนี้เป็นกระจกใส ช่วยให้คุณสามารถเห็นความว่างเปล่าที่กั้นอยู่ระหว่างใต้เท้าของคุณกับพื้นของหุบเขาเบื้องล่างได้ครับ ดังนั้นใครที่ชอบความตื่นเต้นสามารถไปทดสอบความกล้าได้เช่นกัน
ถ้าเวลาและอากาศเป็นใจ ผมแนะนำให้คุณรอจนถึงช่วงเย็นเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดินครับ เพราะวินาทีที่ดวงอาทิตย๋ลับขอบฟ้าเหนือหมู่ภูเขาสีเขียวอันสวยงามของหยางซั่วนั้นงดงามจับใจ ท้ายที่สุดถ้าคุณเป็นสายมู คุณสามารถขอพรกับภูเขาแห่งนี้ได้ เนื่องด้วยชื่อของภูเขาหรูอี้แปลว่าความโชคดีครับ