หน้าแรกสถานที่ท่องเที่ยวยุโรป8 ที่เที่ยวฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) และกิจกรรมน่าสนใจไม่ควรพลาด

8 ที่เที่ยวฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) และกิจกรรมน่าสนใจไม่ควรพลาด

-

ถ้าจะให้เอ่ยถึงเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศออสเตรียแล้ว คำตอบก็คงจะหนีไม่พ้นกรุงเวียนนา หรือว่าหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) แห่งนี้ ฮัลล์สตัทท์เป็นหมู่บ้าน (หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นเมืองขนาดเล็ก) ที่สุดแสนจะมีเสน่ห์ โดยตั้งอยู่ในรัฐ Upper Austria ริมทะเลสาบ Lake Hallstatt และอยู่ในอ้อมกอดของแนวภูเขา Dachstein ครับ

บทความนี้จะมาแนะนำหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ให้คุณรู้จักอย่างคร่าวๆ ก่อนที่จะไปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ

Affiliate Disclosure: เพื่อความโปร่งใส ผมขอแจ้งให้ทราบว่าในบทความมี Affiliate Links อยู่ นั่นแปลว่าผมอาจจะได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการ ถ้าคุณจองเซอร์วิสต่างๆ ผ่านทางลิงค์ในบทความครับ

รู้จักฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt)

สภาพภูมิศาสตร์ของหมู่บ้านจะตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่โอบล้อมด้วยภูเขาสูงอีกทีหนึ่ง โดยตั้งอยู่ในภูมิภาค Salzkammergut ใกล้กับทางหลวงที่เชื่อมระหว่างซาลซ์บูร์ก และกราซครับ

ถ้าดูเผินๆ แล้วฮัลล์สตัทท์อาจจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญ แต่อันที่จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เพราะฮัลล์สตัทท์มีเหมืองขนาดใหญ่ที่ผลิตเกลืออย่างต่อเนื่องกันมาหลายพันปี (อย่างน้อยตั้งแต่ยุคสำริดหรือประมาณ 5,000 ปีก่อน)

หมู่บ้านฮัลล์ชตัทท์
by Feel Good Studio/ShutterStock

เกลือนั้นเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับดินแดนในประเทศออสเตรียที่ไม่ได้ติดทะเล ชาวฮัลล์สตัทท์จึงใช้ชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งมาตั้งแต่ในอดีต เห็นได้จากการค้นพบทางโบราณคดี ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ที่มีอายุหลายพันปี รวมไปถึงโครงกระดูกมนุษย์ถึงเกือบสองพันร่างที่มีอายุถึง 30-40 ศตวรรษครับ

อย่างไรก็ดีในการเข้าถึงฮัลล์สตัทท์จากโลกภายนอกนั้นยากมาก เพราะทำได้แค่เส้นทางแคบๆ หรือเรือเท่านั้น นี่จึงทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่อย่างเงียบสงบ เนื่องจากไม่ได้เผชิญกับไฟสงครามใดๆ มาตั้งแต่อดีตกาล จนกระทั่งถนนได้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ครับ

หมู่บ้านฮัลล์ชตัทท์ (Hallstatt)
by Kadagan/ShutterStock

หลังจากถนนสร้างเสร็จสิ้น ฮัลล์สตัทท์เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาในฐานะสถานที่ท่องเที่ยว และความดังเป็นพลุแตกนั้นเริ่มต้นหลังจากที่หมู่บ้านได้รับสถานะเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในปี ค.ศ.1997 นอกจากนี้ตัวเมืองยังเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวเอเชีย เพราะซีรีส์เกาหลีอย่าง Spring Waltz ได้มาถ่ายทำที่นี่ในปี ค.ศ.2006

ความดังของฮัลล์สตัทท์ทำให้มีนักท่องเที่ยวในแต่ละวันมากถึง 30,000 คน และเริ่มก่อปัญหาให้กับชาวบ้านที่มีจำนวนไม่ถึง 800 คน ส่งผลให้ในระยะหลังมีหมู่บ้านมีนโยบายจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวรายวันที่ไม่ได้พักในเมืองครับ

ข้อควรทราบ

การเดินทางไปฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) ทำอย่างไร?

เมืองใหญ่ที่ใกล้กับฮัลล์ตัทท์มากที่สุดคือซาลซ์บูร์ก (Salzburg) โดยวิธีที่ง่ายและสบายที่สุดในการเดินทางจากซาลซ์บูร์กคือนั่งรถไฟ เพราะมีเปลี่ยนรถเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อความสะดวกสบาย ผมแนะนำให้ซื้อตั๋วและตรวจสอบแผนการเดินทางกับ Omio ครับ

อย่างไรก็ดีหลังจากที่คุณเดินทางไปถึงสถานีรถไฟแล้ว คุณจะต้องนั่งเรือเฟอร์รี่เพื่อไปยังตัวเมือง ซึ่งตอนอยู่ในเรือ คุณจะได้ชมวิวสวยๆ ของทะเลสาบ Hallstatt ด้วยครับ

แต่ถ้าคุณต้องการประหยัดเวลา การเช่ารถแล้วขับไปเองจะใช้เวลาน้อยกว่ามาก (ถึงครึ่งหนึ่ง) เช่นเดียวกับการซื้อทัวร์ท้องถิ่นจากซาลซ์บูร์ก ซึ่งจะรับคุณจากจุดนัดพบ แล้วเดินทางไปเที่ยวฮัลล์สตัทท์ บางทริปคุณอาจจะได้ไปหมู่บ้านใกล้ๆ ด้วยอย่างเช่นโกเซา (Gosau) หรือโอเบอร์ทราวน์ (Obertraun) ครับ

ระหว่างที่ไปเยี่ยมเยือนหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์นั้น โปรดลดการใช้เสียงลงครับ เพราะชาวบ้านเพิ่งจะมีการประท้วงเรื่องนี้ไปหมาดๆ จนถึงกับตั้งป้ายเตือนให้เงียบ (แต่ถูกนำออกไปแล้ว)

1. Hallstatt Photo Point

Hallstatt Photo Point เป็นจุดถ่ายรูปริมทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ในย่าน Römisches ของหมู่บ้านและอยู่ไม่ไกลจาก Market Square จุดนี้เป็นจุดที่ถ่ายตัวหมู่บ้านได้สวยที่สุด และเป็นแห่งเดียวกับที่เป็นไวรัลใน social media ด้วยครับ

Hallstatt Photo Point
by Olga Gavrilova/ShutterStock

จากจุดนี้คุณจะเห็นอาคารบ้านเรือนต่างๆ อันเป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงโบสถ์คริสต์อันเป็นศาสนสถานและศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง เช่นเดียวกับส่วนหนึ่งของทะเลสาบ และภูเขาที่ตั้งอยู่รายรอบครับ

สำหรับช่วงที่ถ่ายรูปสวยที่สุดนั้น ทางเว็บ Official ของตัวหมู่บ้านแนะนำว่าเป็นช่วงเช้าตรู่ตอนพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งถ้าคุณอยากได้ประสบการณ์ดังกล่าว คุณอาจจะต้องเลือกพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ครับ

2. Hallstatt Skywalk

Hallstatt Skywalk เป็นจุดชมวิวใหม่ของหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ โดยมีลักษณะเป็น Skywalk ตั้งอยู่บนภูเขาเกลือของเมือง และสูงเหนือหมู่บ้านประมาณ 350 เมตร

ถ้าคุณมองลงไปด้านล่าง คุณจะเห็นวิวหมู่บ้าน และทะเลสาบได้แบบพาโนรามา รวมไปถึงผืนป่าโดยรอบที่อุดมสมบูรณ์ยิ่ง (งามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว) เช่นเดียวกับหอคอย Rudolfsturm หอคอยโบราณที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เพื่อป้องกันเหมืองเกลือครับ

ตัวเมือง Hallstatt จาก Hallstatt Skywalk
Image by Karl Egger from Pixabay

ความสวยงามของวิวจุดนี้จะแตกต่างออกไปจากการถ่ายรูปชมวิวที่ Hallstatt Photo Point เพราะฉะนั้นควรค่าต่อการไปเยือนเช่นกัน ทั้งนี้จุดนี้มีชื่อเสียงขึ้นมา หลังจากที่ Nicole Kidman ได้เดินทางมาถ่ายทำซีรีส์เรื่อง Nine Perfect Strangers ที่นี่ในช่วงต้นปี 2024 ครับ

วิธีการขึ้นไปยังจุดชมวิวคือต้องนั่งรถกระเช้าไฟฟ้า Salzbergbahn Funicular ขึ้นไป (ราคาอยู่ที่ 22 ยูโร) เพราะฉะนั้นนักเดินทางมักจะไปชมควบคู่กับการไปเที่ยวเหมืองเกลือ และเขตโบราณคดีครับ

3. Salzwelten Hallstatt

ด้านในเหมืองเกลือนั้นจะมีอุณหภูมิประมาณ 8 องศาอยู่ตลอดทั้งปี เพราะฉะนั้นโปรดเตรียมเสื้อกันหนาวให้พร้อม แม้ว่าคุณจะไม่ได้ไปเยือนในช่วงฤดูหนาวก็ตามครับ

Salzwelten Hallstatt เป็นเหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยมีอายุมากถึง 7,000 ปี และยังคงมีการผลิตเกลือมาจนถึงปัจจุบันด้วยครับ

ทั้งนี้คุณสามารถเข้าชมเหมืองเกลือแห่งนี้ได้ และได้สัมผัสประสบการณ์เหมือนกับเหล่าคนงานขุดเหมือง ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถตามทางลาดยาวกว่า 64 เมตร ชมบันไดอายุ 2,800 ปีก่อนที่ในอดีตใช้ขนเกลือออกไปจากเหมือง รวมไปถึงเดินชมจุดอื่นๆ ตามเส้นทางที่กำหนดไว้กว่า 2 กิโลเมตร และปิดท้ายด้วยภาพยนตร์ Animation ที่บอกเล่าเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของที่นี่ครับ

สำหรับค่าเข้าชมนั้นจะรวมไปกับค่ารถกระเช้าไฟฟ้า (Funicular) โดยจะอยู่ที่ 40 ยูโร อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บทางการครับ

4. Prehistoric Expedition

Prehistoric Expedition เป็นกิจกรรมพิเศษที่มีในช่วงฤดูร้อน (กรกฎาคมและสิงหาคม) ของทุกปีเท่านั้น โดยคุณจะได้ลงไปสำรวจเหมืองเกลือส่วนที่นักโบราณคดีกำลังศึกษาอยู่ ซึ่งเป็นส่วนที่คนงานเหมืองเคยค้นพบ ‘Man in Salt’ ร่างของคนงานเหมืองที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อเกือบสามพันปีก่อน แต่ความพิเศษอยู่ตรงที่ร่างของเขาอยู่ในสภาพดีเยี่ยม นั่นคืออยู่ในเครื่องแต่งกายยุคโบราณ และยังหลงเหลือเส้นผมและผิวหนังหลงเหลืออยู่ด้วยครับ

นอกจากนี้คุณได้ชมโบราณวัตถุอีกมากมายที่นักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ค้นพบในพื้นที่แถบนี้ ตั้งแต่ขวานโบราณไปจนถึงเครื่องแต่งกาย รับรองได้ว่าใครที่ชอบประวัติศาสตร์ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ

ในการชมนั้น คุณจะได้สวมใส่หมวกนิรภัยเช่นเดียวกับที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญใช้ และเดินไปตามอุโมงค์แคบๆ ซึ่งจะต้องใช้สภาพร่างกายที่แข็งแรงพอสมควร เพราะว่าจะต้องเดินหลายชั่วโมงด้วยกัน ราคาของกิจกรรมนี้จะอยู่ที่ 80 ยูโร แต่จะรวมค่ารถกระเช้าไฟฟ้าไว้แล้วครับ

5. Market Square

Market Square คือจัตุรัสอันเป็นศูนย์กลางหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ และเป็นจุดที่ชาวบ้านมารวมตัวกันตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบันที่นี่อุดมไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหารที่เปิดขึ้นเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในบ้านที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ทำให้มีบรรยากาศอันอบอุ่นเหมือนกับครั้งอดีตครับ

Market Square ใจกลางหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt)
by TTStudio/ShutterStock

ตรงกลางหมู่บ้านมีอนุสาวรีย์ Holy Trinity Statue ที่สร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในช่วงศตวรรษที่ 18 และในปัจจุบันได้กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจัตุรัสครับ พื้นที่บริเวณนี้ใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญของเมือง ไม่ว่าจะเป็นตลาดคริสตมาส (Christmas Market) หรือว่าคอนเสิร์ตต่างๆ ครับ

6. Hallstatt Charnel House

สำหรับใครที่ชอบเที่ยวแนวหลอนๆ หรือว่าชอบฟังรายการผีทั้งหลาย Hallstatt Charnel House (Beinhaus Hallstatt) เป็นสถานที่ที่ควรไม่ควรพลาดไปเยือน เพราะภายในอาคารแห่งนี้เก็บรักษากระโหลกศีรษะมนุษย์ที่ถูกระบายสี และวาดเป็นภาพต่างๆ ถึง 600 หัวด้วยกัน

หลายคนอาจจะสงสัยในเรื่องที่มาของกระโหลกเหล่านี้ จริงๆ แล้วมาจากในช่วงศตวรรษที่ 19 กล่าวคือชาวบ้านแถบนี้จะมีวัฒนธรรมในการนำกระโหลกศีรษะของญาติผู้วายชนม์มาแกะสลักและตบแต่งด้วยสีต่างๆ ก่อนที่จะทำพิธีศพเป็นครั้งที่สอง

วัฒนธรรมที่ว่านี้ค่อนข้างแพร่หลาย เพราะว่ามีการค้นพบกระโหลกที่ถูกระบายด้วยสีอย่างประณีตเกินกว่าสองพันหัว และนักโบราณคดีเชื่อว่าน่าจะมีมากกว่านี้ด้วย แต่ที่นี่จะจัดแสดงให้ดูเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นครับ

7. World Heritage Museum Hallstatt

หมู่บ้านฮัลล์สตัทท์นั้นแม้ว่าจะเล็ก แต่ก็อุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ดังนั้นถ้าคุณสนใจประวัติศาสตร์ ผมแนะนำไปให้ไปเยือน World Heritage Museum Hallstatt พิพิธภัณฑ์ที่จะบอกเล่าเรื่องราว ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ตั้งแต่สมัยเมื่อประมาณ 7,000 ปีก่อน มาจนถึงปัจจุบันครับ

จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือจะมีการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย เช่น Animation หรือ Hologram มาช่วยให้คุณเข้าใจและเรียนรู้สิ่งที่ทางพิพิธภัณฑ์จะถ่ายทอดได้ง่ายขึ้นครับ

8. Lake Hallstatt

นักเดินทางส่วนใหญ่จะได้ชมวิวสวยๆ รอบทะเลสาบ Hallstatt อยู่แล้ว เพราะว่าจะต้องนั่งเรือเฟอร์รี่จากสถานีรถไฟไปยังตัวหมู่บ้าน แต่ถ้าคุณอยากชมวิวให้ได้เต็มอิ่มกว่านั้น คุณจะมีอีกหลายตัวเลือกด้วยกันครับ

 Lake Hallstatt
by TH G/pixabay

ตัวเลือกแรกคือเช่าเรือส่วนตัว ซึ่งมีให้เลือกทั้งเรือสมัยใหม่กับเรือโบราณแบบ Zille ซึ่งเป็นเรือไม้ที่ชาวบ้านใช้สัญจรไปมาตั้งแต่ในอดีต หรือถ้าอยากได้แบบเบสิกกว่านั้น คุณสามารถเช่าเรือหงส์ (พูดง่ายๆ คือเรือเป็ดแบบที่เราคุ้นเคยกันดี) และถีบไปมาเพื่อชมความงามของทะเลสาบได้ครับ

ส่วนถ้าใครชอบขี่จักรยาน คุณสามารถเช่าจักรยานและขี่ไปรอบทะเลสาบได้ ซึ่งมีเส้นทางที่มีกำหนดไว้แล้วด้วย โดยมีความยาวประมาณ 41 กิโลเมตร และใช้เวลาปั่นประมาณ 4-5 ชั่วโมงครับ

ตัวเลือกอื่นๆ นอกจากฮัลล์สตัทท์

สำหรับใครที่อยากได้บรรยากาศคล้ายกันกับฮัลล์สตัทท์ แต่ไม่อยากผจญกับนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล ออสเตรียยังมีอีกหลายที่ที่น่าสนใจ

สองแห่งแรกที่ผมแนะนำคือซังค์กิลเกน (St.Gilgen) และซังค์โวล์ฟกัง (St.Wolfgang) ทั้งสองเมืองเป็นเมืองริมทะเลสาบ Wolfgangsee ทั้งคู่ และอยู่ใกล้กับซาลซ์บูร์กด้วย ความสวยงามของทั้งสองแห่งนั้นไม่ได้ด้อยกว่าฮัลล์สตัทท์เลยครับ แต่นักท่องเที่ยวน้อยกว่านี่แน่นอน

อีกหนึ่งแห่งที่น่าไปคือเซล อัม ซี (Zell am See) เมืองริมทะเลสาบ Zell ที่งดงามตระการตา แถมถ้าคุณไปที่นี่ คุณจะได้ชมความสวยของ Grossglockner ยอดเขาที่สูงที่สุดของออสเตรียด้วยครับ

References

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwat
ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าทริปนั้นได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ทั้งนี้ผมรักที่จะค้นหาธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่เดินทางไปครับ

สถานที่ท่องเที่ยวน่าไป

โรงแรมน่าจอง

error: Content is protected !!