หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น9 ที่เที่ยวโยชิโนะยามะ (Yoshinoyama) และกิจกรรมน่าสนใจที่ไม่ควรพลาด

9 ที่เที่ยวโยชิโนะยามะ (Yoshinoyama) และกิจกรรมน่าสนใจที่ไม่ควรพลาด

-

เนื่องด้วย traffic จาก search engine ที่เข้ามาในเว็บไซต์น้อยลงมากในระยะหลัง ทำให้ความคุ้มค่าในการเขียนบทความต่างๆ แทบไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นคอนเทนต์ใหม่ๆ ของผมจะไปอยู่ในช่อง Youtube แทนครับ ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ

โยชิโนะยามะ (Yoshinoyama) หรือภูเขาโยชิโนะ (Mt.Yoshino) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดนารา และน่าจะเป็นหนึ่งในจุดชมวิวซากุระที่ยอดเยี่ยมที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่ในทุกปีจะมีนักเดินทางจำนวนมากมาเยี่ยมเยือนที่นี่ทุกปีครับ

ในบทความนี้จะนำคุณไปรู้จักกับโยชิโนะยามะโดยคร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำสถานที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ

รู้จักโยชิโนะยามะ (Yoshinoyama)

ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าต้นซากุระเหล่านี้ถูกปลูกลงที่ภูเขาแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อใด แต่ที่แน่ๆ ต้นซากุระบนภูเขาโยชิโนะนั้นปรากฏอยู่ในบทกลอนตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 10-12 ครับ ปัจจุบันมีต้นซากุระในบริเวณภูเขามากถึง 30,000 ต้นครับ

โยชิโนะยามะ
by ESB Professional/ShutterStock

ทั้งนี้ต้นซากุระเหล่านี้ได้รับการปลูกโดยแบ่งเป็นโซนตามลำดับชั้นของภูเขา โดยชั้นล่างสุดคือชิโมะ-เซนบน (Shimo-Senbon) ที่จะเริ่มต้นบานเป็นแห่งแรก ตามมาด้วยนากะ-เซนบน (Naka-Senbon) ที่เป็นชั้นกลาง ส่วนชั้นบนได้แก่คามิ-เซนบน (Kami-Senbon) และปิดท้ายด้วยชั้นบนสุดอย่างโอคุ-เซนบน (Oku-Senbon) ครับ

ทั้งนี้ดอกซากุระจะเริ่มบานในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ชั้นล่าง และจะไล่ขึ้นมาตามลำดับจนถึงชั้นบนสุดที่จะบานช่วงกลางเดือนเมษายนครับ

by Stephane Bidouze/ShutterStock

ในการชมซากุระนั้น นอกจากการชมช่วงกลางวันแล้วนั้น คุณควรจะไปชมช่วงกลางคืนด้วย เพราะในสวนจะมีการเปิดไฟ ทำให้บรรยากาศสวยงามไม่แพ้ช่วงกลางวันเลยครับ

โยชิโนะยามะในช่วงกลางคืน
by mokokomo/ShutterStock

นอกจากช่วงฤดูใบไม้ผลิที่เป็นช่วง Peak Season ของโยชิโนะยามะแล้ว ช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็เป็นอีกช่วงหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะว่าต้นไม้บริเวณภูเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดง สีส้ม สีเหลืองอันงดงาม เรื่องความสวยนั้นไม่แพ้ซากุระเลยครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปโยชิโนะยามะทำอย่างไร?

เมืองที่นักท่องเที่ยวใช้เป็นต้นทางไปโยชิโนะยามะหรือโอซาก้า เกียวโต หรือนาราครับ การเดินทางจะซับซ้อนพอสมควร เพราะว่าจะต้องเปลี่ยนรถไฟหลายครั้งครับ

  • รถไฟ Kintetsu Railway – คุณสามารถเดินทางโยชิโนะได้ด้วยรถไฟของ Kintetsu Railway แต่แน่นอนว่าคุณจะต้องเปลี่ยนรถไฟอย่างน้อย 2 ครั้งครับ
  • รถไฟ JR + Kintetsu Railway – ขั้นแรกคุณจะต้องนั่งรถไฟของ JR (เปลี่ยนรถ 1-3 รอบ) ไปยัง Yoshinoguchi Station หลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟของ Kintetsu Railway ไปยัง Yoshino Station ครับ
  • เช่ารถขับ – วิธีการที่ซับซ้อนน้อยที่สุด นั่นคือคุณเช่ารถจากเมืองนาราแล้วขับไปยังภูเขาโยชิโนะโดยตรง ด้วยระยะทางแค่ 50 กิโลเมตร ทำให้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ

ข้อมูลส่วนนี้อ้างอิงจาก Yoshinoyama Kankou และ JNTO โปรดตรวจสอบที่เว็บต้นทางก่อนออกเดินทาง เพราะข้อมูลอาจเปลี่ยนได้ครับ

Note

สำหรับใครที่ต้องการชมซากุระตอนกลางคืน วิธีที่ดีและปลอดภัยที่สุดคือการพักใกล้กับโยชิโนะยามะสักคืนหนึ่ง ถ้าสนใจผมแนะนำให้อ่านบทความนี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจครับ

1. จุดชมวิวฮานายะกุระ

จุดชมวิวฮานายะกุระ (Hanayagura Observatory) เป็นหนึ่งในจุดชมวิวโยชิโนะยามะที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง คุณจะเห็นต้นซากุระเรียงรายกันอยู่อย่างสวยงามและโอบล้อมเมืองโยชิโนะเอาไว้เหมือนกับว่าเป็นสถานที่ในดินแดนสุขาวดีเลยครับ

จุดชมวิวฮานายะกุระ
by VBSE21/ShutterStock

บริเวณชมวิวจะมีคาเฟ่เล็กๆ ตั้งอยู่ด้วย ซึ่งคุณสามารถหาเครื่องดื่มรับประทานระหว่างที่ยลความงดงามของทัศนียภาพได้ครับ

2. Mt.Yoshino Ropeway

Mt.Yoshino Ropeway เป็นกระเช้าที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกๆ ของญี่ปุ่น โดยจะนำคุณจากสถานี Kintetsu Yoshino Station ไปสู่ด้านบนสุดของภูเขาโยชิโนะยามะ แต่ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกล กระเช้าจะมารับผู้โดยสารทุกๆ 20 นาที ทำให้ในช่วง Peak Season นั้นคุณเตรียมใจได้ไว้เลยว่าอาจจะต้องรอคิวที่นี่ยาวเป็นชั่วโมงครับ

Mt.Yoshino Ropeway
by Kento Kodama/ShutterStock

แต่ถ้าไม่อยากรอจริงๆ คุณอาจจะใช้บริการรถบัสที่จะนำคุณขึ้นไปยังด้านบนของภูเขาได้เช่นกัน แต่ความสวยของวิวทิวทัศน์ย่อมจะสู้จากกระเช้าไม่ได้ครับ

3. ศาลเจ้าโยชิมิสุ

ศาลเจ้าโยชิมิสุ (Yoshimizu Shrine) เป็นศาลเจ้าชินโตที่เป็นจุดชมวิวของโยชิโนะยามะที่งดงามทั้งช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงครับ ความสวยงามของวิวซากุระที่นี่เป็นที่ประทับใจมาตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน ฮิเดโยชินิยมเดินทางมาชมวิวที่นี่อยู่บ่อยครั้งครับ

ศาลเจ้าโยชิมิสุ
by Sanga Park/ShutterStock

ทว่าศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ไม่น้อย เพราะที่นี่ใช้เป็นสถานที่หลบภัยทางการเมืองของบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคน ไม่ว่าจะเป็นมินาโมโตะ โยชิสึเนะ หรือว่าจักรพรรดิโก-ไดโกครับ ปัจจุบันด้านในศาลเจ้ายังมีห้องพักที่เคยเป็นสถานที่พำนักของจักรพรรดิโก-ไดโกะอยู่ ซึ่งคุณไปชมได้ระหว่างที่ไปเยี่ยมเยือนตัวศาลเจ้าครับ

4. วัดคินปุเซน

วัดคินปุเซน (Kinpusen Temple) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมีรูปปั้นเทพารักษ์สีน้ำเงินสามตัวเรียกว่าซาโอะกอนเก็น (Zao Gongen) ซึ่งมีอายุกว่า 13 ศตวรรษและสูงถึง 7 เมตรด้วยกัน รูปปั้นแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ถึงพระพุทธเจ้าในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตครับ และเป็นที่เคารพบูชาของศาสนิกนิกายชูเก็นโดที่บูชาภูเขาครับ อย่างไรก็ดีคุณจะชมรูปปั้นเหล่านี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น

วัดคินปุเซน
by Sean Pavone/ShutterStock

เหล่ารูปปั้นประดิษฐานในวิหารซาโอะโด (Zao-do) ที่เป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างด้วยไม้ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น รองจากวัดโทไดจิที่นาราเพียงแห่งเดียวเท่านั้นครับ

เนื่องด้วยวัดแห่งนี้เป็นที่เคารพนับถือของชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก (โดยเฉพาะนิกายชูเก็นโด) คุณจะเห็นผู้แสวงบุญจำนวนมากเดินทางมาปฏิบัติธรรมฝึกสมาธิ รวมไปถึงการฝึกพลังกายพลังใจต่างๆ อย่างเช่นนั่งใต้น้ำตกเป็นต้นครับ

ในวันที่ 7 กรกฎาคมของทุกปี วัดแห่งนี้จะเป็นสถานที่จัดเทศกาลเรนเกไค (Rengekai Festival) ที่จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงตำนานปรัมปราที่ว่ามีชายที่ไม่ได้ปฏิบัติตนหลักศาสนาถูกเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นคางคก จนกระทั่งมีพระรูปหนึ่งที่เสกให้เขากลับเป็นมนุษย์ตามเดิม ในช่วงเทศกาลจะมีการแห่คางคกตัวใหญ่ไปตามพื้นที่วัดครับ

5. ศาลเจ้ามิคุมาริ

ศาลเจ้ามิคุมาริ (Mikumari Shrine) เป็นศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก และเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในเขตโยชิโนะยามะครับ และตั้งอยู่ด้านบนเกือบสุดของภูเขาโยชิโนะยามะ

ศาลเจ้ามิคุมาริ
by KAZU_49M/ShutterStock

ตัวศาลเจ้าอุทิศให้กับอาเมโนะมิคุมาริโนะคามิ หรือเทพเจ้าแห่งสายน้ำไหลที่เป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์และการคลอดบุตรด้วย ฮิเดโยชิเองก็เคยมาขอบุตรชายที่ศาลเจ้าแห่งนี้ และได้สมความปรารถนา นับตั้งแต่นั้นชาวญี่ปุ่นที่อยากมีบุตรจึงมาขอบุตรกันที่นี่ครับ

บรรยากาศด้านในศาลเจ้าจะเงียบสงบมาก ซึ่งคุณจะสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวขาผ่านประตูไม้โทริอิสีแดง และประตูซากุระมงสีขาวครับ

6. วัดชิคุรินอิน

วัดชิคุรินอิน (Chikurin-in Temple) เคยเป็นวัดขนาดใหญ่เพื่อรองรับผู้แสวงบุญนิกายชูเก็นโด แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นวัดที่มีสวนญี่ปุ่นที่งดงามมากที่ออกแบบโดยริคิว (Rikyu) เมื่อสามร้อยกว่าปีก่อนครับ ด้านในมีต้นซากุระที่ออกดอกให้ชมอย่างงดงามมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ส่วนฤดูใบไม้ร่วงนั้นจะมีใบไม้เปลี่ยนสีที่จะงามเป็นพิเศษตอนกลางคืนเพราะมีการเปิดไฟครับ

นอกจากนี้ในวัดชิคุรินอินยังมีเรียวกังให้บริการกับนักเดินทางด้วย ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในที่พักที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโยชิโนะยามะ

7. วัดเนียวอิรินจิ

วัดเนียวอิรินจิ (Nyoirinji Temple) เป็นวัดขนาดเล็กที่เป็นสถานที่ฝังพระศพของจักรพรรดิโก-ไดโก จักรพรรดิญี่ปุ่นองค์ที่ 96 ที่มีบทบาทสำคัญในการล้มรัฐบาลโชกุนแห่งคามาคุระ และรวมอำนาจเข้าสู่องค์จักรพรรดิอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งประสบความสำเร็จในระยะสั้นๆ

วัดเนียวอิรินจิ
by KAZU_49M/ShutterStock

ทว่าอีกไม่กี่ปีต่อมา พระองค์ก็ถูกยึดอำนาจโดยอาชิคางะ ทาคาอุจิจนต้องเสด็จหนีมาตั้งราชสำนักที่เมืองโยชิโนะจนกระทั่งสวรรคตลงที่นี่ครับ นอกจากสุสานของพระองค์แล้ว ด้านในมีโบราณวัตถุอย่างเช่นภาพเขียนและผลงานแกะสลักที่พระองค์ได้ทำไว้อีกหลายชิ้นครับ

8. วัดซากุระโมโตโบะ

วัดซากุระโมโตโบะ (Sakuramotobou Temple) เป็นวัดโบราณที่ผสานความเชื่อของศาสนาพุทธ ชินโต และชูเก็นโดเข้าไว้ด้วยกัน ตามตำนานเล่าว่าวัดแห่งนี้สร้างขึ้น ณ จุดที่องค์จักรพรรดิเทนมุเคยฝันเห็นต้นซากุระที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูหนาวครับ

วัดซากุระโมโตโบะ
by Sanga Park/ShutterStock

ด้านในมีรูปปั้นและสิ่งบูชาอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นรูปปั้นพระพิฆเนศวร (Ganesha) ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปีจะมีพิธีกรรมเพื่อบูชาองค์พระพิฆเนศวรที่วัดแห่งนี้ครับ

9. จุดชมวิวภูเขาทาคากิ

จุดชมวิวภูเขาทาคากิ (Mt. Takagi Observatory, 高城山展望台) หรือทาคากิยามะ เป็นจุดชมวิวทั้งซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามยิ่ง โดยเฉพาะใบไม้เปลี่ยนสี เพราะว่าตามเส้นทางเดินนั้นต้นไม้รายรอบจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงสด เหมาะแก่การถ่ายรูปชมวิวเป็นที่สุดเลยครับ

by funny face/ShutterStock

อย่างไรก็ดีการเดินทางไปจุดชมวิวนี้ถือว่ายากพอสมควร โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ได้เช่ารถมา วิธีที่ง่ายที่สุดน่าจะเป็นเดินไปประมาณ 10 นาทีจากศาลเจ้ามิคุมาริครับ

References

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

ติดตาม Tourist Sense

แนะนำสำหรับช่วงฤดูร้อน

โรงแรมน่าจองในโตเกียว

บทความล่าสุด

error: Content is protected !!