Salzburg หรือซาลซ์บูร์กเป็นหนึ่งในเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรีย
ทั้งนี้ตัวเมืองมีชื่อเสียงเพราะเป็นบ้านเกิดของโมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) และเป็นเมืองสไตล์ alpine อันดับต้นๆ ของประเทศที่ได้เป็นสถานที่ถ่ายทำของภาพยนตร์เพลงในตำนานอย่าง The Sound of Music มาแล้วครับ
ในโพสนี้ผมจะมาแนะนำความเป็นมา ตลอดจนข้อมูลของเมืองโดยย่อ หลังจากนั้นจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักซาลซ์บูร์ก (Salzburg)
ซาลซ์บูร์ก (Salzburg) เป็นเมืองที่มีผู้อาศัยตั้งแต่ช่วงยุคหินใหม่แล้ว โดยในซาลซ์บูร์กเริ่มต้นจากการเป็นหมู่บ้านและได้มีขนาดใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นเมืองที่มีชาวเซลต์ (Celts) อาศัยอยู่ ต่อมาเมื่อชาวโรมันได้ปกครองดินแดนเหล่านี้ก็ยกสถานะขึ้นเป็นเมืองโรมันนามว่า Juvavum ซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดชื่อ Noricum
อย่างไรก็ดีหลังจากจักรวรรดิโรมันล่มสลาย Juvavum ได้เสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว จนในช่วงศตวรรษที่ 7 นั้นแทบจะได้กลายเป็นเมืองร้างเลยก็ว่าได้
ในช่วงศตวรรษที่ 8 ตัวเมืองกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมา เพราะบิชอปนามว่ารูเพิร์ด (Rupert) ได้รับการแต่งตั้งจากดยุคแห่งบาวาเรียให้มาเผยแพร่ศาสนาและประจำการในดินแดนร้างแถวนี้ รูเพิร์ดได้เลือกอดีตเมืองโรมันอย่าง Juvavum เป็นที่ตั้งของมหาวิหารของเขา และได้ให้ชื่อเมืองที่เคยเกือบร้างแห่งนี้ว่าซาลซ์บูร์ก
นับตั้งแต่บัดนั้นตัวเมืองซาลซ์บูร์กเริ่มกลับมาเจริญขึ้นตามลำดับ จนถึงกับได้อิสรภาพจากการปกครองของบาวาเรียในช่วงศตวรรษที่ 14 และปกครองตนเองในรูปแบบของรัฐศาสนาที่มีอาร์คบิชอปเป็นประมุขสูงสุด
ความเจริญของเมืองยังคงดำเนินต่อไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งในช่วงนี้เองที่สถาปนิกชาวออสเตรียนและอิตาเลียนมากมายได้เข้ามาสร้างสิ่งก่อสร้างสไตล์บารอคขึ้นที่นี่ ในปัจจุบันอาคารเหล่านี้ยังคงอยู่ และเป็นแกนกลางสำคัญของย่านเมืองเก่าครับ
ช่วงที่ศตวรรษที่ 19-20 นั้น ซาลซ์บูร์กได้สูญเสียอิสรภาพของตนเอง และได้เปลี่ยนมือไปมาระหว่างออสเตรีย ทัสคานี และเยอรมนี แต่สุดท้ายเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ซาลซ์บูร์กก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศออสเตรียมาจนถึงปัจจุบันครับ
ข้อควรทราบ
การเดินทางมาเที่ยวซาลซ์บูร์กทำอย่างไร?
การเดินทางมายังซาลซ์บูร์กนั้นไม่ได้ยากอะไรนัก วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือนั่งรถไฟมาจากเวียนนาหรือมิวนิค ซึ่งจะใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที และ 1 ชั่วโมง 45 นาทีตามลำดับครับ
ช่วงเวลาที่ซาลซ์บูร์กมีนักท่องเที่ยวมากที่สุดคือช่วงฤดูร้อน หรือช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ช่วงนี้อากาศจะดีมา กลางวันยาวนาน มีอีเวนต์ต่างๆ มากมาย แถมอากาศก็ไม่หนาวเลยครับ แต่ข้อเสียก็คือที่พักต่างๆ ราคาจะสูงนั่นเอง
ช่วงที่ผมเป็นพิเศษคือช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงตุลาคม) เพราะช่วงนี้ใบไม้จะเปลี่ยนสี อากาศจะหนาวกำลังดี นักท่องเที่ยวจะไม่คับคั่งเท่าไรนัก แถมยังตรงกับวันหยุดยาวของไทยอีกด้วย
อีกช่วงหนึ่งที่หลายคนนิยมคือช่วงฤดูหนาว เพราะตัวเมืองแทบจะกลายเป็นเมืองในเทพนิยายเลยก็ว่าได้เมื่อหิมะโปรยปรายลงมา แถมยังมีการประดับประดารับเทศกาลคริสต์มาสอย่างตระการตาด้วย และยังมีตลาดคริสต์มาสให้เดินเล่นอีกต่างหาก ถ้าใครอยากเล่นสกี เหล่าสกีรีสอร์ทก็เปิดทำการแบบเต็มประตูครับ
ท้ายที่สุดคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือเดือนมีนาคมถึงเมษายน ช่วงนี้โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบเท่าไร เพราะจะฝนตกบ่อย และพื้นถนนต่างๆ จะชวนลื่นมากๆ เพราะการละลายของหิมะครับ
ว่าด้วย Salzburg Card
Salzburg Card เป็นบัตรอายุ 1-3 วันที่ใช้เข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของซาลซ์บูร์กโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และใช้ขนส่งสาธารณะต่างๆ ได้ฟรี ราคาจะอยู่ที่ 27 ยูโรสำหรับ 1 วัน และ 40 ยูโรสำหรับ 3 วันครับ
ทั้งนี้ถ้าคุณสนใจจะเข้าชมสถานที่หลายแห่ง การซื้อบัตรนี้ก็ถือว่าคุ้มค่า แต่ถ้าคุณต้องการจะไปแค่ 1-2 แห่ง ผมมองว่าการซื้อบัตรอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไร ผมแนะนำให้พิจารณาให้ดีก่อนซื้อครับ
ถ้าคุณยังไม่ได้จองที่พักในเมือง ผมแนะนำให้อ่านบทความโรงแรมที่พักน่าจองในซาลซ์บูร์กของผมเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
1. ชมปราสาท Hohensalzburg
ปราสาท Hogensalzburg นั้นเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันในสภาพสมบูรณ์มาก ตัวปราสาทสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1077 ในช่วงยุคกลางโดยอาร์คบิชอปนามว่า Gebhard ครับ เพื่อป้องกันการคุกคามจากศัตรูที่อาจจะมาคุกคามเมือง แต่พอสร้างเสร็จแล้วก็ไม่ค่อยจะได้ใช้เท่าไรนัก เพราะตัวเมืองค่อนข้างจะสงบไม่ได้ยุ่งกับใครครับ
ตัวปราสาทนั้นตั้งอยู่บนภูเขาที่ตั้งอยู่เหนือย่านเมืองเก่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ส่วนใดของเมืองก็สามารถมองเห็นตัวปราสาทได้ ในทางกลับกันทำให้ตัวปราสาทเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดถ้าคุณต้องการจะชมเมืองซาลซ์บูร์กด้วยครับ
ด้านในปราสาทมีห้องที่น่าสนใจหลายจุด ตั้งแต่ห้องที่ประทับของผู้ปกครองเมืองที่สร้างในสไตล์ Gothic ไปจนถึงประตูและเครื่องป้องกันปราสาทต่างๆ ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยถ้าเคยเล่นเกมแนวประวัติศาสตร์มาบ้าง
นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่จัดแสดงอาวุธและเครื่องทรมานที่มีอายุหลายร้อยปีด้วยครับ โดยรวมแล้วถ้าคุณสนใจประวัติศาสตร์ยุคกลาง ที่นี่ห้ามพลาดเลยครับ
ค่าเข้าชม: 13.3 ยูโร
2. ชมความเป็นมาของเมืองผ่านอารามเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Monastery)
อารามเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Monastery) คืออารามที่บิชอปรูเพิร์ดได้สร้างไว้ในช่วงศตวรรษที่ 8 นั่นเอง และเป็นปัจจัยสำคัญที่ตัวเมืองฟื้นฟูกลับมาจากความเสื่อมโทรม อย่างไรก็ดีตัวสิ่งก่อสร้างเดิมนั้นสูญสลายไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงอารามใหม่ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17-18 ครับ
ใกล้กับตัวอารามคือสุสานอย่าง St. Peter’s Cemetery ซึ่งเป็นหนึ่งในสุสานที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป และยังเคยปรากฏในภาพยนตร์เพลงอย่าง The Sound of Music อีกด้วยครับ
ด้านในอารามมีโบสถ์ชื่อ St. Peter’s Church ที่ตบแต่งในสไตล์ Rococo ผสมผสานกับ Romanesque (ตามการบูรณะและแต่งเติมในแต่ละช่วงเวลา) จุดเด่นของโบสถ์แห่งนี้คือหอคอยที่สูงตระหง่าน แต่ด้านในโบสถ์ก็ถือว่าสวยไม่เบาทีเดียวครับ
ค่าเข้าชม: 2 ยูโร
3. ยลโฉม Salzburg Cathedral
Salzburg Cathedral หรือมหาวิหารซาลซ์บูร์ก คือมหาวิหารที่สำคัญที่สุดของเมืองซาลซ์บูร์ก และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง ตัวมหาวิหารโดดเด่นจากระยะไกลเพราะมีหอคอยสูง 79 เมตรสองแห่งประกบตัววิหารครับ นอกจากนี้ยังมีอนุสาวรีย์ของนักบุญทั้ง 4 อย่างนักบุญปีเตอร์และพอล ตลอดจนนักบุญรูเพิร์ด (ผู้ก่อตั้งเมือง) และเวอร์จิลอีกด้วย
ดัวมหาวิหารได้รับการสร้างขึ้นในสไตล์บารอคช่วงแรก โดยสร้างเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1657 และเป็นสถานที่ที่โมสาร์ทได้รับศีลจุ่มครับ
ในปัจจุบันด้านในมหาวิหารยังคงสวยงามในรูปแบบเดิม รูปเขียนสีเฟรสโกที่อยู่บนเพดานก็ยังอยู่ในสภาพดีและตระการตามากครับ
หลังจากที่ชมความสวยงามเสร็จสิ้นแล้ว คุณสามารถเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ในมหาวิหารได้ด้วยเช่นกัน ที่นี่จะเก็บรักษาปูชนียวัตถุมากมายที่ย้อนไปได้ถึงช่วงศตวรรษที่ 8 เลยทีเดียวครับ
นอกจากนี้ถ้าใครไปเที่ยวที่นี่ตอนเที่ยงวัน จะมี Organ concert ให้ได้ฟังกันด้วย การฟังเพลงคลาสสิกโดยที่ห้อมล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบบารอคนั้นเป็นประสบการณ์ที่หาที่อื่นได้ยากครับ
ค่าเข้าชม: 5 ยูโร
4. ชมความยิ่งใหญ่ของ The Residenz
The Residenz คือพระราชวังของเหล่าอาร์คบิชอป ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ปกครองเมืองซาลซ์บูร์กแห่งนี้ ตัวพระราชวังสร้างขึ้นในสไตล์บารอคตอนปลายผสมผสานกับนีโอคลาสสิคตอนต้น ทำให้ตัววังมีเสน่ห์ที่แปลกตากว่าวังอื่นๆ ครับ
จุดที่น่าสนใจในวังนี้ได้แก่
- State Rooms – จุดศูนย์กลางของวังและเป็นสถานที่แสดงถึงอำนาจของอาร์คบิชอป
- Audience Hall – ห้องอันสวยงามที่ตบแต่งด้วยพรมทอจากเนเธอร์แลนด์ และเฟอร์นิเจอร์สไตล์ฝรั่งเศสจากกรุงปารีสครับ
- White Hall – ห้องอันวิจิตรที่ตบแต่งด้วย stucco สมัยก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศสเล็กน้อย
- Residenz Gallery – ห้องที่รวบรวมผลงานศิลปะของจิตรกรยุโรปตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 16-19
ค่าเข้าชม: 13 ยูโร
5. ชมโบสถ์อื่นๆ ในเมืองซาลซ์บูร์ก
นอกจากอารามเซนต์ปีเตอร์และมหาวิหารซาลซ์บูร์กแล้ว ภายในเมืองยังมีโบสถ์สวยอีกนับสิบแห่ง ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะเมืองแห่งนี้เคยเป็นรัฐศาสนานั่นเองครับ
โบสถ์ที่น่าสนใจได้แก่
- Francisan Church – โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมสามแบบด้วยกัน นั่นคือโรมาเนสค์ โกธิค และบารอค โดยแต่ละส่วนจะสามารถแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจนครับ
- Collegiate Church – หนึ่งในโบสถ์แบบบารอคที่มีความสวยงามและโดดเด่นที่สุดในออสเตรีย ตัวโบสถ์เป็นสถานที่แสดงผลงานศิลปะตลอดจนคอนเสิร์ตดนตรีมาหลายยุคหลายสมัยครับ
- Nonnberg Abbey – โบสถ์ทรงโกธิคที่มีประวัติความเป็นมาย้อนไปได้ตั้งแต่ปี ค.ศ.711 และเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตนางเอกในเรื่อง The Sound of Music โดยรวมแล้วเป็นปูชนียสถานที่สวยงามมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแท่นบูชาในโบสถ์ครับ
- St. Sebastian Church – โบสถ์สไตล์บารอคทรงสวยที่มีหอคอยและโดมอันโดดเด่น นอกจากนี้ยังมีสุสานที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง
6. สัมผัสความงดงามของ Mirabell Palace
Mirabell Palace หรือพระราชวังมิราเบลล์สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1606 เพื่อมอบให้กับคนรักของอาร์คบิชอป ตัวพระราชวังเป็นแบบสไตล์บารอค แต่ได้ต่อมาได้รับความเสียหายจึงถูกซ่อมแซมและบูรณะในสไตล์นีโอคลาสสิคครับ
ไฮไลท์ของพระราชวังแห่งนี้อยู่ที่ Marble Hall ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในที่จัดงานแต่งงานที่สวยที่สุดในโลกมานานหลายร้อยปี ในปัจจุบันที่แห่งนี้ก็ยังใช้จัดงานอยู่ครับ
นอกจากตัวพระราชวังแล้วนั้น สวนมิราเบลล์ที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันก็สวยงามไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน โดยมีสิ่งที่น่าสนใจอย่างเช่นน้ำพุรูปปั้นเปกาซัส และรูปปั้น 4 ตัวผลงานของ Ottavio Mosto ที่แสดงถึงธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ครับ
นอกจากนี้ในสวนยังมีสวนกุหลาบให้ชมและถ่ายรูปอีกด้วย ถ้าใครชอบดอกไม้ ผมบอกเลยว่าอย่าได้พลาดครับ
สำหรับใครที่เคยดูเรื่อง The Sound of Music ที่นี่ถือว่าพลาดไม่ได้ เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดในเรื่องเลยครับ
ค่าเข้าชม: ฟรี
7. ส่องความขี้เล่นของอาร์คบิชอปที่ Hellbrunn Palace
Hellbrunn Palace เป็นพระราชวังที่อาร์คบิชอปนามว่า Markus Sittikus สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนในยามว่าง
ตัวพระราชวังไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการเหมือนกับที่อื่นเท่าไรนัก แต่มีจุดเด่นอยู่ที่มีการซ่อนน้ำพุไว้ในจุดต่างๆ ถึง 21 จุดได้อย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นหรือม้านั่งก็ตาม ซึ่งน้ำพุเหล่านี้เป็นลักษณะนี้ตั้งแต่อดีตแล้วครับ ดังนั้นแสดงถึงความขี้เล่นของอาร์คบิชอปได้เป็นอย่างดี
ส่วนตัวสวนและลานกว้างๆของพระราชวังนั้น ชาวเมืองก็ใช้จัดงานและกิจกรรมต่างๆ มาทุกยุคทุกสมัยครับ
ค่าเข้าชม: 13.50 ยูโร
8. เดินชมและถ่ายรูปความสวยของ Altstadt Salzburg
Altstadt Salzburg เป็นย่านเมืองเก่าของเมืองซาลซ์บูร์กที่รอดพ้นจากไฟสงครามมาได้หลายต่อหลายครั้ง ทำให้ยังคงสภาพความงดงามของเดิมไว้ได้ สิ่งก่อสร้างสไตล์บารอคยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก ดังนั้นการเดินเที่ยวที่นี่จะเหมือนกับว่าคุณได้ย้อนยุคไปในช่วงที่โมสาร์ท คีตกวีเอกของโลกยังมีชีวิตอยู่เลยครับ
จุดที่น่าสนใจในย่านเมืองเก่าได้แก่
- Residenzplatz – จัตุรัสขนาดใหญ่ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล โดยมีไฮไลท์สำคัญคือน้ำพุทรงบารอคอายุเกือบ 400 ปีที่สร้างจากหินอ่อน และมีความประณีตสวยงามมาก
- Town Hall – ศาลาว่าการเมืองที่บริเวณโดยรอบมีอาคารเก่าแก่สมัยยุคกลางอยู่หลายหลัง
- Alter Markt – ตลาดสุดเก่าแก่ที่มีความเป็นมาย้อนไปได้ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 แต่ปัจจุบันจะมีของมาขายเป็นรายสัปดาห์เท่านั้น สัญลักษณ์ของตลาดแห่งนี้คือ St. Florian Fountain น้ำพุอันสวยงามที่มีประวัติย้อนไปได้ถึงช่วงศตวรรษที่ 15 ครับ
- Getreidegasse – ถนนคนเดินแห่งนี้เป็นหัวใจของย่านเมืองเก่า ซึ่งมีร้านของแบรนด์แฟชั่นมากมายให้คุณได้เลือกซื้อ และยังมีคาเฟ่ ร้านอาหาร ตลอดจนร้านขายของพื้นเมืองอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นโอกาสดีที่คุณจะซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนรู้จักครับ
การสัมผัสย่านเมืองเก่าจะได้อรรถรสอีกมากถ้าคุณมีไกด์ท้องถิ่นจากเมืองซาลซ์บูร์กที่มีความรู้ดีมาบอกเล่าวัฒนธรรมตลอดจนประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่างๆ แบบเบื้องลึกให้ได้ฟัง ถ้าสนใจจองได้ผ่านลิงค์ด้านล่างครับ (ทัวร์นี้จะรวมค่าเข้าชมสถานที่บางแห่งด้วย ถ้าสนใจทัวร์ ควรจะตรวจสอบรายละเอียดไว้ล่วงหน้าก่อนครับ)
9. ตามรอยโมสาร์ทที่บ้านเกิดของเขา
สำหรับใครที่ชอบดนตรีคลาสสิค โดยเฉพาะงานของโมสาร์ทอย่างเช่น Symphony No.40 การไปเยือนบ้านเกิดของคีตกวีผู้นี้ที่ตั้งอยู่บนถนน Getreidegasse เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะคุณได้เดินชมพิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องราวของโมสาร์ทในสถานที่จริง
สิ่งที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ถือว่าหาชมได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นไวโอลินของเขา ผลงานต่างๆ ที่เขาได้รจนาเอาไว้ ไปจนถึงเครื่องแต่งกายของคีตกวีผู้นี้ครับ
ค่าเข้าชม: 12 ยูโร
10.ชมพิพิธภัณฑ์อื่นๆ
ซาลซ์บูร์กนั้นเป็นเมืองประวัติศาสตร์ ดังนั้นจึงมีพิพิธภัณฑ์ทรงคุณค่าให้ไปเข้าชมอยู่หลายแห่ง อาทิเช่น
- Mozart Residence – อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับโมสาร์ท โดยจะเล่าชีวิตของโมสาร์ทอย่างละเอียด ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในอพาร์ตเมนต์ในครั้งหนึ่งครอบครัวของเขาเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ครับ
- Salzburg Museum – พิพิธภัณฑ์ที่เล่าถึงประวัติความเป็นมาของเมืองซาลซ์บูร์กนับตั้งแต่สมัยโรมันมาจนถึงปัจจุบัน และจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ที่เกี่ยวข้องครับ
- World of Poisons – พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมสัตว์มีพิษจากทั่วโลกมาให้ผู้สนใจได้ชมกัน รวมไปถึงเล่าถึงบทบาทของพิษในหน้าประวัติศาสตร์ด้วยครับ
11. ชมความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่ Werfen Ice Caves
Werfen Ice Caves หรือ Eisriesenwelt เป็นถ้ำน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยตัวถ้ำยาวถึง 42 กิโลเมตรพาดไปตามแนวของเทือกเขาแอลป์ และมีหินงอกหินย้อยที่สวยงามแปลกตาจากที่อื่นๆ ดังนั้นถ้าคุณมีโอกาส ผมแนะนำว่าไม่ควรพลาดเช่นเดียวกันครับ
ตัวถ้ำจะเปิดเฉพาะในช่วงฤดูร้อนถึงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น (พฤษภาคมถึงตุลาคม) นอกจากนี้ด้านในถ้ำยังหนาวประมาณ 0 องศา แม้ว่าจะเป็นช่วงหน้าร้อนก็ตาม ดังนั้นถ้าคุณจะไปเที่ยวที่นี่ เครื่องแต่งกายต้องพร้อมครับ
นอกจากตัวถ้ำด้านในจะยิ่งใหญ่แปลกตาแล้ว ตัวถ้ำยังเป็นจุดชมวิวที่สวยมากด้วย ถ้าได้ไปแล้วอย่าลืมชมและถ่ายรูปครับ
ทั้งนี้ตัวถ้ำอยู่ห่างจากซาลซ์บูร์กประมาณ 34 กิโลเมตร ดังนั้นคุณจะต้องนั่งรถบัสออกจากเมืองไปครับ
ค่าเข้าชม: 35 ยูโร (รวมเคเบิลคาร์แล้ว)
12. ย้อนอดีตที่เหมืองเกลือของซาลซ์บูร์ก
Salzburg Salt Mines หรือ Salzwelten Salzburg เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของออสเตรียและเมืองซาลซ์บูร์ก โดยความเป็นมาของเหมืองแห่งนี้นั้นย้อนไปได้ไกลถึง 400 ปีก่อนคริสตกาล หรือว่ายุคของชาวเซลต์เลยทีเดียว ซึ่งในเวลานั้นก็มีการขุดเกลือ ณ ที่แห่งนี้แล้วครับ
คุณจะได้ลองนั่งรถไฟลงไปในเหมืองที่อยู่ลึกเข้าไปใต้ภูเขาราวกับว่าเป็นคนขุดเกลือคนหนึ่ง นอกจากนี้ยังจะได้ชมทะเลสาบเกลือที่อยู่ใต้ดิน รวมไปถึงศึกษาวิถีชีวิตของชาวเซลต์เมื่อเกือบ 2,500 ปีก่อนว่าเป็นอย่างไร โดยรวมแล้วถือว่าน่าสนใจมากเลยครับ
ตัวเหมืองเกลืออยู่นอกเมืองซาลซ์บูร์กเช่นเดียวกัน โดยห่างออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร ถ้าจะไปเองคือนั่งรถบัสหรือรถไฟไปครับ
แต่จะจะเอาแบบสบายสุด และไม่ต้องรอคิวซื้อตั๋วและเข้าชมเลยด้วย ผมแนะนำเป็นทัวร์ Skip-The-Line Salt-Mines and Bavarian Mountains Tour from Salzburg ของ Viator ในราคา 75.5 ยูโร นี้จะรวมทั้งค่าเข้าชมเหมืองเกลือไว้แล้ว (มูลค่า 35 ยูโร) รวมไปถึงไกด์ รถบัสติดแอร์ และยังไปชมวิวสวยๆ ของเมือง Berchtesgaden ที่มีภูเขาหิมะเรียงรายด้วยครับ
13. ชมวิวที่ The Gaisberg
หลายคนเดินทางมายังเมืองซาลซ์บูร์กแล้วก็อยากจะชมวิวรอบเมืองแบบมุมสูง ซึ่งรวมไปถึงภูเขาหิมะรายรอบเมืองด้วย ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือการขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปชมวิวที่ภูเขา Gaisberg ที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองไปมากนักครับ
จากภูเขาแห่งนี้ คุณจะเห็นวิวตัวเมืองได้อย่างพาโนรามา ซึ่งผมบอกได้เลยว่าสวยงามและน่าประทับใจมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้เล่นด้วย อาทิเช่นสกีและ paragliding ครับ
14. ลองชิมอาหารพื้นเมือง
ในเมืองซาลซ์บูร์กนั้นมีเมนูอาหารรสชาติดีหลายแห่งที่คุณสามารถหารับประทานได้ที่ร้านต่างๆ ในย่านเมืองเก่า เมนูที่คุณควรจะลองนั้นประกอบไปด้วย
- Salzburger Bierfleisch
- Strudel
- Salzburger Nockerl
- และอื่นๆ อีกมากมาย
กิจกรรมพิเศษในซาลซ์บูร์กที่น่าสนใจ
15. The Sound of Music Tour
ซาลซ์บูร์กนั้นเป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Sound of Music (1965) ภาพยนตร์เพลงที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งและได้รับรางวัลออสการ์ถึง 5 รางวัล ซึ่งรวมไปถึงรางวัล Best Picture ด้วยครับ เพราะฉะนั้นนับตั้งแต่บัดนั้นนักเดินทางจำนวนมากจึงเดินทางมาที่ซาลซ์บูร์กเพื่อที่จะมาตามรอย และสัมผัสกับบรรยากาศอย่างที่ปรากฏในภาพยนตร์ครับ
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแล้วตั้งแต่ภาพยนตร์ออกฉาย แต่ปัจจุบันก็ยังมีทัวร์ตามรอยภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ ซึ่งทัวร์นี้จะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง โดยไกด์ท้องถิ่นพาคุณไปชมสถานที่ถ่ายทำระดับไฮไลท์ไม่ว่าจะเป็น
- Mirabell Palace & Gardens
- Schloss Leopoldskron และ Schloss Hellbrunn
- เมืองซังค์กิลเกน (St.Gilgen)
- Basilika St. Michael และเมือง Mondsee
- Nonnberg Abbey และอื่นๆ
สำหรับใครที่รักภาพยนตร์เรื่อง The Sound of Music การได้ไปชมสถานที่เหล่านี้ถือว่าเป็น a must ที่ต้องไปสักครั้งหนึ่ง คุณจะได้ยลความสวยงามและเข้าถึงบรรยากาศแบบเหมือนในตอนที่ถ่ายทำ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาแล้วก็ตามครับ ราคาทัวร์เองก็ไม่แพงจนเกินไปอีกด้วย
อย่างไรก็ดีจากประสบการณ์ของผมคือทัวร์ตามรอยภาพยนตร์แบบนี้จะน่าเบื่อสำหรับใครที่ไม่เคยดูภาพยนตร์มาก่อน เพราะฉะนั้นถ้าคุณยังไม่เคยดู The Sound of Music มาก่อนเลย หรือว่าดูแล้วเฉยๆ ไม่ได้ประทับใจอะไรมากนัก ผมแนะนำให้ข้ามไปครับ
เนื่องจากทัวร์เหล่านี้เป็นทัวร์ท้องถิ่น ก่อนจองผมแนะนำให้ตรวจสอบเรื่องผู้ให้บริการได้ดีก่อน เพราะว่าไม่ได้อยู่ในการควบคุมดูแลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพราะฉะนั้นควรเลือกทัวร์ที่มีคนรีวิวมากๆในแง่บวกเป็นหลัก และจองผ่านแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถืออย่าง Viator และ GetYourGuide จะได้แจ้งขอเงินคืนได้ถ้ามีปัญหาครับ
Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใสผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความนี้มี Affiliate Links หรือผมจะได้ส่วนแบ่งจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองกิจกรรมต่างๆ ผ่านลิงค์ในบทความครับ